ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมบทความการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ทำอย่างไร?...ถึงจะทำให้คนในชาติเกิดค่านิยมไทย


บทความการศึกษา 27 ต.ค. 2557 เวลา 15:26 น. เปิดอ่าน : 7,537 ครั้ง
Advertisement

ทำอย่างไร?...ถึงจะทำให้คนในชาติเกิดค่านิยมไทย

Advertisement

กลิ่น สระทองเนียม

ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีนโยบายสร้างคนในชาติให้มีค่านิยมไทย 12 ประการนั้น ถือว่าเป็นการคิดพัฒนาบุคลากรของชาติได้ตรงจุดด้วยสารพัดปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ก็มาจากคนไทยส่วนใหญ่ไม่ปฏิบัติตามค่านิยมที่ว่านี้ ซึ่งจะผิดกับคนไทยในอดีตที่เขาอยู่กันอย่างมีความสุขก็ด้วยยึดมั่นในสิ่งที่ดีงามพร้อมประพฤติ ปฏิบัติต่อ ๆ กันมาจนกลายเป็นประเพณี วัฒนธรรม โดยที่ไม่ต้องมีกฎหมายมาบังคับให้ทำ

ทั้งนี้ก็ด้วยทุกคนมีความเชื่อ ศรัทธาในสิ่งเดียวกัน เช่น เชื่อว่าทำบุญเมื่อตายไปแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์ ทำไม่ดีก็จะตกนรก ทุกคนจึงมุ่งทำแต่ความดี ทำให้คนไทยในอดีตแม้ส่วนใหญ่จะด้อยด้านฐานะแต่จะร่ำรวยวัฒนธรรม ประเพณี ไมตรีจิต อยู่กันอย่างญาติมิตร ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความศรัทธาและเทิดทูนในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จากความงดงามที่เกิดขึ้นทำให้มวลความสุขของประชาชนสูงมากประเทศชาติก็มั่นคง แม้แต่ต่างชาติ ยังหลงใหลในเสน่ห์ความเป็นไทยพากันมาท่องเที่ยวจำนวนมาก

แต่พอมาถึงโลกยุคไร้พรมแดนที่วัฒนธรรม วิทยาการและเทคโนโลยีสมัยใหม่หลั่งไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว การรับเอาสิ่งต่าง ๆเหล่านี้เข้ามาใช้ในวิถีชีวิตแบบไม่มีภูมิคุ้มกัน ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยดำเนินชีวิตอย่างหลงทาง ขาดความเชื่อและศรัทธาในสิ่งดีงาม เกิดค่านิยมใหม่เห็นความร่ำรวย การมีอำนาจ มีความสำคัญกว่า การแก่งแย่งแข่งขัน เอารัดเอาเปรียบจึงเกิดขึ้นและฝังรากลึกขึ้นเรื่อย ๆเมื่อความเชื่อศรัทธาไปคนละทาง สารพัดปัญหาต่าง ๆ จึงตามมาแม้จะมีกฎหมายออกมาบังคับใช้ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้หมด ถึงได้บอกว่าค่านิยมไทย 12 ประการ มีความสำคัญยิ่ง เพราะจะได้รื้อฟื้นสิ่งดีงามให้หวนกลับมาสู่วิถีความเป็นไทยอย่างแท้จริงอีกครั้ง แม้อาจจะเป็นเรื่องยากกับคนในยุคปัจจุบันแต่ก็ต้องทำ เพราะหากปล่อยให้ถลำลึกไปมากกว่านี้การจะดึงรากเหง้าความดีงามความเป็นชาติไทยให้ฟื้นคืนมาคงจะยิ่งยากไปกันใหญ่

ตอนนี้จึงเหลืออยู่แค่ว่าจะทำอย่างไรถึงจะทำให้คนในชาติเกิดความตระหนัก เชื่อมั่น ศรัทธาแล้วนำค่านิยมนี้ไปปฏิบัติจนเกิดเป็นกิจนิสัยถาวร ซึ่งคำตอบนี้คงจะไม่เฉพาะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้นที่จะทำให้เกิดขึ้นได้แต่ต้องร่วมมือกันทั้งระบบ

