พุงเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ไม่อยากมี สำหรับคนที่ขี้เกียจออกกำลังกาย ทดลองมาหลายวิธีอาจยังไม่เกิดผล
พุง เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากมี สำหรับคนที่ขี้เกียจออกกำลังกาย ทดลองมาหลายวิธีอาจยังไม่เกิดผล รับประทานอาหารเสริมก็กลัวผลข้างเคียงและไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายในราคาสูง
วันนี้เรามีทางเลือกใหม่สำหรับคนที่ชอบรับประทานให้เลือกรับประทาน “แบคทีเรีย” ที่ถูกต้องพร้อมสลายไขมัน ให้หน้าท้องแบนราบ ได้อย่างมั่นใจ
ไม่ใช่พิษร้ายต่อร่างกายเสมอไป เราเปลี่ยนแบคทีเรียศัตรูที่เป็นพิษให้เป็นมิตรต่อร่างกายได้โดยการเลือก แบคทีเรียชนิดดีหรือโปรไบโอติก ที่มีผลต่อการดูดซึมสารอาหาร ซึ่งเป็นตัวควบคุมความอยากอาหารและมีแนวโน้มในการช่วยสลายการสะสมของไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้อง โดยแบคทีเรียที่กล่าวมาข้างต้น สามารถหาได้จากอาหารที่รับประทานอยู่ในชีวิตประจำวัน ดังนี้
อุดมด้วยโปรไบโอติก แต่ควรเลือกแบบที่ดองในเกลือทะเลและน้ำ เพราะน้ำส้มสายชู ทำให้ได้รับประโยชน์จากแบคทีเรียชนิดดีไม่เต็มที่
ถั่วฝักอุดมด้วยแป้งที่ทนต่อการย่อยด้วยเอนไซม์ ซึ่งเป็นพรีไบโอติกที่ช่วยเผาผลาญไขมัน ถ้าคุณนำถั่วแขกไปลวก แล้วต่อด้วยการแช่น้ำเย็นจัด ๆ ก็จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้มากขึ้น
กระเทียมต้นครึ่งต้นมีอินูลิน ซึ่งเป็นพรีไบโอติก ถึง 5 กรัม และยังมีโอลิโกฟรุคโตส ช่วยรักษาสมดุลของระดับน้ำตาลในกระแสเลือดอีก 5 กรัม
นอกจากจะช่วยเพิ่มจำนวน L Reuteri (แบคทีเรียที่ช่วยต้านโรค) แล้ว กระเทียมสองกลีบยังช่วยยับยั้งการเพิ่มจำนวนของ อี โคไล (แบคทีเรียชนิดไม่ดี) และทำให้ได้รับพรีไบโอติกอีก 1 กรัมด้วย
หน่งไม้ฝรั่งแค่ 5-6 ต้น มีฟรีไบโอติกถึง 6 กรัมแค่การต้มจะทำให้ผักชนิดนี้ช่วยลดไขมันได้น้อยลง จึงควรต้มโดยใช้ไฟอ่อนแค่สองนาที สีจะได้เขียวสดเหมือนเดิมด้วย
แค่ 20 กรัมมีอินูลิน ซึ่งเป็นพรีไบโอติกถึง 3.5 กรัม และถ้านำไปบดผสมกับน้ำมันก็จะได้เมนูคาร์โบไฮเดรตต่ำ ซึ่งดีต่อสุขภาพมากินแทนมันบอด
อุดมด้วยโอลิโกฟรุคโตสซึ่งเป็นพรีไบโอติก ถ้าอยากปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ เพื่อลดอาการท้องอืดคุณควรจะกินกล้วยวันละสองผล
แตงโมแต่ละเสี้ยว (1/16) มีพรีไบโอติก 1 กรัม ถ้าจะให้ได้รับไบโอติกในปริมาณที่ควรบริโภคในแต่ละวัน ต้องกินแตงโมทั้งลูก แต่อาหารที่อุดมด้วยพรีไบโอติกก็ไม่ได้มีแค่แตงโม
นี่จึงเป็นวิธีเบื้องต้นที่สลายไขมันบนหน้าท้องได้ โดยไม่ต้องจ่ายราคาสูงและสามารถหาซื้อได้สะดวก
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก http://healthmeplease.com
โดย ชนัดดา บุญครอง
ขอบคุณที่มาจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์