เฮี้ยนกลางงานศพ
เฮี้ยนกลางงานศพ
เรื่องที่ผมจะเล่านี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2537 หรือประมาณ 14 ปี ที่ผ่านมาแล้วครับ
เรื่องมีอยู่ว่า … ผมมีเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างสนิทกัน เนื่องจากบ้านเราอยู่ใกล้เคียงกันและเรียนห้องเดียวกันตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนกระทั่งจบประถมศึกษาปีที่6 หลังจากนั้นเราก็ต่างแยกย้ายกันไปศึกษาต่อระดับชั้นมัธยมศึกษาต่างโรงเรียนกัน
เพื่อนของผมคนนี้ชื่อเปิ้ลครับ เปิ้ลเป็นสาวน้อยที่ดูสดใส น่ารัก แต่ค่อนข้างจะเอาแต่ใจตัวเองสักหน่อย เพราะว่าทางบ้านเปิ้ลนั้นเลี้ยงดูอย่างตามใจ ดังนั้นจึงทำให้เปิ้ลอารมณ์ค่อนข้างรุนแรงและจะทำอะไรแบบหุนหันพลันแล่น พอเราแยกย้ายกันเรียนระดับมัธยมกันแล้วก็เริ่มทำให้เราไม่ค่อยได้สินทกันและไม่ได้เล่นกัน แต่ผมก็ยังเห็นเปิ้ลอยู่เรื่อย ๆ จนกระทั่งวันนึงมาทราบข่าวอีกทีคือเปิ้ลแต่งงานด้วยอายุเพียง 14 ปี ซึ่งทางบ้านเปิ้ลทั้งพ่อและแม่มีแต่คนห้ามแล้ว แต่เปิ้ลนั้นไม่ฟัง คือ จะเป็นตายร้ายดียังไงก็จะต้องแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ให้ได้ เมื่อเป็นดังนั้นพ่อแม่เปิ้ลจึงจำยอม เปิ้ลแต่งงานได้ไม่กี่เดือนก็มีเหตุทำให้เปิ้ลนั้นต้องจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ วันนั้นผมจำได้ดีเลยว่า ผมช่วยทางบ้านขายจองอยู่ที่หน้าตลาด จู่ ๆ แม่เปิ้ลรับโทรศัพท์แล้วก็ร้องห่มร้องไห้ ซึ่งผมเองและผู้คนแถวนั้นก็ตกอกตกใจว่าแม่เปิ้ลเป็นอะไร จึงเข้าไปดูแล้วสอบถามจนได้ใจความว่า เปิ้ลโดนรถชนจนเสียชีวิต วันนั้นเปิ้ลซ้อนมอเตอร์ไซด์แฟนเพื่อที่จะมาเอาของขวัญที่แม่และพี่สาวเปิ้ลซื้อเตรียมไว้ให้ แต่แล้วเหตุการไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น คือ แฟนเปิ้ลขี่รถมาด้วยความเร็วสูงจนกระทั่งมาถึงตรงสี่แยกนั้นพอดีสัญญาณไฟแดงกระทันหัน แฟนเปิ้ลจึงเบรกกระทันหันทำให้ล้อรถปัดรถล้มลงกลางถนน เปิ้ลไม่สามารถลุกขึ้นได้เนื่องจากถูกตัวถังรถมอเตอร์ไซด์ทับขาอยู่ ส่วนแฟนเปิ้ลกระเด็นขึ้นไปบนเกาะกลาง เออ ลืมบอกไปขณะรถล้มนั้นถนนโล่งมากไม่ค่อยมีรถวิ่ง แต่แล้วในช่วงจังหวะที่รถล้มนั้นเปิ้ลกำลังจะลุกขึ้นมาบังเอิญเป็นช่วงจังหวะที่ไฟเขียวพอดี แล้วมีรถไมโครบัสวิ่งมาด้วยความเร็วสูงและเห็นว่าไฟเขียวพอดีจึงเหยียบคันเร่งอย่างเต็มที่ โดยไม่ทันได้เห็นว่าเปิ้ลประสบอุบัติเหตุอยู่กลางถนน ทำให้รถไมโครบัสชนและทับหัวเปิ้ลสมองเละหมวกกันน็อคแตกกระจายเสียชิวิตคาทีทันที