วันนี้ขออนุญาตพาทุกท่านเข้าวัดสักการะพระธาตุกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปจังหวัดลำพูน และคงจะเป็นที่ใดไปไม่ได้นอกจาก “ วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร ” พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ของจังหวัดลำพูนนั่นเองค่ะ...ใครจะไปแอ่วโตยยกมือขึ้น..
วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ใน อ.เมือง จ.ลำพูน ทิศเหนือติดถนนอัฏฐารส ทิศใต้ติดถนนสุพรรณรังษี ทิศตะวันออกติดประตูท่าสิงห์ และทิศตะวันตกติดถนนอินทยงยศ ในวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร มีพระธาตุหริภุญชัยซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ที่มีธาตุกระหม่อม ธาตุกระดูกอก ธาตุกระดูกนิ้วมือ
เมื่อเราเข้าไปในวัดก็ต้องเดินไปบูชาดอกไม้ ธูปเทียน และน้ำอบ ที่วัดยังมีการสรงน้ำพระพุทธรูปกันอยู่ จากนั้นก็เดินเข้าไปในอุโบสถเพื่อกราบไหว้และขอพรจากพระประธาน
แล้วจึงเดินต่อไปด้านหลังอุโบสถ ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระธาตุหริภุญชัย ที่งดงามและสูงค่ายิ่ง
วันนี้ได้เดินชมศิลปะที่สวยงามรอบบริเวณวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร โชคดีที่ฝนไม่ตก แถมมีลมพัดเย็นสบาย เป็นบรรยากาศที่สุขและสงบจริงๆ
แต่สิ่งหนึ่งที่เราเห็นอยู่มากก็คือเด็กตัวเล็กเดินขายนกที่กำลังเรียกร้องหาอิสรภาพ เสียงร้องของมันบาดใจมาก จึงซื้อแล้วเอาไปปล่อย .....
การท่องเที่ยววัดของเราในวันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่สุขใจเพราะได้ไหว้พระขอพร ทำบุญ และทำทาน เป็นทริปท่องเที่ยวที่คุ้มค่าจริงๆ ค่ะ
…………………………………………………….
วันนี้มีข้อมูลเรื่องพระธาตุประจำปีเกิดมาฝากค่ะ
พระธาตุประจำปีเกิด เป็นความเชื่อที่มีต้นกำเนิดมาจากล้านนา ดังนั้นพระธาตุประจำปีเกิด จึงมักจะอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย ชาวล้านนามีความเชื่อว่า..คนเราควรจะไปไหว้พระธาตุประจำปีเกิดสักครั้งในชีวิต ก็เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต
ส่วนคำว่า ” พระธาตุ ” ที่เราพูดถึงกันนั้น ก็หมายถึงพระบรมสารีริกธาตุ หรือกระดูกของพระพุทธเจ้า และรวมไปถึงเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสาริกธาตุอีกด้วยค่ะ ดังนั้นหลายคนจึงเรียกรวมๆ กันว่าพระธาตุฯ จากเรื่องเล่ากันมาได้กล่าวไว้ว่า สถานที่ต่างๆ ที่ได้มีการสร้างพระธาตุขึ้นมานั้นในภายหลังนั้น ก็เพราะว่าพระพุทธเจ้าได้เคยเสด็จไปโปรดสัตว์ตามสถานที่นั้นๆ มาแล้ว ดังนั้นใครที่ได้มีโอกาสไปกราบไหว้สักการะถึงว่าเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตค่ะ
ดังนั้นเราไปกราบไหว้สักการะพระธาตุประจำปีเกิดกันเถอะค่ะ เริ่มต้นจากปีชวด ไปจนถึงปีกุนดังนี้ค่ะ
ปีชวด (ปีหนู).. พระธาตุประจำปีเกิด คือ พระธาตุศรีจอมทอง อ. จอมทอง จ. เชียงใหม่ องค์พระบรมธาตุนี้ คือส่วนพระเศียรเบื้องขวา
ปีฉลู (ปีวัว) .. พระธาตุประจำปีเกิด คือ พระธาตุลำปางหลวง อ. เกาะคา จ. ลำปางพระอรหันต์ได้นำพระธาตุหน้าผาก และพระธาตุลำคอมาประดิษฐานที่นี่
ปีจอ (ปีสุนัข) .. พระธาตุประจำปีเกิด คือ พระธาตุเกศแก้วจุฬามณี บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ สามารถบูชารูป หรือไปไหว้พระเจดีย์ที่วัดเกตุการาม อ. เมือง จ. เชียงใหม่ แทนก็ได้ค่ะพระธาตุเกศแก้วจุฬามณี เป็นที่ประดิษฐานพระทันตธาตุ
