ศึกษาธิการ - พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 12/2557 เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2557 ณ ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในประเด็นการเห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา/ผู้อำนวยการสถานศึกษา การสอบคัดเลือกบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค.(2) และการสอบตำแหน่งครูผู้ช่วย
เนื่องจากที่ผ่านมามีประเด็นปัญหาเกี่ยวกับการประกาศตำแหน่งว่างในปัจจุบัน และจำนวนที่คาดว่าจะว่างเนื่องจากการเกษียณอายุราชการใน 2 ปีงบประมาณถัดไป ทำให้ไม่สามารถระบุจำนวนตำแหน่งที่คาดว่าจะว่างได้อย่างถูกต้อง และเมื่อมีการขึ้นบัญชีผู้ผ่านการสรรหา เรียงลำดับคะแนนจากมากไปหาน้อยเท่ากับจำนวนตำแหน่งว่างในปัจจุบันและจำนวนตำแหน่งที่คาดว่าจะว่างทำให้ผู้สอบผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60 ที่อยู่ในลำดับที่เกินจำนวนตำแหน่งว่าง ร้องขอขึ้นบัญชีเป็นผู้ผ่านเกณฑ์ และบางรายฟ้องต่อศาลปกครอง
ที่ประชุมในครั้งนี้ จึงได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้มีความชัดเจนในทางปฏิบัติดังนี้
- มอบอำนาจให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ. สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เป็นผู้ดำเนินการคัดเลือก โดยให้ สพฐ.เป็นผู้ดำเนินการบริหารจัดการในการออกข้อสอบภาค ก สำหรับภาค ข ให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาดำเนินการออกข้อสอบ และให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา หรือสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ดำเนินการสอบ ภาค ก และ ภาค ข พร้อมกัน
- การคัดเลือกแบ่งเป็นกลุ่มทั่วไป และกลุ่มประสบการณ์
- กำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือก ตามมาตรฐานตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา ตามมาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
- ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กำหนดวัน และเวลาในการดำเนินการคัดเลือกพร้อมกัน โดยผู้มีคุณสมบัติ สามารถสมัครเป็นผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา หรือผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา หรือผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ได้ตามความประสงค์ หากผู้สมัครที่มีคุณสมบัติสมัครได้ทั้งกลุ่มทั่วไป และกลุ่มประสบการณ์ ให้เลือกสมัครได้เพียงกลุ่มเดียว
- การประกาศตำแหน่งว่างและการรับสมัคร ให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ.สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ประกาศจำนวนตำแหน่งว่างที่จะใช้บรรจุและแต่งตั้งในปัจจุบัน เป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มทั่วไป และกลุ่มประสบการณ์ ตามสัดส่วนที่เท่ากัน หากไม่สามารถระบุจำนวนตำแหน่งว่างได้เท่ากัน ให้กำหนดจำนวนตำแหน่งว่างกลุ่มประสบการณ์มากกว่ากลุ่มทั่วไป 1 ตำแหน่ง
- ให้มีการขึ้นบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือกที่ได้คะแนนผ่านเกณฑ์การตัดสินไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 ทั้งหมดเรียงลำดับที่ตามผลคะแนนจากมากไปหาน้อยในแต่ละกลุ่ม โดยบัญชีมีอายุ 2 ปี นับจากวันประกาศรายชื่อ
ส่วนหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสถานศึกษา และผู้อำนวยการสถานศึกษา ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ใช้หลักการในการปรับปรุงเช่นเดียวกับหลักเกณฑ์ฯ ในพื้นที่ทั่วไป โดยเพิ่มเงื่อนไขในการบรรจุและแต่งตั้ง ซึ่งผู้ที่ได้รับการคัดเลือกที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้ง จะต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 4 ปี นับแต่วันที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้ง จึงจะขอย้ายออกนอกเขตพื้นที่ได้ โดยไม่สามารถนำเหตุผลใดๆ มาเป็นข้ออ้างในการขอย้ายออกนอกพื้นที่ได้
ที่ประชุมเห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค.(2) สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
- ให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เป็นผู้ดำเนินการคัดเลือก ให้เป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยยึดถือระบบคุณธรรม ความเสมอภาค ความโปร่งใส และตรวจสอบได้
- ให้ส่วนราชการเป็นผู้พิจารณากำหนดสัดส่วนจำนวนตำแหน่งว่างเพื่อใช้ในการคัดเลือกและสอบแข่งขันได้ตามความเหมาะสม
- ผู้มีสิทธิ์สมัคร ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