ผมและแม่เปิ้ลรีบนั่งรถไปดูยังที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ห่างจากที่ร้านที่ผมขายของไม่มากนัก แต่มันก็สายไปแล้ว เปิ้ลอำลาโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ จากนั้นแม่เปิ้ลจึงไปรับศพที่โรงพยาบาลแล้วนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดแห่งหนึ่ง คืนแรกการสวดอภิธรรมศพนั้นผานไปได้ด้วยดีไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนคืนที่สองนั้น ขณะที่พ่อเปิ้ลนั่งฟังพระสวดพระอภิธรรมอยู่นั้น อยู่ ๆ พอ่เปิ้ลก็ตะโกนเรียกชื่อ”เปิ้ล”ออกมาด้วยเสียงอันดัง ผู้คนในงานต่างตกอกตกใจกันยกใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น รวมทั้งพระสงฆ์ที่ลงสวดที่ศาลาด้วยต่างพากันตกใจและกลัว พอ่เปิ้ลเห็นดังนั้นจึงบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอาจจะคิดมากไปเอง แต่แม้จริงแล้วพอ่เปิ้ลเห็นเปิ้ลยืนอยู่ที่ปลายโลงศพของเปิลเองแล้วยิ้มให้พ่อ ซึ่งพ่อเปิ้งเองยืนยันว่าไม่ได้ตากวาดเพราะว่าเห็นอยู่นานมากจนแน่ใจ พอคืนที่สามเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีก ระหว่างที่พระสวดอยู่นั้นป้าของเปิ้ลและแม่เปิ้ลก็พากันเข้าไปช่วยดูแลกับข้าวในครัวเพื่อจะนำมาเลี้ยงแขกที่มาร่วมงาน ระหว่างที่จัดเตรียมอาหารอยู่นั้น ป้าเปิ้ลก็บอกว่าทำไมรู้สึกวูบ ๆ หนัก ๆ หัว สักพักก็ล้มลงไปนอน แม่เปิ้ลเห็นดังนั้นก็ตกใจคิดว่าป้าเปิ้ลเป็นลมจึงเข้าไปดูอาการ และแล้วป้าเปิ้ลก็ลุกขึ้นมาแล้วกระโดดกอดแม่เปิ้ลและร้องเรียก “แหมะ” (เปิ้ลจะเรียกแม่ว่า”แหมะ” เนื่องจากครอบครัวเปิ้ลเป็นคนจีน) บัดนี้ร่างของป้าหลวย(ป้าเปิ้ล)ก็ลุกขึ้นมากแล้วกระโจนโผลเข้ากอดแม่ตัวเอง แล้วร้องไห้บอกว่าเปิ้ลเอง เปิ้ลร้องไห้และพรรณาต่าง ๆ มากมาย จับใจความได้ว่า แหมะเปิ้ลยังไม่อยากตาย ทำไมมันต้องมาเอาชีวิตเปิ้ลด้วย เปิ้ลเจ็บไปหมดเลยปวดระบมไปทั้งตัวเลย ทั้งสองแม่ลูกกอดคอกันร้องไห้ แขกเหรื่อที่มาร่วมงานก็พากันตกใจกรูเข้ามาดู บ้างก็หดหู้เวทนา บ้างก็กลัวจนตัวสั่น จะไม่ให้กลัวได้ยังไง ตั้งแต่เกิดมาทั้งชีวิตผมเองก็ยังไม่เคยเจอวิญญาณที่ไหนเฮี้ยนจัดถึงขนาดมาเข้าร่างคนอื่นกลางงานศพแบบนี้ เปิ้ลบอกว่าแหมะกับป๊าไม่ต้องห่วงเปิ้ลสบายดี แต่เปิ้ลต้องใช้หนี้กรรมและถือศีลเพื่อบรรเทบาปที่ขณะมีชีวิตอยู่นั้นเปิ้ลชอบด่าป๊ากับแหมะเอาไว้ แล้วตั้งแต่นั้นมาเปิ้ลก็มาเข้าร่างป้าหลวยอยู่ทุกวัน จนกระทั่งวันเผา ก่อนเผาเปิ้ลก็เข้าร่างป้าหลวยแล้วร้อห่มร้องไห้ รำพันว่ายังไม่อยากตาย