ปาก เปรียบเสมือนกับประตูทางเข้าของร่างกาย ในแต่ละวันเรานำทั้งอาหารและเครื่องดื่มมากมายเข้าสู่ร่างกายโดยไม่ขาด การบำรุงรักษาและดูแลช่องปากให้สะอาดและถูกหลักสุขอนามัยอยู่เสมอ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ร่างกายของเราแข็งแรง ซึ่งช่องปากก็เหมือนกับอวัยวะส่วนอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องได้รับ แร่ธาตุและวิตามินต่าง ๆ เช่นกัน มาดูกันสิว่า มีวิตามิน แร่ธาตุอะไรบ้างที่สำคัญต่อช่องปากของเรา
วิตามินเอ
คนส่วนใหญ่มักจะรู้แค่ว่า วิตามินเอช่วยบำรุงสายตา ผิวพรรณ และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน แต่ใครจะรู้ว่าจริง ๆ แล้ววิตามินเอก็มีประโยชน์ต่อช่องปากเหมือนกันนะ เพราะมีส่วนช่วยให้เยื่อบุผิวในช่องปากสร้างเมือกและทำให้การไหลเวียนของน้ำลายดีขึ้น แถมยังช่วยให้เหงือกแข็งแรงและช่วยสมานแผลที่เกิดบริเวณเหงือกอีกด้วย
ถ้าอยากบำรุงสุขภาพช่องปากไปพร้อม ๆ กับร่างกาย ก็ลองหาอาหารที่มีวิตามินเอ อย่างเช่น ปลา ไข่แดง เครื่องในสัตว์ จำพวกเช่นตับ พืชผักที่มีสีส้มและเหลืองอย่างเช่นแครอท มะม่วง และมันหวาน หรือจะเป็นผักใบเขียวเข้มอย่างผักเคล คะน้า ผักโขม ที่อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนมารับประทานดูนะ รับรองว่าได้วิตามินเออย่างครบถ้วนแน่นอน
วิตามินบี
วิตามินบีช่วยให้เราสามารถจัดการกับความเครียดได้ แถมยังช่วยดูแลสุขภาพในช่องปาก ลดการอักเสบของลิ้นและรักษาแผลเปื่อยที่ลิ้น ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก สามารถหาทานได้จากเนื้อสัตว์จำพวกสัตว์ปีกและวัว ส่วนในพืชก็จะเป็นพืชตระกูลถั่วและผักใบเขียว แต่สำหรับคนที่ทานมังสวิรัติจะได้รับวิตามิน B12 ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ฉะนั้นอาจจะหาวิตามินมาทานเสริมเพื่อให้ได้รับวิตามินบีอย่างครบถ้วน
วิตามินซี
วิตามินซี เป็นวิตามินที่ดีสำหรับคนที่เป็นโรคเหงือก เพราะวิตามินซีจะช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบที่บริเวณเหงือก ซึ่งการขาดวิตามินซีเป็นสาเหตุของการเกิดโรคเลือดออกตามไรฟัน และวิตามินซียังมีคุณสมบัติเป็นเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกันและทำให้แผลในช่องปากหายเร็วขึ้น
วิตามินซีสามารถหาทานได้จากผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว แคนตาลูป พวกและพวกผลไม้ตระกูลเบอร์รี ในผักก็สามารถหาได้จากผักใบเขียว มันฝรั่ง มะเขือเทศ ดอกกะหล่ำ พริกไทย
วิตามินดี
วิตามินดีเป็นวิตามินที่ร่างกายของเราได้รับง่ายที่สุด เพราะสังเคราะห์ได้จากแสงแดด วิตามินดีมีคุณสมบัติในการช่วยควบคุมระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัสในเลือด ถ้าหากร่างกายได้รับแสงแดดไม่เพียงพอก็จะทำให้ร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมแคลเซียมเข้าในกระดูกและฟันได้
ถึงแม้ว่าหลายคนจะเลือกบริโภคอาหารเสริมเพื่อให้ได้วิตามินดีอย่างเพียงพอแล้วก็ตาม แต่การออกไปตากแดดครั้งละ 15 นาที 3 วันต่อสัปดาห์ ก็ช่วยให้ได้วิตามินดีเพียงพอแล้ว แต่ก็ควรจะเป็นแดดอ่อน ๆ ในตอนเช้าเท่านั้นค่ะ เพราะแดดในช่วงเวลาอื่นนอกจากจะไม่ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินดีแล้วยังจะทำให้ได้รับรังสีอัลตราไวโอเลต ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็งผิวได้ได้นะเออ แต่ถ้าใครที่ไม่สะดวกจะออกไปอาบแดดตอนเช้าล่ะก็ เครื่องดื่มจำพวกนมและพวกซีเรียลอาหารเช้า แคปซูลน้ำมันตับปลาก็เป็นแหล่งวิตามินดีชั้นเยี่ยมเช่นกัน
แคลเซียม
ส่วนใหญ่แล้วร่างกายจะเก็บสะสมแคลเซียมเอาไว้ในกระดูก และแน่นอนว่าฟันก็เป็นส่วนหนึ่งที่สะสมแคลเซียมเอาไว้เช่นกัน โดยแคลเซียมมีส่วนสำคัญในควบคุมระบบต่าง ๆ ของร่างกาย รวมทั้งระบบไหลเวียนของเลือด ถ้าหากเราได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอล่ะก็ ร่างกายจะดูดซึมเอาแคลเซียมจากกระดูกมาใช้แทน เป็นสาเหตุทำให้กระดูกเปราะบางลงและเกิดโรคกระดูกพรุน
นอกจากนี้แคลเซียมยังช่วยบำรุงรักษากระดูกและเยื่อกระดูกอ่อนอีกด้วย ซึ่งผลิตภัณฑ์จากนมมักจะถูกอ้างว่าเป็นแหล่งแคลเซียมที่ดีที่สุด แต่ที่จริงแล้วก็ยังมีแหล่งแคลเซี่ยมอื่น ๆ ที่ดี อย่างอื่นเช่นปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอน ผักใบเขียว กระหล่ำดอก กระหล่ำปลี อัลมอนด์ น้ำส้มและนมถั่วเหลือง ดังนั้นถ้าไม่อยากให้ฟันอ่อนแอหรือหักง่ายล่ะก็ ควรเสริมแคลเซียมด่วนเลยนะ
โคเอนไซม์ Q10
โคเอนไซม์ Q10 เป็นแร่ธาตุที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในร่างกาย เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการเผาผลาญ ให้พลังงานแก่เซลล์เพื่อช่วยในการรักษาบาดแผล ช่วยในการย่อยอาหารและดูแลรักษากล้ามเนื้อ เปรียบเสมือนกับหัวเทียนของรถยนต์เลยเชียวล่ะ
นอกจากนี้ โคเอนไซม์ Q10 ก็ช่วยรักษาสุขภาพในช่องปากอีกด้วย ช่วยลดอาการปวดฟันและลดการเลือดออกในช่องปากที่มาจากโรคเหงือก อีกทั้งยังลดการอักเสบของเหงือกและทำให้ลมหยใจหอมสดชื่นอีกด้วย ซึ่งโคเอนไซม์ Q10 นอกจากจะมีในร่างกายแล้วยังพบได้จาก เนื้อหมู เนื้อวัว ตับไก่ น้ำมันคาโนลาและน้ำมันถั่วเหลือง หรือในผักชีฝรั่ง
ขอบคุณที่มาจาก กระปุก.คอม