สวัสดีค่ะ เพื่อนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกท่าน วันนี้จะนำเสนอเรื่องเกี่ยวกับกรณีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย ท่านที่เป็นผู้บังคับบัญชาจะต้องทำอย่างไรหรือไม่ ซึ่งหลายๆ ท่านอาจจะคิดว่าไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ เพราะเป็นเรื่องทางแพ่งเรื่องเกี่ยวกับหนี้สิน ใครเป็นหนี้ก็ต้องชำระหนี้จะมาให้ผู้บังคับบัญชาช่วยชำระหนี้แทนผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาได้อย่างไร ซึ่งก็ถูกส่วนหนึ่ง แต่ในฐานะที่ท่านเป็นผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 มีหน้าที่ตามบทกฎหมาย ก็จำต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทางราชการด้วยน่ะค่ะ โดยมีตัวอย่างข้อเท็จจริงดังนี้
นายล้ม เป็นครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง มีหนี้สินมากจนถือได้ว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัว ในที่สุดถูกฟ้องศาลและศาลพิพากษาให้นายล้มตกเป็นบุคคลล้มละลาย เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2556 นายล้มอับอายมาก ปิดไว้เป็นความลับ ผู้อำนวยการโรงเรียนและครูในโรงเรียนไม่ทราบเรื่องเลย ต่อมาเปิดภาคเรียนใหม่วันที่ 17 พฤษภาคม 2556 ความจึงรู้ถึงครูในโรงเรียนและผู้อำนวยการโรงเรียน ครั้งแรกผู้อำนวยการโรงเรียนจะไม่ดำเนินการใดๆ อ้างว่าไม่เกี่ยวกับตน การเป็นหนี้ไม่ผิดวินัย หากแต่มีผู้รู้บอกว่าไม่ได้ ท่านเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ในฐานะผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 จำต้องสั่งให้นายล้มออกจากราชการโดยพลันตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณีขาดคุณสมบัติทั่วไปตามมาตรา 30 (9) แห่งพระราชบัญญัติ ดังกล่าว กล่าวคือ ต้องไม่เป็นบุคคลล้มละลาย ผู้บังคับบัญชาในฐานะ ผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 จึงมีคำสั่งให้นายล้มออกจากราชการเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2556 โดยที่ไม่ทราบว่าศาลมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายของนายล้มไปแล้วเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2556 นายล้มจึงยื่นคำร้องทุกข์ต่อ ก.ค.ศ. ขอให้ยกเลิกเพิกถอนคำสั่งให้ตนออกจากราชการ
เรื่องทำนองนี้ ก.ค.ศ. เคยพิจารณาแล้วเห็นว่าคำร้องทุกข์ฟังขึ้น มีมติให้ผู้บังคับบัญชามีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งให้นายล้มออกจากราชการ และสั่งให้กลับเข้ารับราชการต่อไป เพราะว่าขณะที่ผู้อำนวยการโรงเรียนมีคำสั่งดังกล่าวนั้น นายล้มมิได้เป็นบุคคลล้มละลายแล้ว การสั่งให้ออกจากราชการกรณีเป็นบุคคลล้มละลายนั้น ผู้บังคับบัญชาต้องสั่งในขณะที่บุคคลนั้นยังล้มละลายอยู่โดยมีผลในวันสั่ง แต่จากข้อเท็จจริงดังกล่าว ขณะที่มีคำสั่งนายล้มมิได้เป็นบุคคลล้มละลายแล้ว จึงไม่ถือว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติทั่วไปตามมาตรา 30 (9) แต่อย่างใด แม้ว่าระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2556 ถึง 30 เมษายน 2556 นายล้มเป็นบุคคลล้มละลายก็หาได้กระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการแต่อย่างใดไม่
ดังนั้นเมื่อผู้บังคับบัญชาท่านใดมีผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย คงทราบแนวทางปฏิบัติกันไปพอสมควร ส่วนเพื่อนครูทั้งหลายที่เป็นหนี้ แม้ไม่ใช่เรื่องเสียหายร้ายแรงใดๆ แต่พึงระมัดระวังมิให้มีหนี้สินมากจนไม่อาจชำระหนี้ได้ รู้ใช้รู้จ่ายอย่างพอเพียงดังคำกล่าวที่ว่า "มีน้อยใช้น้อยค่อยบรรจง อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน" เพราะหากเกิดปัญหาทางการเงิน ท่านอาจถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย ซึ่งชีวิตหน้าที่การงานของท่านก็ต้องสิ้นสุดไปด้วย ท้ายที่สุดนี้ขอให้เพื่อนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกท่านโชคดีไม่มีหนี้นะคะ พบกันใหม่ในโอกาสหน้าค่ะ
ศิริพร กิจเกื้อกูล
เลขาธิการ ก.ค.ศ.
ที่มา : มติชน ฉบับวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557