เริ่มตั้งแต่ครอบครัว ที่ต้องเห็นความสำคัญว่าค่านิยมนี้จะช่วยพัฒนาลูกหลานให้เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพในอนาคตได้ การปลูกฝังจึงต้องเริ่มต้นตั้งแต่วัยเยาว์เพื่อให้เกิดซึมซับสิ่งดีงามตั้งแต่แรกเริ่มจนฝังรากลึกในจิตสำนึกและนำไปปฏิบัติจนเป็นกิจวัตรปกติประจำวัน โดยคนในครอบครัวจะต้องปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีเพราะเด็กจะยึดพ่อแม่เป็นแบบพิมพ์ หากแม่ปูเดินขาเก

ลูกปูก็จะเดินขาเกตามไปด้วย คนในครอบครัวจึงต้องดำเนินชีวิตตามค่านิยมให้ลูกหลานได้เห็นและพาทำอย่างต่อเนื่อง สิ่งไหนทำดีก็ต้องชื่นชมเพื่อให้เกิด กำลังใจอยากทำดีมากขึ้นหากทำไม่ดีก็ต้องตักเตือนว่า "สิ่งไหนทำได้ สิ่งไหนทำไม่ได้" เพราะหากสอนกันอยู่แค่ว่าทำแล้วเป็นคนดีหรือเป็นคนไม่ดี ส่วนเด็กจะเชื่อหรือนำไปปฏิบัติหรือไม่ก็ได้นั้นคงไม่เกิดประโยชน์โดยเฉพาะการเลี้ยงลูกแบบตามใจหาให้ทำให้ทุกอย่าง ในที่สุดเด็กก็ทำอะไรไม่เป็น ขาดเกราะคุ้มกันทั้งทักษะอาชีพและทักษะชีวิต วิธีการรักลูกไม่ถูกทางหรือ" พ่อแม่รังแกฉัน" เช่นนี้น่าจะต้องหมดไป

ระดับโรงเรียน เบื้องต้นหากต้องการสร้างความรู้ ความเข้าใจผ่านบทเพลง บทกลอน วาดภาพก็ว่ากันไป แต่จะหยุดแค่กิจกรรมหรือความรู้เพื่อทำข้อสอบได้อย่างเดียวคงไม่ใช่ แต่โรงเรียนจะต้องปลูกฝังสร้างความตระหนักและปฏิบัติจริงให้เกิดขึ้นกับเด็กจนเป็นกิจนิสัยด้วยวิธีการที่สอดคล้องกับบริบทแต่ละค่านิยมไทย แต่พื้นฐานเบื้องต้นที่ทุกโรงเรียนต้องดำเนินการ คือ ต้องจัดกายภาพโรงเรียนให้ น่าดู น่าอยู่ น่าอาศัย น่าเรียนรู้ เป็นบ้านหลังที่สองอันแสนอบอุ่นของเด็กให้ได้เพื่อให้เด็กอยากมาโรงเรียนและเรียนรู้อย่างมีความสุข ครูจะต้องบูรณาการค่านิยมกับการสอนในทุกวิชาทุกกิจกรรมพร้อมสร้างแรงจูงใจด้วยการให้รางวัลยกย่องชมเชยให้เป็นที่ประจักษ์ทั้งในโรงเรียนและสังคม นอกจากนั้น ผู้บริหารและครูจะต้องเป็นต้นแบบที่ดีในการครองตน ครองคน ครองงาน ให้ประชาชนและนักเรียนได้นำไปปฏิบัติตามหรือวิธีการส่งเสริมให้นักเรียนรุ่นพี่เป็นต้นแบบที่ดีให้กับรุ่นน้อง เป็นต้น

ชุมชน สังคม ถือว่าเป็นส่วนที่มีอิทธิพลต่อการปลูกฝังค่านิยมกับเด็กและประชาชนมากที่สุด ด้วยเป็นห้องเรียนชีวิตจริงที่มีแบบเรียนสำเร็จรูปให้ได้เห็นจดจำ ทำตามทุกอย่างแบบไม่รู้จบทั้งพฤติกรรมการแสดงออกของผู้คนแต่ละหมู่เหล่า สภาพแวดล้อม อบายมุข ยาเสพติด การแข่งขันในการทำมาหากิน สื่อลามก สิ่งยั่วยุจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เด็กได้รับจากประสบการณ์ตรงทุกวัน หากสังคมมัวเห็นแก่ตัวหรือคิดว่าธุระไม่ใช่ การที่จะทำให้เด็กและเยาวชนเกิดค่านิยมไทยก็คงเป็นไปได้ยากแถมปัญหาต่าง ๆ ก็คงไม่สามารถลดลงได้

