2. Pronoun (คำสรรพนาม )
เป็นคำที่ใช้เรียกแทนคำนามเพื่อหลีกเลี่ยงการกล่าวซ้ำ เช่น I, we, you, he, she, it หรือใช้แทนคำนามที่เราไม่ทราบว่าสิ่งนั้นเป็นอะไร หรือใคร เช่น someone, something
แทนคำซ้ำ Mai is a beautiful woman. Mai is a popular singer.
= Mai is a beautiful woman. She is a popular singer.
ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร Something is missing. ไม่รู้ว่าอะไรหายไป
3. Verb (คำกริยา )
เป็นคำที่บอกอาการหรือการกระทำ ( action ) หรือบอกความเป็นอยู่ ( being ) หรือสภาวะความเป็นอยู่ ( state of being ) เช่น fly, is, am, seem, look.
4. Adjectives ( คุณศัพท์ )
เป็นคำที่อธิบายหรือขยาย noun หรือ pronoun ให้ไดัรายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติของสิ่งนั้นๆ เพิ่มขึ้น เช่น new, ugly, ill, happy, afraid, careless.
He bought a new car. เขาซื้อรถใหม่.( new ขยาย car ซึ่งเป็น noun )
They are ugly. พวกเขาน่าเกลียด ( ugly ขยาย they ซึ่งเป็น pronoun )
5. Adverb ( วิเศษณ์ หรือ กริยาวิเศษณ์)
เป็นคำที่อธิบายหรือขยาย verb หรือ adjective หรือ adverb ด้วยกันเอง เช่น hard, fast, very
He works hard. เขาเป็นคนทำงานหนัก (hard ขยาย works ซึ่งเป็น verb)
He is very rich. เขาเป็นคนจนมาก ( very ขยาย rich ซึ่งเป็น adjective )
He works very hard.เขาเป็นคนที่ทำงานหนักมาก ( very ขยาย hard ซึ่งเป็น adverb )
6. Preposition (คำบุพบท )
เป็นคำ หรือกลุ่มคำที่วางหน้า noun หรือ pronoun เพื่อแสดงว่าคำนามหรือสรรพนามนั้นเกี่ยวข้องกับคำอื่นๆในประโยคอย่างไรเช่น on, at, in, from, within
I will see you on Monday. ฉันจะพบกับคุณในวันจันทร์
She was waiting at the restaurant. เธอรออยู่ที่ร้านอาหาร
There is a cockroach in my room. มีแมลงสาบตัวหนึ่งในห้องฉัน
We must finish the project within a year. ราจะต้องทำโครงการนี้ให้เสร็จใน 1 ปี
7. Conjunction ( คำสันธาน )
เป็นคำที่ใช้เชื่อม คำ กลุ่มคำ หรือประโยคเข้าด้วยกันเพื่อให้ความหมายสมบูรณ์ขึ้น เช่น and, but, therefore, beside, either..or
John is rich and handsome .จอห์นเป็นคนรวยและรูปหล่อ
Either you or she has to do this job. ไม่คุณก็เธอที่จะต้องทำงานนี้
8. Interjection ( คำอุทาน )
เป็นคำอุทานที่แสดงถึงอารมณ์ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนั้น โดยไม่เกี่ยวข้องกับคำอื่นๆ ใน ประโยคเลย เช่น Oh God! , WOW, Hurrah
การพิจารณาว่าคำไหนเป็นคำชนิดใด เราดูที่การทำหน้าที่ของมันในประโยค คำๆเดียวอาจทำหน้าที่อย่างหนึ่งในประโยคหนึ่ง แต่อาจทำหน้าที่อย่างอื่นในประโยคอื่นดังในตารางต่อไปนี้
word
|
parts of speech
|
example
|
work |
noun |
My work is easy. งานของฉันง่าย |
verb |
I work in Bangkok. ฉันทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ |
but |
conjunction |
John came but Mary didn't come. จอห์นมาแต่แมรี่ไม่ได้มา |
preposition |
Everyone came but Mary. ทุกคนมานอกจากแมรี่ |
well |
adjective |
Are you well? คุณสบายดีหรือ? |
adverb |
She speaks well. เธอพูดได้ดี |
interjection |
Well ! That expensive. แหม! แพงจัง |
afternoon |
noun |
We ate in the afternoon. เรารับประทานในตอนบ่าย |
noun ทำหน้าที่เหมือน adjective |
We had afternoon tea.เราดื่มชามื้อบ่าย |
ต่อไปนี้เป็นการแสดงถึง Parts of Speech ต่างๆในประโยค
|
|
|
|
noun |
verb |
verb |
John |
is |
working. |
|
pronoun |
verb |
noun |
She |
loves |
animals. |
|
|
noun |
verb |
adjective |
noun |
Animals |
like |
kind |
people. |
|
noun |
verb |
noun |
adverb |
Tara |
speaks |
English |
well. |
|
|
noun |
verb |
adjective |
noun |
Tara |
speaks |
good |
English. |
|
pronoun |
verb |
preposition |
adjective |
noun |
adverb |
She |
ran |
to |
the |
station |
quickly. |
pron. |
verb |
adj. |
noun |
conjunction |
pron. |
verb |
pron. |
She |
likes |
big |
snakes |
but |
I |
hate |
them. |
ต่อไปนี้เป็นประโยคที่มีทุก Parts of Speech ในประโยคเดียว
interjection |
pron. |
conj. |
adj. |
noun |
verb |
prep. |
noun |
adverb |
Well, |
she |
and |
young |
John |
walk |
to |
school |
slowly. |
Sentence ( ประโยค )
Sentence เป็นกลุ่มคำที่มาประกอบกันให้มีเนื้อความสมบูรณ์ บอกการกระทำ ความเป็นอยู่ หรือความเป็นไป ของสิ่งหนึ่งสิ่งใด โดยทั่วไปประโยคจะมี 2 ภาคคือ subject ( ภาคประธาน ) และ predicate ( ภาคแสดง )