การกราบไหว้สักการะพระธาตุนั้น ไม่เพียงแต่เราจะกราบไหว้แต่เฉพาะพระธาตุประจำปีเกิดเท่านั้น แต่เรายังสามารถไหว้พระธาตุได้ทุกแห่งหน ในทุกปีเกิดได้อีกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีงาม เป็นการสืบทอดในพุทธศาสนา และเพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิตของเราค่ะ..หากว่าไปแอ่วหละปูนสักการะพระธาตุตามปี๋เกิดแล้ว..อย่าลืม
ไปสักการะพระนางจามเทวีด้วยนะคะ...ครูรัชนีจะไปทุกปีถ้าไม่ติดธุระใดๆ..ส่วนเรื่องเล่าย่อๆพอนำเสนอดังนี้
ขอบคุณที่มาwww.bloggang.com
อยู่ในส่วน: ภาษาวรรณคดีข้อมูลจากวิชาการ.คอม
ตำนานพระนางจามเทวี
คือตำนานกำเนิดเมืองหริภุญไชย มีเหตุจากนางกวางมากินอะไรก็ชักจำไม่ค่อยได้แล้ว ซึ่งขึ้นอยู่บริเวณที่พระฤาษีวาสุเทพใช้เป็นสุขา จนเกิดลูกเป็นมนุษย์จำนวนมากในคราวเดียวกัน พระฤาษีผู้เป็นพ่อโดยไม่ตั้งใจ ต้องเนรมิตบ้านเมืองให้อยู่ แต่หาผู้ปกครองที่เหมาะสมไม่ได้
เล็งไปเล็งมา เห็นแต่พระนางจามเทวีธิดากษัตริย์เมืองละโว้มีบุญบารมีมาก จึงไปทูลเชิญ ประจวบกับพระนางทำผิดประเพณีจนตั้งครรภ์ จึงเป็นทางออกให้พระบิดาเนรเทศแทนการประหาร
พระนางเดินทางผ่านเขตซึ่งปัจจุบันคือ อำเภอสามเงา จังหวัดตาก เกิดเหตุอัศจรรย์เงาสะท้อนของพระนางในน้ำปิงปรากฎเป็นสามเงาด้วยพระบารมี จึงเป็นตำนานคำเรียกขานบริเวณดังกล่าวว่าสามเงาตั้งแต่นั้น
ส่วนขุนหลวงวิลังคะเป็นกษัตริย์ชาวลั้วะผู้รุกราน ต้องการครอบครองทั้งเมืองหริภุญไชยและตัวพระนาง มีแสนยานุภาพที่กองทัพเมืองหริภุญไชยไม่อาจต้านทานได้ พระนางจึงออกอุบายประลองวิชา หากขุนหลวงวิลังคะมีบารมี และความสามารถจริง ก็ให้พุ่งหอกลงมาปักใจกลางเมืองหริภุญไชยจากยอดดอยสุเทพ 3 ครั้ง จะยอมยกเมืองให้ครอง ทั้งยอมเป็นมเหสี
หลังจากขุนหลวงวิลังคะพุ่งหอกได้สำเร็จ 2 ครั้งแล้ว พระนางก็ใช้มารยาหญิงทำเป็นมีใจให้กับขุนหลวง ส่งผ้าโพกศีรษะมาถวาย มีคำอ้อนกำกับว่าเกรงจะร้อนแดด ฝ่ายขุนหลวงหลงกลรับผ้ามาโพกอย่างชื่นอกชื่นใจ โดยไม่รู้ว่า แท้จริงถูกตัดเย็บมาจากผ้านุ่งของพระนาง วิชาอาคมเสื่อมไม่สามารถพุ่งหอกที่สามได้ไกล จึงทรงพระแห้วรับประทาน(ตำนานว่าอย่างนั้น)
ส่วนในทางโบราณคดี พบคำจารึกเป็นอักษรมอญ และสถาปัตยกรรมการสร้างเจดีย์แบบมอญ จึงมีนักวิชาการตีความว่าพระนางเป็นมอญ ทฤษฎีที่ว่าเมืองหริภุญไชยเป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมมอญโบราณจึงได้รับการยอมรับมาได้ระยะหนึ่ง บางท่านตั้งข้อสังเกตความคล้ายของพระพุทธรูปของหริภุญไชยกับลพบุรีในยุคนั้น จึงเชื่อในความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างหริภุญไชยกับละโว้ ดังนัยที่ปรากฎในตำนาน
เติมอีกนิดว่าสำนวนของเรื่องพระนางจามเทวีอาจแตกต่างกันไปบ้าง ส่วนสำนวนข้างต้นมาจากกาพย์เจี๊ยะของท่านอาจารย์ไกรศรี นิมมานเหมินทร์
ผิดตกประการใดกราบขออภัยผู้รู้ละเอียดกว่า ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
พระรอด
พระคง
ยังมีเกร็ดแถมอีกหน่อยว่าพระเครื่องลำพูน เช่น พระรอด พระลือ พระคง เป็นต้น อันเป็นพระเครื่องที่เชื่อว่ามีความเก่าแก่โบราณที่สุดที่ค้นพบในประเทศ มีตำนานว่าสร้างไว้โดยพระฤาษี เช่นพระฤาษีวาสุเทพ เช่นกัน โดยเดิมเชื่อจากหลักฐานชั้นหลัง เช่น คัมภีร์ทางศาสนาที่คัดลอกสืบกันมา ว่ามีอายุเก่าแก่ถึงประมาณ 1,300 ปี ซึ่งก็เชื่อว่าคือ อายุของเมืองหริภุญไชย หากปัจจุบันนักโบราณคดีประเมินว่าไม่เก่าแก่ถึงเพียงนั้น ถ้าจำไม่ผิด ดูเหมือนจะเป็นประมาณ 800 ปี
ขอบคุณที่มาเพลงไนท์พลาซ่า.คอม