แล้วสั่งเสียให้พี่สาวดูแลแหมะกับป๊าดีๆจนกระทั่งหลังเผาไปแล้วเปิ้ลก็ยังมาเข้าร่างป้าหลวยอีกเรื่อยๆ แล้วร่ำไห้ว่าเปิ้ลต้องใช้กรรมอีกยาวนานเฃย เปิ้ลยังไม่อยากตาย อีกทั้งต่อว่าแหมะว่าไม่รักเปิ้ลแล้วเหรอ ทำไมตุ๊กบนหิ้งแหมะยังเอาของเปิ้ลไปทิ้งเลย จากนั้นครอบครัวของเปิ้ลจึงไปทำบุญและกล่าวอโสใหกับในสิ่งที่เปิ้ลเคยทำและล่วงเกินเอาไว้ จากนั้นเปิ้ลก็ไม่มาอีกเลย
เรื่องก็มีอยู่เท่านั้น ความจริงแล้วถ้าเล่าน่ะมันคงมีรายละเอียดอีกเยอะ แต่นี่เล่าผ่านทางภาษาเขียนมันไม่ค่อยอำนวยสักเท่าไห่ร่ครับ
ปล.หากวิญญาณเปิ้ลยังคงอยู่และรับรู้ได้ ผมก็ต้องขออโหสิแก่เปิ้ลที่นำเอาเรื่องเปิ้ลมาเผยแผ่ต่อสาธารณชน ผมเองไมได้มีเจตนาที่จะลบหลู่แต่ประการณืใด เพียงแต่ต้องการแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆชาวสมาชิกได้และเปลี่ยนประสบการณ์สยองเท่านั้นเอง ขอให้เปิ้ลจงมีแต่ความสุขอยู่ในภพภูมิที่เปิ้ลอยู่นะครับ
เจอดีในห้องน้ำ
เจอดีในห้องน้ำ
เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องที่น้องชายของผมเจอกับตัวเอง
ตอนนั้นน้องชายผมไปเข้าค่ายที่ ร.ร. (ผมขอสงวนชื่อโรงเรียนนะครับ) เวลานั้นเป็นเวลา เที่ยงคืน น้องของผมก็ได้เดินไปปัสวะที่ห้องน้ำ บริเวณนั้นไม่มีใครอยู่เลยสักคนเขาก็เลยรู้สึกเหมือนกับว่ามีใครเดินผ่านข้างหลัง แต่บริเวณนั้นมันไม่มีใคร น้องของผมก็วิ่งไปนอนที่เต๊น พอกลับมาถึงบ้านเขาก็ได้เล่าให้ผมฟัง ผมเลยเล่าให้เขาฟังว่า ร.ร.นี้มีผีเยอะ เพราะผมก็เคยเจมาแล้วอ่ะครับ ผมเจอที่หน้าห้องดนตรีไทย
ใคร???
ใคร???
เรืองก้อมีอยู่ว่า ตอนประมาณตี2กว่าๆ ของวันที่17สิงหาคม2551
ผมกำลังนั่งอ่านเรื่องผีจากเว็บนี้อยู่อะคับ แล้วก้อออนเอ็มคุยกับเพื่อนด้วย เพื่อนกำลังฟังเดอะช็อคอยู่ก้อเล่าว่าวันนี้ไปบุกบ้านร้าง
ผมก้อไม่ได้สนใจเปิดอ่านประสบการณ์สยองอยู่ ผมกับเพื่อนก้อแกล้งหยอกกันเรื่องผีอยู่ ผมบอกกับเพื่อนว่าระวังนะพวกเค้าอยู่รอบๆๆตัวคุณ แล้วเพื่อนผมก้อตอบว่าระวังเถอะ ผมก้อไม่ได้สนใจ แล้วก้อเปิดอ่านเรื่อง ใครปิดโทรทัศน์ แล้วจู่ๆโทรศัพท์ที่ห้องผมก็ดังขึ้น 1 ครั้ง ด้วยความที่ไม่ได้คิดอะไร นึกว่าเป็นเรื่องบังเอิญก้อเลยอ่านต่อ สายตายังไม่ได้อ่านตัวหนังสือบรรทัดต่อไปเลย เสียงโทรศัพท์มือถือของเพื่อนซึ่งวางอยู่ตรงหน้าโทรทัศน์ก้อดังขึ้น 1 ครั้ง ใจของเราคิดว่าคงเป็นใครยิงมาหรือข้อความเข้า แต่มันไม่ใช่อย่างที่คิดไว้เลย บนหน้าจอว่างป่าวไม่มีข้อความ และก้อไม่มีเบอร์ที่ไม่ได้รับสายอีกต่างหาก