พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 7/2557 เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2557 มีสาระสำคัญดังนี้
• รับทราบการเตรียมจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่ประชุมรับทราบการเตรียมจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา 5 ธันวาคม 2557 ของ ศธ. ภายใต้ชื่อ “เทิดไท้พระผู้ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน” ระหว่างวันที่ 3-5 ธันวาคม 2557 บริเวณโดยรอบ ศธ. และในส่วนภูมิภาค ซึ่งจะจัดตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ โดยพิธีเปิดงานจะจัดขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 3 ธันวาคม 2557 ที่บริเวณเวทีกลางหน้า ศธ. และมีพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพร ในวันที่ 5 ธันวาคม 2557 พร้อมกับมณฑลพิธีท้องสนามหลวง กิจกรรมภายในงานประกอบด้วยนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ นิทรรศการพระราชกรณียกิจ การลงนามถวายพระพรออนไลน์ การแสดงของนักเรียนนักศึกษา การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของนักเรียนนักศึกษา เป็นต้น
นอกจากนี้ ศธ.ได้ร่วมจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ “รักพ่อ” ของสำนักนายกรัฐมนตรี ในระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน-6 ธันวาคม 2557 ที่บริเวณท้องสนามหลวงและถนนราชดำเนินกลาง ซึ่งจะจัดเป็นนิทรรศการและแสดงผลการดำเนินโครงการตามแนวพระราชดำริในรูปแบบนิทรรศการมีชีวิต จัดกิจกรรมจากใจเยาวชน “อุโมงค์แสงวันเวลาพระทรงธรรม์” เป็นการประกวดวาดภาพความทรงจำที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
•ให้ศึกษาการทำประกันชีวิตหมู่ พร้อมเสนอให้ตั้งมูลนิธิช่วยเหลือครู-นักเรียนชายแดนใต้
ที่ประชุมรับทราบตามที่ สพฐ. ได้รายงานถึงความก้าวหน้าการก่อสร้างอาคารเรียน 5 หลัง เพื่อใช้ทดแทนอาคารเรียนที่ได้รับความเสียหายจากการถูกลอบวางเพลิงในพื้นที่จังหวัดปัตตานีทั้ง 6 โรงเรียน งบประมาณ 23 ล้านบาท ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทหารช่างของกองทัพบกเป็นกำลังหลักในการก่อสร้าง และมีนักเรียนนักศึกษาอาชีวศึกษาในพื้นที่ช่วยสร้างด้วย โดยในขณะนี้โรงเรียนทั้ง 6 โรงเรียนได้เปิดทำการเรียนการสอนตามปกติแล้ว
รมว.ศธ.กล่าวถึงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลาว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย จึงควรมีการจัดทำประกันชีวิตหมู่ ทั้งนี้ได้ขอให้มีการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมว่า ประกันชีวิตหมู่จะเกิดประโยชน์และเป็นขวัญกำลังใจแก่นักเรียนนักศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษามากน้อยเพียงใด รวมทั้งให้มีการจัดตั้งกองทุนหรือจัดกิจกรรมเพื่อหารายได้หรือเงินบริจาค เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากสิทธิประโยชน์ที่ ศธ.ให้อยู่แล้ว ซึ่งอาจจัดตั้งในลักษณะมูลนิธิ เพื่อให้ผู้บริจาคสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
• อาชีวศึกษาเตรียมจัดโครงการเตรียมความพร้อม ที่ รร.ชุมพลทหารเรือ
ที่ประชุมรับทราบรายงานความก้าวหน้าการจัดโครงการเตรียมความพร้อมอาชีวศึกษา (Pre. Voc. Ed.) จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ร่วมกับกองทัพเรือ ในระหว่างวันที่ 12 พฤศจิกายน-7 ธันวาคม 2557 ที่โรงเรียนชุมพลทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ จังหวัดชลบุรี โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ วิทยาลัยสารพัดช่างสมุทรปราการ และวิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกสมุทรปราการ จำนวนทั้งสิ้น 97 คน เพื่อเข้ารับการฝึกทักษะชีวิตการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสร้างสรรค์ ปลูกฝังระเบียบวินัย และความสามัคคี ปรับพื้นฐานทางวิชาการและฝึกทักษะอาชีพ รวมทั้งเพิ่มศักยภาพให้ตรงตามความต้องการของสถานประกอบการ
• รับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปี 2558 ของ ศธ.
ที่ประชุมรับทราบผลการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2558 ของ ศธ. ซึ่งได้รับงบประมาณทั้งสิ้น 501,326 ล้านบาท โดยได้เบิกจ่ายไปแล้ว 59,464 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 11.86 ของงบประมาณทั้งหมด แยกเป็น
- งบรายจ่ายประจำ 461,384 ล้านบาท เบิกจ่ายไปแล้ว 56,398 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 12.22 ของงบรายจ่ายประจำทั้งหมด
- งบลงทุน 39,941 ล้านบาท เบิกจ่ายไปแล้ว 3,065 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 7.67 ของงบลงทุนทั้งหมด
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปี 2558 ของ ศธ. ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จำนวน 13,198 ล้านบาท ในระยะ 3 เดือนแรก (งบไทยเข้มแข็ง) ซึ่งมี 3 หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณ ได้แก่ สพฐ.จำนวน 8,844 ล้านบาท สอศ.จำนวน 2,526 ล้านบาท และ สกอ.และมหาวิทยาลัยของรัฐ จำนวน 1,827 ล้านบาท ในขณะนี้ทั้ง 3 หน่วยงานได้เร่งทำสัญญาจ้างและเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2557 พร้อมทั้งประสานกับสำนักงบประมาณเพื่อให้หน่วยงานนำข้อมูลเข้าระบบ e-Budgeting เพื่อจัดสรรงบประมาณและดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ รมว.ศธ.ขอให้เร่งรัดให้มีการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 2558 ในส่วนของงบลงทุนมากขึ้น และควรสำรวจความต้องการของสถานศึกษาในการใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเน้นการซ่อมแซมปรับปรุงสถานศึกษา และให้ใช้งบประมาณด้วยความโปร่งใส เป็นไปตามแผนงาน พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ทุกฝ่ายได้รับทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดต่อไป
• รับทราบผลการดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วน ในรอบเดือนตุลาคม 2557
ที่ประชุมรับทราบการรายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐมนตรี ประจำปีงบประมาณ 2558 นโยบายเร่งด่วน ในรอบเดือนตุลาคม 2557 ดังนี้
1) เร่งสำรวจ โรงเรียน สถานศึกษา ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย ซึ่งพบว่ามีหน่วยงาน/สถานศึกษาได้รับความเสียหาย จำนวน 39 แห่งใน 23 จังหวัด ประมาณการความเสียหาย 8 ล้านบาท
2) เร่งแก้ไขปัญหาความรุนแรงและเหตุทะเลาะวิวาทของนักศึกษาอาชีวศึกษาอย่างเป็นระบบต่อเนื่อง ได้มีการหารือกับผู้บริหารสถานศึกษาที่ก่อเหตุ กำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไข เช่น โครงการถนนปลอดภัย ติดตั้งกล้องวงจรปิด การเฝ้าระวัง การเพิ่มประสิทธิภาพการสอน เป็นต้น
3) เร่งสร้างค่านิยมอาชีวศึกษา ปรับภาพลักษณ์และกำหนดมาตรการจูงใจเพื่อให้นักเรียนนักศึกษามาเรียนอาชีวศึกษา ได้จัดทำโครงการหลักสูตรเตรียมอาชีวศึกษา (Pre.Voc.Ed) ร่วมกับสำนักจิตวิทยา กองกิจการพลเรือนทหารเรือ เพื่อปรับพื้นฐานทางวิชาการและฝึกทักษะอาชีพแก่นักเรียนประกาศนียบัตรวิชาชีพกว่า 100 คน
