ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ทวิตเตอร์ @MorningNewsTV3
แบคทีเรียกินเนื้อคน ล่าสุด แพทย์วอนประชาชนอย่าตื่นตระหนก พร้อมแนะหากถูกก้างหรือเงี่ยงปลาตำให้ล้างแผลฆ่าเชื้อโรคทันที
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ มีการส่งต่อข้อมูลกันทางไลน์ว่า มีผู้จัดการธนาคารคนหนึ่งได้ไปเลือกซื้อปลาทับทิมที่ตลาด แล้วถูกก้างปลาตำนิ้วมือ ต่อมามีอาการบวมจนต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล ภายหลังติดเชื้อในกระแสเลือดจนเสียชีวิต เพราะได้รับเชื้อแบคทีเรียจากปลาทับทิมนั้น ทำให้วันนี้ (24 กรกฎาคม 2557) นายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค ต้องออกมาชี้แจงถึงเรื่องแบคทีเรียกินเนื้อคน ว่า เป็นแบคทีเรียประเภทที่มีพิษร้ายแรง สามารถทำให้เนื้อเยื่อเน่า และอาจรุนแรงถึงขั้นช็อกเสียชีวิต ดั้งนั้น ผู้ป่วยรายใดที่ถูกก้างปลาตำจนเลือดออก มีแผลบวม และมีไข้ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
และล่าสุด ช่วงเย็นวันนี้ รายการเจาะข่าวเด่น ช่อง 3 ก็ได้สอบถามข้อเท็จจริงเรื่องแบคทีเรียกินเนื้อคนจาก นพ.เสรี หงษ์หยก อดีตรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้เสียชีวิต โดย นพ.เสรี หงษ์หยก เปิดเผยว่า วันที่ 11 กรกฎาคม 2557 ผู้เสียชีวิตได้ถูกเงี่ยงปลาทับทิบตำที่นิ้วโป้ง จนกระทั่งผู้เสียชีวิตรู้สึกปวดที่บาดแผลจึงไปพบแพทย์ และช่วงเช้าวันที่ 14 กรกฎาคม 2557 ผู้เสียชีวิตเดินเตะตรงบันได จึงไปพบแพทย์อีกครั้งแต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก จนกระทั่งในเวลาต่อมา ขาของผู้เสียชีวิตมีอาการบวมเขียว และเย็นผิดปกติ ทำให้ต้องไปพบแพทย์อีกครั้ง จึงทราบว่า กล้ามเนื้อฉีก และเมื่อแพทย์ผ่าแผลที่ขาของผู้เสียชีวิต ก็พบว่า มีกลิ่นเหม็นเหมือนเนื้อเน่า อีกทั้งบริเวณดังกล่าวยังมีลักษณะยุ่ย คล้ายเนื้อหมักกับยางมะละกอ เบื้องต้น คาดว่า ผู้เสียชีวิตติดเชื้อแบคทีเรียในกระแสเลือด โดยคาดว่า ผู้เสียชีวิตได้รับเชื้อแบคทีเรียมาตั้งแต่ตอนที่ถูกเงี่ยงปลาทับทิบตำแล้ว โดยเชื้อแบคทีเรียเหล่านี้อาจอยู่ตามลำตัว ก้างปลา เงี่ยง และซอกเหงือก ดังนั้น หากก้างปลาตำก็อาจได้รับเชื้อนี้เข้าสู่ร่างกาย
ด้าน นพ.เกรียงไกร จีระแพทย์ รอง ผอ. รพ.นนทเวช ระบุว่า เชื้อแบคทีเรียดังกล่าวสามารถพบได้ในแหล่งน้ำธรรมชาติ และเมื่อได้รับเชื้อแบคทีเรียนี้เข้าไปก็มีโอกาสเสียชีวิตสูง และบางรายอาจถึงขั้นตัดขาทิ้ง เพราะเชื้อวิ่งไปตามกระแสเลือด ทำให้อวัยวะสำคัญล้มเหลว ดังนั้น หากใครที่โดนเงี่ยงปลาตำ ควรบีบเลือดออกให้มากที่สุด แล้วใช้แอลกอฮอล์ล้างแผลเพื่อฆ่าเชื้อโรค แต่หากเกิดแผลบวม เป็นไข้ ควรรีบไปพบแพทย์ แล้วแจ้งข้อมูลให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด
แต่อย่างไรก็ดี ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกไปกับเรื่องนี้จนไม่กล้ารับประทานปลาก เพราะหากนำปลาไปทำการปรุงให้สุกก็สามารถทานได้ตามปกติ