และผมเลยเล่าให้เพื่อนที่ออนเอ็มคุยกันอยู่ฟังเรื่องที่เกิดขึ้น พอเราคุยกันได้สักพัก เพื่อนของผมที่ออนเอ็มคุยกันเค้าบอกว่าได้ยินเสียงคนเคาะที่ประตูระเบียง พอเปิดไปก้อไม่มีอะไร ผมบอกไม่ถูกเลยมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ผมยอมรับเลยว่ากลัวมากๆ เพราะมันหาอะไรมาพิสูจน์ไม่ได้เลยจริงๆ แล้วเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนี้เป็นฝีมือของใคร หรืออาจจะเป็นไปได้หรือป่าวว่า พวกเค้าอยู่รอบๆตัวเรา แล้วพยายามที่จะติดต่อกับเรา
เจอผีที่โรงเรียน
เจอผีที่โรงเรียน
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ ร.ร. ในจังหวัด อุดรธานี (ขอไม่บอกชื่อ ร.ร. ) เมื่อ พ.ศ. 2541 ผมเรียนอยู่ชั้น ม.5 ที่ ร.ร.ของผม มีระบบการเรียนคือ ช่วงเช้าจะเรียน 4 วิชา ช่วงบ่ายเรียน 3 วิชา แต่ละคาบวิชาจะมีการเปลี่ยนห้องเรียนตลอด วันนั้นผมจำได้เป็นวันพุธ คาบที่2 เรียนภาษาอังกฤษ ห้องเรียนอยู่ชั้น 1 (อาคาร4) และ ต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าห้องเรียน หน้าห้องมีระเบียงยาว พอเรียนเสร็จทุกคนก็จะย้ายห้องไปเรียนสังคม อีกอาคารเรียนถัดไป ใกล้ๆกัน(อาคาร 5 ) แต่ห้องเรียนอยู่ชั้น 2 ใช้เวลาในการเดินไป 10 นาที พอถึงห้องเรียนสังคมคาบที่3 ขณะที่รออาจารย์อยู่นั้น ผมหันหลังไปจะไปคุยกับเพื่อน แต่เพื่อนผมหน้าตาซีด…ขาวมาก ขนลุกทั้งตัว ขนลุกจนหน้ามีตุ่มรูขุมขนอย่างเห็นได้ชัดมาก ผมเลยแซวเพื่อนไปว่า “ปวดขี้ละสิ” เพื่อนผมไม่พูด ซักพักเพื่อนผมเดินออกจากห้องไป ผมจึงมองไปที่หน้าต่างหลังอาคาร เพราะห้องน้ำอยู่ด้านหลังอาคาร กะจะตะโกนแซวเพื่อนวิ่งเข้าห้องน้ำ แต่รอยังไงมันก็ไม่เห็นเข้าซักที ซักพักมันก็เดินเข้ามา ด้วยสีหน้าที่ตกใจกว่าเดิม ผมถามมันไปว่า “เป็นไร” มันบอก “ไม่มีไร…เดี๋ยวเล่าให้ฟัง” วันถัดมา เพื่อนผมไม่มาเรียน 1 วัน พอถึงวันศุกร์ เพื่อนผมกลับมาด้วย สายสินเต็มแขน ที่ขอห้อยพระหลายองค์ เพื่อนผมเล่นให้ฟังว่า วันนั้น ตอนนี้เรียนเสร็จจะไปเรียนต่อ เพื่อนผมเห็นผู้หญิงอายุประมาณ 30 กว่าๆ แต่งชุดกระโปรงลายดอก สวยด้วย นั่งอยู่ระเบียงหน้าห้องเรา นั่งข้างกับเด็กนั่งเรียน ม.