การสร้างค่านิยมดังกล่าวนี้จึงต้องเริ่มที่ตนเองก่อนเมื่อทุกคนทำก็จะกลายเป็นสังคมภาพใหญ่ที่ทำแต่ความดี ส่วนด้านไหนที่ ถลำลึกจนไม่สามารถสร้างความตระหนักอย่างเดียวได้แล้วก็ต้องใช้ กฎของสังคมเป็นตัวกำกับเพื่อแสดงความไม่เห็นด้วย ไม่ยอมรับ หรือรวมกันแสดงให้เห็นว่าผู้ทำไม่ดีนั้นเป็นคนไร้ค่า ไม่มีคุณค่า ในสังคมแม้จะร่ำรวย หรืออยู่ในฐานะใดก็ตามและที่สำคัญจะต้องช่วยกันยกย่องสรรเสริญคนทำดี ให้เป็น "คนต้นแบบ" ของสังคมเพื่อให้ทุกคนเห็นว่าหากทำดี เป็นคนดีแล้วตนเองจะมีความสุข ทุกฝ่ายให้ความชื่นชม เคารพศรัทธา

ระดับรัฐบาล จะต้องจริงจังกับการใช้และลงโทษตามกฎหมายเพื่อขจัดปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อ การสร้างค่านิยมไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติด อบายมุข การใช้อิทธิพลแสวงหาผลประโยชน์ ความไม่เป็นธรรมในสังคม และจะต้องแก้ปัญหาความยากจน แหล่งเสื่อมโทรม มีการกำกับดูแลให้กลุ่มที่มีอิทธิพลต่อความศรัทธาของเด็กและเยาวชน ไม่ว่าจะเป็นนักร้อง นักแสดง นักกีฬา ผู้มี ชื่อเสียงทั้งหลายต้องเป็นต้นแบบที่ดีตามค่านิยม 12 ประการเพื่อกระตุ้นให้เด็กลอกเลียนแบบในสิ่งที่ดีงามมากขึ้น การควบคุมสื่อ ทุกประเภทให้นำเสนออย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะการนำเสนอผ่านละครหรือเกมโชว์ที่ผู้คนทุกเพศทุกวัยเข้าถึงง่ายหากนำเสนอในภาพลบไม่สร้างสรรค์หรือสอดคล้องกับค่านิยมไทย การลอกเลียนแบบในสิ่งที่ไม่ดีไม่งามก็จะเกิดขึ้นอย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน ส่วนนี้ภาครัฐก็ต้องควบคุมให้ได้

หากทุกฝ่ายได้ร่วมมือกันส่งเสริมทั้งระบบจะด้วยวิธีการใดก็ได้ที่จะทำให้คนไทยทุกคนเกิดความเชื่อ ศรัทธา ค่านิยมไทยไปในทิศทางเดียวกันได้แล้ว คิดว่าความสำเร็จคงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ด้วยความเป็นไทยที่มีต้นทุนพื้นฐานกับค่านิยมเหล่านี้สูงอยู่ก่อนแล้ว ช่วยกันเถอะครับเพื่อนำความสุขมาสู่คนไทยอย่างยั่งยืน นำความมั่นคง ร่ำรวย มั่งคั่งด้านวัฒนธรรมประเพณีมาสู่ประเทศชาติอีกครั้งเพราะสิ่งเหล่านี้แม้แต่ต่างชาติเขาก็ยังมองเห็นคุณค่ามาเที่ยวชมและศึกษากันอย่างมากมาย แล้วทำไมเราคนไทยแท้ ๆ จึงเห็นเพชรเป็นพลอยปล่อยทิ้งแล้วไปรับเอาสิ่งที่เป็นปัจจัยสร้างความทุกข์ให้กับตนเอง สร้างปัญหาให้กับประเทศชาติมาแทนที่อย่างนี้จะเรียกว่าฉลาดหรือโง่กันดีนะ.



