ตัวอย่างนิทานตลกล้อเลียนพระกับเณร
เรื่อง หลวงพ่อขี้ไก่โป่
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในหมู่บ้านมีวัดแห่งหนึ่งมีหลวงตากับเณรน้อย วันหนึ่ง หลวงตาได้รับนิมนต์จากชาวบ้าน ก่อนจะเข้าไปในหมู่บ้านได้กำชับเณรน้อยว่าอย่าให้ไก่
ขึ้นมาขี้บนศาลา ให้ไล่ไก่ให้ดีอย่าหนีไปไหน เณรน้อยรับคำ ส่วนหลวงตาก็เข้าไปในหมู่บ้านตามที่รับนิมนต์ไว้ พอเสร็จกิจนิมนต์แล้วหลวงตาก็กลับวัด เห็นขี้ไก่โป่เต็มศาลา ก็เลยโมโห ให้เณรน้อย เรียกเณรน้อยมาทำโทษโดยการให้เลียกินขี้ไก่โป่ทุกกอง เณรน้อยนั้นทีแรกก็ทำท่าสะอิดสะเอียนเพื่อไม่ให้หลวงตาสงสัย เสร็จแล้วก็ก้มเลียขี้ไก่โป่กองแล้วกองเล่าจนเกือบหมดเหลือสองกองสุดท้าย หลวงตาสังเกตดูการเลียกินขี้ไก่โป่ของเณรน้อยคงอร่อยแน่ ๆ ก็เลยสั่งให้หยุดกิน “หยุด ๆ ๆ ๆ มันเป็นจั่งใด๋ หวานบ่ คือเป็นตาแซบแท้” เณรน้อยก็ว่าอร่อยหวานหอมและบอกให้หลวงตาลองชิมดู หลวงตาจัดการทันที ร้องว่า “อือ / แซบอีหลี หวาน……หอม…. นี่เณรน้อยมื้อหน้าบ่ต้องไล่ไก่หนีเด้อ ไปไล่มันขึ้นมาขี้ไว้หลาย ๆ” หลวงตาสั่งเพราะไม่รู้ทัน เณรน้อย จริง ๆ แล้วเณรน้อยเคี่ยวน้ำอ้อยให้เหนียวแล้วกวาดศาลาอย่างสะอาดและหยอดน้ำอ้อยที่เคี่ยวแล้วเป็นกอง ๆ ทั่วศาลามันจึงมีรสหวานหอมติดใจ
วันต่อมาหลวงตารับกิจนิมนต์อีก ไปฉันจังหันในหมู่บ้าน รับนิมนต์ทีไรไม่เคยให้ เณรน้อยไปด้วยสักที เณรน้อยเลยแกล้งไล่ไก่ขึ้นบนศาลาไก่กลัวก็ขี้ราดศาลาไว้มากมาย หลวงตากลับจากในบ้านมาที่วัดเห็นขี้ไก่เต็มศาลาก็ดีใจ ไม่พูดพร่ำทำเพลงขึ้นไปถึงก็ก้มเลียทันที กองแรกเหม็นหึ่งน่าสะอิดสะเอียน ยังไม่เชื่อปากตัวเอง กองที่สองก้มลงเลียอีกก็เหม็นหึ่งอีก หวานก็ไม่หวาน จึงเรียกเณรน้อยมาถาม เณรน้อยจึงว่า “กะมื้อนี้มันเป็นขี้ไก่โป่แท้ ๆ บ่คือ มื้อวานนี้ มื้อวานนี้ ขะน้อยเคี่ยวน้ำอ้อยอย่างดีมันกะแซบซั่นแล้ว ขะรับ”
ตัวอย่างนิทานตลกล้อเลียนเรื่องเพศ
เรื่อง พิมพ์ดีด
ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง มีข้อตกลงใช้คำศัพท์เฉพาะคนรู้ใจสองต่อสองว่าหากสามีภรรยาจะมีอะไรกุ๊กกิ๊กกัน ให้ใช้คำว่า “พิมพ์ดีด” แทนก็จะเป็นที่เข้าใจกัน สามีนั้น ลาศึกษาต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยในต่างจังหวัด นาน ๆ จะกลับบ้านครั้งหนึ่ง เสาร์นี้ ก็เช่นเดียวกัน เป็นวันสิ้นเดือน สามีก็กลับบ้านเช่นเคย มาถึงบ้านมองหาภรรยาไม่พบ
ว่า “แม่ไปไหน” ลูกบอกว่า “แม่ไปตลาด” พ่อเลยบอกกับลูกว่า “ไปตามแม่ให้พ่อหน่อย ให้บอกกับแม่ว่าพ่อกลับมาถึงบ้านแล้วและพ่ออยากจะพิมพ์ดีด” ลูกไม่รู้อะไรก็รีบวิ่งด้วยความ ดีใจที่พ่อกลับมา พอลูกไปพบแม่ที่ตลาดก็บอกว่า “แม่ ๆ พ่อกลับมาแล้ว พ่อบอกว่าให้แม่ กลับบ้านด่วน พ่อจะพิมพ์ดีด” ส่วนแม่เก็บเงินค่าแชร์ไม่ได้ก็เคืองใจ ตอบลูกไปว่า “ไปบอก กับพ่อนะว่าเครื่องพิมพ์ดีดชำรุดแล้ว” ลูกก็รีบวิ่งกลับมาบอกพ่อว่า “พ่อ ๆ แม่บอกว่าเครื่องพิมพ์ชำรุดแล้ว” พ่อก็ไม่ว่ากระไร แต่พอตกตอนเย็นต่างคนต่างอาบน้ำอาบท่าเสร็จใจดีขึ้นบ้างแล้ว พอเข้านอนภรรยาจึงสะกิดสามีว่า “พ่อ ๆ บ่พิมพ์ดีดบ้อ ข้อยซ่อมแล้ว ๆ เด๊ะ” ด้วยความหงุดหงิดสามี ๆ เลยตอบภรรยาว่า “บ่พิมพ์บ่เพิมมันละ ข้อยใช้มือเขียนเรียบร้อยแล้ว”
สมปอง จันทคง