ตั้น เพื่อนผมนึกว่าเป็นแม่ของเด็กคนนั้น คงนั่งรอพบอาจารย์มั้ง…เพื่อนผมใส่รองเท้าหน้าห้อง ยังนึกในใจว่า ทำไมแม่สวยจังเลยว๊ะ… แต่ไม่ได้คิดอะไร พอเดินขึ้นชั้น 2 อาคาร 5 เพื่อนผมต้องตกใจ…เพราะเห็นผู้หญิงคนนั้นมานั่งที่ระเบียงหน้าบันไดข้างๆ ห้องเรียนผม เป็นไปไม่ได้ที่ผู้หญิงคนนั้นจะวิ่งเร็วขนาดนั้น เพราะก่อนจะก้าวขึ้นบันไดขึ้นแรกของอาคาร 5 เพื่อนผมยังหันกลับไปมองเธออีกครั้ง ก็ยังเห็นนั่งอยู่เลย แต่พอเดินขึ้นมา ทำไมมาเร็วจัง… เพื่อนผมนึกในใจ “กูโดนแล้ว กลางวันแสกๆ” แล้วที่มันเดินออกไปนั้น ที่ผมนึกว่าไปเข้าห้องน้ำ ที่จริงแล้ว มันเดินออกไปดูอีกครั้งว่าเธอยังอยู่หรือเปล่าเพื่อความแน่ใจ แต่ไม่เห็นมีใครนั่งอยู่เลย เท่านั้นแหละ วันต่อมามันไปวัดทำบุญคับ แล้วเรื่องนี้ผมก็ได้เล่าให้แม่ผมฟัง แม่ผมไปเล่าให้เพื่อนที่ทำงานแกฟัง ซึ่งเพื่อนแก เคยเป็นศิษย์ เก่าเมื่อ เกือบ 10 ปี เพื่อนแม่เล่าว่า สมัยนั้นตอนแกเรียนอยู่ชั้น ม. 1 มีคนฉุดผู้หญิงมาข่มขืนในป่าหลัง ร.ร. เป็นผู้หญิงสวย แต่แกไม่ได้ไปดูด้วย เพราะแกยังเด็กและกลัว แกบอกว่าอาจจะเป็นผู้หญิงคนเดียวกันก็ได้….
ห้ามเผยแพร่
ห้ามเผยแพร่
เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ของพี่สะใภ้ค่ะ เกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้เอง เรื่องก็มีอยู่ว่าปู่ซึ่งเป็นพระครูซึ่งมรณภาพเมื่อปี 2545 และก็พึ่งขอไฟพระราชทานเพลิงศพได้และก็เนื่องด้วยหลายๆ อย่างจึงทำให้เวลาผ่านมาหลายปี วันที่ไฟพระราชทานมาถึงลูกหลานก็มาครบทุกคน ผู้ใหญ่ของจังหวัดก็มาหมดพี่สะใภ้ก็เลยบันทึกวีดีโอเก็บไว้ดูเพราะว่างานยิ่งใหญ่และคนก็มามากมายแล้วถ้ากลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ จะเอาภาพที่ได้บันทึกไว้นั้นไปให้เพื่อนๆ ญาติๆ ที่ทำงานดูแต่พี่สะใภ้ก็ไม่ได้ขออนุญาตจากใครเลย อยุ่อาจจะเป็นเพราะว่าต่างคนต่างถ่ายเก็บไว้ดู จนงานเสร็จสิ้นก็ไม่ได้สนใจกับกล้องนั้น และพอตกกลางคืนช่วงนั้นเป็นเวลาสองทุ่มพี่ชายก็เข้าอาบน้ำพี่สะใภ้ก็นอนดูทีวีรออยู่ คล้ายกับครึ่งหลับครึ่งตื่น เหมือนมีคนมาเรียกอยู่สองสามครั้งมองหาที่ไหนก็ไม่เจอแต่ก็ยังคิดว่าพี่ชายเรียกให้อาบน้ำแต่พอฟังดูก็ยังได้ยินเสียงพี่ชายอาบน้ำในห้องน้ำนั้นอยู่ก็เลยมองไปที่หน้าต่างชั้น 2 ก็เห็นเป็นผ้าเหลืองอยู่แต่ก็ไม่เห็นหน้านะคะเห็นแค่เป็นช่วงเอวลงมาเพราะว่าหน้าต่างนั้นมีเหล็กดัดอยู่พี่สะใภ้ก็ตะโกนถามว่าใคร ก็มีเสียงพูดอยู่ 2 ครั้ง ว่า “หนูอย่าเอาไปให้ใครดูนะ เอาทิ้งเถอะอายเขา ” พูดอยู่สอง สามครั้ง และก็หายไปแต่พี่สะใภ้ก็ไม่ได้บอกใครเลยจนงานเสร็จและก็กลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ แต่ปู่ก็ยังตามมาหาหลายครั้งจนพี่สะใภ้กลัวมาก จึงบอกกับพี่ชาย ว่าปู่มาหาว่าอยากได้อะไรจะให้แต่อย่าเอาภาพนั้นไปล้างและก็อัดให้ใครดู หลังจากนั้นพี่ชายก็นำเทปที่บันทึกนั้นทุบทิ้งและปู่ก็มาให้โชคก้อนใหญ่เลยค่ะ