4) ทบทวนหลักสูตร การเรียนการสอน เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนากระบวนการคิด วิเคราะห์ ความรู้ความสามารถ และปลูกฝังค่านิยมหลัก คุณธรรมจริยธรรม ได้ดำเนินการพัฒนาการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง นำค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการไปสู่การปฏิบัติ รณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถาบันอุดมศึกษา และจัดตั้งสถาบันเฉพาะทางเพื่อต่อยอดสถานศึกษาเดิมที่มีความเป็นเลิศเฉพาะทาง
5) ทบทวนการอุดหนุนรายหัวนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งรัฐและเอกชน ช่วยเหลือค่าอุปกรณ์การเรียนของผู้เรียนสายอาชีวศึกษา และช่วยเด็กยากจน พิการ ด้อยโอกาส โดย สพฐ.จัดสรรงบประมาณเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 สำหรับนักเรียนระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 7,243,713 คน เป็นเงิน 9,272 ล้านบาท และอนุมัติการจัดสรรงบประมาณเพื่อจัดหาเครื่องมือประจำตัวแก่ผู้เรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพทุกสังกัด 262,263 คน เป็นเงิน 390 ล้านบาท ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้มีการเบิกจ่ายและโอนเงินอุดหนุนทางการศึกษาสำหรับนิสิตนักศึกษาพิการในระดับอนุปริญญาและปริญญาตรีให้กับสถาบันอุดมศึกษา 5 ภูมิภาค รวม 20 ล้านบาท
6) เร่งขยายบทบาทของภาคเอกชนในการมีส่วนร่วมในระบบการศึกษา ได้ดำเนินการส่งเสริมการจัดการศึกษาเชิงบูรณาการการเรียนรู้กับการมีงานทำ (Work-Integrated Learning : WIL) เพื่อให้นักศึกษาได้มีโอกาสเรียนรู้การทำงานจริง
7) เร่งปรับระบบการบรรจุครูและรับรองมาตรฐานวิชาชีพครู แก้ไขปัญหาการขาดแคลนครูอาชีวศึกษา โดยได้จัดทำ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการบรรจุและแต่งตั้งบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเข้ารับราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมทั้งเห็นชอบแนวปฏิบัติสำหรับผู้ประสงค์จะประกอบวิชาชีพครูอาชีวศึกษาในสาขาที่ขาดแคลน
8) เร่งทบทวนมาตรการการจัดกิจกรรมรับน้องของนักเรียนนักศึกษาในสถาบันการศึกษาต่างๆ โดย สกอ.ได้มีหนังสือแจ้งเวียนประกาศการรับน้องใหม่ พร้อมทั้งประชุมหารือและมอบนโยบายแก่ผู้บริหารสถานศึกษาและผู้นำนักศึกษา ส่วนสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้มีนโยบายให้สถานศึกษาจัดกิจกรรมรับน้องเชิงสร้างสรรค์ และมีมาตรการห้ามจัดกิจกรรมรับน้องนอกสถานศึกษาโดยเด็ดขาด
9) เร่งทบทวนมาตรการความปลอดภัยในการจัดกิจกรรมทัศนศึกษานอกสถานศึกษา ได้มีหนังสือเวียนเพื่อย้ำให้สถานศึกษาปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการพานักเรียนนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา พ.ศ.2548 อย่างเคร่งครัด
10) เร่งดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับด้านการศึกษา ได้กำหนดผู้รับผิดชอบในการรายงานตามนโยบาย แต่งตั้งคณะทำงานจัดทำรายงาน และจัดทำระบบการรายงานผลการปฏิบัติงานของกระทรวงศึกษาธิการทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งกำหนดตัวชี้วัดรองรับโครงการตามนโยบาย
ขอบคุณที่มาจาก ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