1) ปัจจุบันเป็นพนักงานราชการ หรือลูกจ้างชั่วคราวจากเงินงบประมาณ หรือเงินรายได้ของหน่วยงานการศึกษา ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับลักษณะงานของตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2) ของหน่วยงานการศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ตามคำสั่งหรือสัญญาจ้างหรือเอกสารอื่นที่ทางราชการออกให้ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ปี นับถึงวันรับสมัครคัดเลือกวันสุดท้าย ซึ่งเป็นระยะเวลาต่อเนื่องกันหรือไม่ก็ได้
2) มีคุณสมบัติทั่วไปตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547
3) มีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งตรงตามมาตรฐานตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2)
4) มีประสบการณ์ในตำแหน่งที่สมัครเข้ารับการคัดเลือกไม่น้อยกว่า 4 ปี
- การทดสอบ ให้ทดสอบ 3 ภาค คือ ภาค ก ภาคความรู้ความสามารถทั่วไป ภาค ข ภาคความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง และภาค ค ภาคความเหมาะสมกับตำแหน่ง โดยให้ทดสอบภาค ก และภาค ข ก่อน แล้วจึงให้ผู้ที่ได้คะแนนผ่านเกณฑ์ เข้ารับการประเมิน ภาค ค ต่อไป
- เกณฑ์การตัดสิน ผู้ผ่านการคัดเลือกต้องได้คะแนนในแต่ละภาคไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60
- ให้บรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับการคัดเลือก ตามจำนวนตำแหน่งที่ประกาศรับสมัครโดยไม่มีการขึ้นบัญชี กรณีที่มีผู้ผ่านการคัดเลือกไม่ครบตามจำนวนตำแหน่งที่ประกาศรับสมัคร ให้บรรจุเท่าที่คัดเลือกได้
- ผู้ได้รับการบรรจุและแต่งตั้ง ต้องปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานการศึกษาที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 4 ปี จึงจะมีสิทธิ์ขอย้าย
โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
- กำหนดให้ สพฐ. เป็นผู้บริหารจัดการในการออกข้อสอบ ภาค ก และมอบให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ. สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เป็นผู้ดำเนินการสอบภาค ก ภาค ข และภาค ค ตามวันและเวลาที่ สพฐ. กำหนด โดยจะมีการประกาศรายชื่อผู้สอบผ่าน ภาค ก ก่อน ผู้ที่มีคะแนนผ่าน ภาค ก จะมีสิทธิ์เข้ารับการสอบภาค ข และภาค ค ต่อไป
- ให้เพิ่มการสอบความสามารถด้านภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน ตามที่ส่วนราชการกำหนด
- ให้มีการขึ้นบัญชีผู้สอบผ่าน ภาค ก ไว้ไม่เกิน 2 ปี และขึ้นบัญชีรายชื่อผู้สอบผ่านภาค ข และ ภาค ค ไว้ไม่เกิน 2 ปีเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นบัญชีของเขตพื้นที่การศึกษานั้นๆ
- กรณีเขตพื้นที่การศึกษาใดไม่ได้จัดสอบ เนื่องจากขณะนั้นไม่มีตำแหน่งว่าง หรือไม่มีผู้สอบได้ในสาขาวิชาที่มีตำแหน่งว่าง หรือไม่มีบัญชีรายชื่อผู้สอบแข่งขันได้ในสาขาวิชาที่มีตำแหน่งว่าง ให้มีการขอใช้บัญชีรายชื่อผู้สอบแข่งขันได้จากเขตพื้นที่การศึกษาอื่นมาบรรจุและแต่งตั้งในเขตที่ว่างได้
โดยมีสาระสำคัญดังนี้
- ให้ส่วนราชการกำหนดวัน และเวลาในการดำเนินการคัดเลือก สัดส่วนจำนวนตำแหน่งว่างเพื่อใช้ในการคัดเลือก และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคัดเลือก
- เพิ่มเติมคำนิยามของเงินรายได้ของสถานศึกษาให้มีความชัดเจนและครอบคลุมเป็นมาตรฐานเดียวกัน
- ให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาเป็นผู้ดำเนินการสอบคัดเลือกทุกขั้นตอน
- กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่มีสิทธิ์สมัครเข้ารับการคัดเลือกให้ชัดเจน
- กำหนดให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาประกาศสอบคัดเลือก โดยกำหนดวิชาเอก และวิชาเอกทั่วไป ตามความต้องการของเขตพื้นที่การศึกษา
- เพิ่มเติมการสอบความรู้ความสามารถด้านภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน โดยให้เป็นไปตามที่ส่วนราชการกำหนด
ภาพ สถาพร ถาวรสุข
โดยกำหนดให้ผู้ปฏิบัติงานในเขตพื้นที่นี้ ที่ได้ปฏิบัติงานในตำแหน่งดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี มีสิทธิ์สมัครเข้ารับการคัดเลือก และเมื่อผ่านการคัดเลือกแล้วจะต้องปฏิบัติงานในสถานศึกษาที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งไม่น้อยกว่า 3 ปี จึงจะมีสิทธิ์ขอย้ายออกนอกพื้นที่ได้ สำหรับหลักเกณฑ์และวิธีการ กำหนดหลักการเช่นเดียวกับหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ
ที่มา ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