จ้าวที่แรง
จ้าวที่แรง
สวัสดีครับทุกๆคนผมมีเรื่องอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งใน กทม. จะเล่าให้ฟังครับผมกับแม่ทำงานเป็นคนดูแลครับ เมื่อ2ปีที่แล้วบ่ายวันหนึ่งผมกับเพื่อนได้นั่งซ่อมรถมอเตอร์ไซร์อยู่ด้านหลังของอพาร์ทเมนท์ ผมได้เล่าเรื่องจ้าวที่ที่นี้ให้เพื่อนของผมฟังแต่เพื่อนของทำท่าเหมือนจะไม่เชื่อแต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรครับ พอรุ่งขึ้นอีกวันผมกำลังจะไปเข้าห้องน้ำครับ พอเปิดประตูห้องออกมาเจอเพื่อนของที่เช่าห้องอยู่ที่ชั้นบนลงมานั่งอยู่หน้าห้องผม ผมจึงถามเข้าว่ามานั่งทำอะไรแต่ ที่จริงผมนึกว่าเค้าทะเลาะกับแฟน แต่เค้าบอกว่าลงมานั่งตั้งแต่เมื่อขึ้นแล้ว เค้าเล่าให้ฟังว่าเมื่อคืนตอนที่เค้านอนอยู่กับแฟนอยู่ๆก็มีผู้หญิงมานั่งบนตัวเค้า เค้าดิ่นจนหลุดแล้วคิดว่าฝันไป แต่พอเค้าจะล้มตัวนอนอีกที่ก็มีผู้หญิงกระโดมานั่งบนตัวเค้าอีก คราวนี้บีบคอด้วยครับแล้วพูด เองไม่เชื่อเหรอว่าข้ามีจริง (ที่จริงพูดหยาบกว่านี้ครับ) เพื่อนผมจึงดิ่นสุดแรงครับพอหลุดได้เค้าก็วิ่งลงมานั่งที่หน้าห้องของผม ต่อมาประมาณ 15 วัน เค้าก็ย้ายออกครับ ที่นี้มีเรื่องเล่าที่ผมเจอกับตัวเองเยอะมากครับไว้จะเล่าให้ฟังอีกนะครับ
บ้านผีผูกคอ
บ้านผีผูกคอ
สวัสดีครับพี่ๆทุกคนผมมีเรื่องบ้านร้างที่จังหวัดนนทบุรีมาเล่าให้ฟังครับ ที่นี้เป็นหมู่บ้านติดกับโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ถนนทุกเส้นของหมู่บ้านนี้ทั้งหมดเป็นทาง 3 แพ่งครับบริเวณหมู่บ้าที่ย่าผมอยู่จะเป็นคล้ายกับเลข 0 ที่ทางเข้าไปบ้านย่าของผมมีบ้านร้างอยู่หลังหนึ่ง ผมรู้มาว่าที่นั้นเคยมีผู้หญิงผู้คอตายและมีคนขับรถ ตุ๊กๆ แท่งกันตายครับ ผมจะเริ่มเล่าให้ฟังเลยนะครับ ปิดเทอมของทุกๆปีผมต้องไปอยู่ที่บ้านย่าของผมเพื่อไปดูแลท่านเหตูการณ์นี้เกิดขึ้นตอนผมอยู่ ม. 2 ครับตอนนั้นประมาณ 2 ทุ่มผมได้เดินออกมาหน้าบ้านครับเพราะที่นั้นลมเย็นมาบ้านย่าของผมอยู่ห่างจากบ้านร้างแค่ 4 หลังครับ ตอนที่ผมกำลังเดินอยู่นั่นเองผมได้หันไปมองที่บ้านหลังนั้นครับ และภาพที่เห็นคือ มีผู้หญิงใส่ชุดนอนยาวสีครีมเดินออกมาจากกำแพงแล้วเดินเข้าไปในบ้านหลังนั้นครับ ที่จริงผมคิดว่าตาฟาดไปแต่บริเวณนั้นสว่างมากครับผมจึงเดินเข้าบ้านผมแล้วเรียกอาผมมานั่งคุยด้วย อาของผมก็บอกว่าเคยเจอมา ผมจึงถามว่าเห็นเป็นอย่างไง อาของผมบอกว่า เป็นผู้หญิง ใส่ชุดนอนสีครีมเดินอยู่ในบ้าน ผมขนลุกเลยครับพี่ แล้วอาผมเล่าให้ฟังว่า เคยมีดีเจรายการวิทยุคนหนึ่งที่บ้านอยู่ที่นั้นเคยเดินกลับมาตอนกลางคืนได้ยินเสียงคนคุยกันในบ้านและมีเสียงคนลากโต๊ะเค้าจึงปีนเข้าไปดูแต่ก็ไม่เห็นอะไร เห็นอาบอกว่าอยู่รายการพี่ป๋องสมัยก่อนเนี่ยครับ ผมก็ไม่รู้จริงหร์อเปล่า แต่ที่ผมเจอของจริง 100% ครับ จบแล้วครับพี่