ที่มา--เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 28 ต.ค. 2557 (กรอบบ่าย)


ทำอย่างไร?...ถึงจะทำให้คนในชาติเกิดค่านิยมไทย

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

ความคิดสร้างสรรค์ (1)

ความคิดสร้างสรรค์ (1)


เปิดอ่าน 8,702 ครั้ง
ซูปเปอร์ไฮเวย์การศึกษา

ซูปเปอร์ไฮเวย์การศึกษา


เปิดอ่าน 7,457 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

เจาะลึกความสำเร็จการบริหารโรงเรียนตามแนวทาง SLC ของร.ร.พุทธจักรวิทยา  สร้างฐานการเรียนรู้ที่เข้มแข็งให้นักเรียน ดันคะแนนเฉลี่ยโอเน็ตปี’62 พุ่ง

เจาะลึกความสำเร็จการบริหารโรงเรียนตามแนวทาง SLC ของร.ร.พุทธจักรวิทยา สร้างฐานการเรียนรู้ที่เข้มแข็งให้นักเรียน ดันคะแนนเฉลี่ยโอเน็ตปี’62 พุ่ง

เปิดอ่าน 44,352 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
ความสำคัญของการศึกษาปฐมวัย
ความสำคัญของการศึกษาปฐมวัย
เปิดอ่าน 25,982 ☕ คลิกอ่านเลย

ครูไทย 4.0 ตอนที่ 1 : โดย ดิเรก พรสีมา อดีตประธานกรรมการคุรุสภา
ครูไทย 4.0 ตอนที่ 1 : โดย ดิเรก พรสีมา อดีตประธานกรรมการคุรุสภา
เปิดอ่าน 79,444 ☕ คลิกอ่านเลย

ปฏิรูปการศึกษาเรียนรู้จากผู้ประสบความสำเร็จ: "สิงคโปร์"
ปฏิรูปการศึกษาเรียนรู้จากผู้ประสบความสำเร็จ: "สิงคโปร์"
เปิดอ่าน 10,220 ☕ คลิกอ่านเลย

"หนี้ครู" ปัญหาอมตะคู่แม่พิมพ์ของชาติ
"หนี้ครู" ปัญหาอมตะคู่แม่พิมพ์ของชาติ
เปิดอ่าน 11,633 ☕ คลิกอ่านเลย

ม.44 "มาสเตอร์คีย์ผ่าทางตัน"ปฏิรูปการศึกษา??
ม.44 "มาสเตอร์คีย์ผ่าทางตัน"ปฏิรูปการศึกษา??
เปิดอ่าน 14,916 ☕ คลิกอ่านเลย

สแกน...ลดเวลาเรียน "3 สัปดาห์"บรรลุเป้า?
สแกน...ลดเวลาเรียน "3 สัปดาห์"บรรลุเป้า?
เปิดอ่าน 10,246 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

วันอาสาฬหบูชา
วันอาสาฬหบูชา
เปิดอ่าน 11,246 ครั้ง

ประกาศ
ประกาศ
เปิดอ่าน 27,302 ครั้ง

การใช้คลังข้อสอบมาตรฐาน (Standardize ltem Bank System : SIBS) เพื่อขับเคลื่อนการยกระดับผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET)
การใช้คลังข้อสอบมาตรฐาน (Standardize ltem Bank System : SIBS) เพื่อขับเคลื่อนการยกระดับผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET)
เปิดอ่าน 5,227 ครั้ง

เกณฑ์ประเมินวิทยฐานะใหม่(ขณะนี้ ก.ค.ศ.ให้ชะลอไปก่อน)
เกณฑ์ประเมินวิทยฐานะใหม่(ขณะนี้ ก.ค.ศ.ให้ชะลอไปก่อน)
เปิดอ่าน 68,907 ครั้ง

อนาคตหนังสือเรียนไทยในยุคก้าวไกลของ IT
อนาคตหนังสือเรียนไทยในยุคก้าวไกลของ IT
เปิดอ่าน 26,791 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