ใครในห้องน้ำ
ใครในห้องน้ำ
เรื่องมันมีอยู่ว่า วันหนึ่งเราไปถึงที่ทำงานเวลาประมาณ 07.00 น.โดยปกติแล้วพวกพี่ที่ทำงานจะมาถึงกันประมาณ 07.30-08.00 น. ประมาณนั้น พอมาถึงเราก็เกิดปวดท้องเลยรีบเก็บกระเป๋าแล้วไปเข้าห้อง พอนั่งไปได้ซักพักก็รู้สึกได้ว่าห้องข้าง ๆ มีคนใช้อยู่ แต่ก็นึกสงสัยว่าทำไมไม่ได้ยินเสียงเดินเข้าห้องน้ำหรือปิดประตูห้องน้ำเลย และเท่าที่จำได้ตอนเข้ามาไม่มีใครใช้อยู่เลยมีเราคนเดียว แต่ก็ไม่ได้สนใจเพราะคิดว่าเค้าคงเดินเสียงเบาหรือไม่เราก็นั่งเพลินเลยไม่ได้ยิน ซักพักเราก็เหลือบไปเห็นเท้าของคนที่อยู่ห้องข้างๆ หันเข้ามาทางห้องน้ำที่เราใช้อยู่ ก็สงสัยว่าจะหันมาทำไม เราก็มองอยู่ซักพักเลยจำได้ว่าเป็นพี่ที่ทำงานห้องเดียวกันแน่เลย เพราะใส่รองเท้าแบบเดียวกัน เราเลยเลิกมองแล้วทำธุระให้เสร็จ พอออกจากห้องน้ำปรากฎว่าห้องน้ำทุกห้องว่างเปล่าไม่มีใครหรืออะไรอยู่เลย สงสัยพี่เค้าคงออกไปแล้ว แต่ทำไมไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำล่ะ เราก็เลยรีบออกจากห้องน้ำ และสิ่งที่เห็นก็คือพี่ที่เราคิดว่าเค้าเข้าห้องน้ำนั้นเพิ่งเดินขึ้นบันไดมาในมือมีกระเป๋าถือและข้าวของเต็มไปหมด ที่นี้งงเลย ทำอะไรไม่ถูก เลยตัดสินใจถามไปว่า เมือกี้เข้าห้องน้ำแล้วลงไปไหนมาล่ะ ยังไม่ได้เข้าห้องทำงานเหรอ พี่เค้าก็ทำหน้างงๆ นะ แล้วก็ตอบสวนมาว่าเพิ่งมาถึง ก็เห็นนี่ว่าเดินขึ้นบรรไดมา พี่เค้าถามว่ามีอะไรรึเปล่า เราไม่กล้าเล่าเลยบอกว่าเปล่า แต่เราก็ยังสงสัยอยู่ทุกวันนี้เลยว่าที่เราเห็นคืออะไร และทุกวันนี้ก็ไม่กล้าเข้าห้องน้ำตอนเช้าเลยนะ ต้องเข้าตอนสายซักนิด เพราะว่ากลัวจะเจอ
ขาของใคร…………กันแน่
ขาของใคร…………กันแน่
เรื่องที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้เองแฟนนู๋นั่งกินเหล้าอยู่หลังบ้านกับเพื่อน 1 คน รวมเป็น 2 คน หลังบ้านแฟนนู๋ติดกับคลอง แล้วก้อมองเห็นหลังบ้านคนอื่น ๆ อีกหลายหลัง ถัดปัยอีก 2 หลังจะเป็นบ้านของตาเหลิม (น้องชายของตาอีกที) แต่ว่าตาเหลิมท่านเพิ่งจะเสียปัยไม่นาน และมีลูกชายอยู่บ้านคนเดียว(ลูกชายตาเหลิมก้อน้าแฟนนู๋เองค่ะ) ลักษณะของบ้านก้อจะเป็นบ้านไม้ ชั้นเดียว มีหน้าต่าง 2 บานใกล้ๆกัน ส่วนด้านล่างหน้าต่างจะเป็นบานเลื่อน (แบบเป็นไม้นะค่ะ) ตอนนั้นเวลาก้อประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ แฟนนู๋ก้อมองปัยที่หน้าต่างบ้านตาเหลิมบานแรก เห็นน้ากำลังกางมุ้งเพื่อที่จะนอนค่ะ แต่พอมองปัยที่บานเลื่อนใต้หน้าต่างบานที่อยู่ติดๆกัน ก้อเห็นขา 2 ข้างเดินปัยเดินมาอยู่ก้อสงสัย ไม่แน่จัยเพราะว่าน้าก้อกางมุงอยู่ที่หน้าต่างอีกบานนึง เลยสะกิดเพื่อนให้มองดูว่าเห็นไหม เพื่อนก้อหันปัยดู แล้วหันกลับมาบอกว่าเห็นเหมือนกัน เท่านั้นแหละค่ะ เพื่อนแฟนนู๋ขอตัวกลับบ้านเลย (พายเรือกลับด้วย) แล้วแฟนนู๋ก้อเข้ามานอน โดยที่ไม่อาบน้ำ นู๋จึงถามแฟนว่าเป็นอะรัยทำมัยเลิกกินแล้วจัง แฟนนู๋ก้อไม่ยอมบอก จนตอนเช้ามาเล่าให้ฟัง เรื่องก้อมีแค่นี้ค่ะ
เรื่องเล่าชั้น5
เรื่องเล่าชั้น5
สวัสดีคับเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นประสบการณ์ตรงของผมเอง
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่มหาลัยผมเอง เรื่องมีอยู่ว่าผมอยู่มหาลัยปีนี้ปีแรกและทางมหาลัยก็มีกิจกรรมให้นักศึกษาใหม่ทำกัน วันนั้นผมทำกิจกรรมและการทำกิจกรรมก็จะทำบนชั้น 5 ซึ่งมันจะแบ่งชั้นเป็นของสาขาใครสาขามัน ผมทำกิจกรรมจนดึกประมาณสัก 3 ทุ่ม ผมรู้สึกปวดท้องเลยชวนเพื่อนไปห้องน้ำ 2 คนพอถึงห้องน้ำเอนมันก็บอกจะรออยู่ข้างนอกแต่ผมเป็นคนทำภารกิจนานมันก็บอกว่าเดี๋ยวจะไปรอที่ห้องกิจกรรมและผมก็ได้ยินเสียงประตูหน้าห้องน้ำปิด ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรแต่สัก 2-3 นาทีก็ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดอีกครั้งและตอนนั้นผมก็เสร็จภาระกิจพอดีผมเห็นเงาคนเดินมาที่โถฉี่ผมก็นึกว่าเพื่อนผมก็ใส่บ็อกเซอร์กะจะเอากางเกงขายาวมาใส่ข้างนอกแต่พอเปิดประตูออกไปเท่านั้นแหละคับไฟในห้องน้ำดับและผมก็รู้สึกว่าผมยืนอยู่คนเดียวทั้งๆที่เมื่อกี้เห็นเงาคนยืนฉี่อยู่เวลาไม่ถึงนาทีคนนั้นหายไปไหนและเสียงประตูเข้า-ออกก็ไม่ได้ยินผมจึงวิ่งไปที่ประตูห้องเพื่อจะไปข้างนอกผมเผลอหันไปมองที่กระจกใกล้ทางออก !!!!แทบช็อกคับเห็นเงาผู้ชายในกระจกยืนหันหลังให้กระจกหันหน้ามาทางผม ผมร้องลั่นวิ่งไปห้องกิจกรรมทั้งๆนังไม่ได้ใส่กางเกงขายาวใส่แต่บ็อกเซอร์ผมเห็นเพื่อนทามกิจกรรมกันอยู่
เพื่อนก็ตกใจเมื่อเห็นผมในสภาพนี้ผมถามเพื่อนว่าเมื่อกี้ใครไปห้องน้ำมาหรือป่าว ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าเปล่า ผมจึงเล่าให้พวกพี่ๆ ฟังพี่เค้าก็บอกว่าเคยมีคนมาผูกคอตายในห้องน้ำ ผมขาอ่อนทันทีเลย และพี่ก็บอกว่าใครอยู่ดึกจะเจอกันบ่อย