"มองสวนเหมือนเป็นห้องๆหนึ่ง ซึ่งจะต้องมีการตกแต่งใหม่ทุกๆปี"
วิธีการนี้จะช่วยให้ท่านจัดสรรงบประมาณและเวลาได้ง่ายขึ้น อีกทั้งป้องกันงบบานปลาย เพราะสวนถือเสมือนห้องๆหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่บ้านทั้งหลัง และท่านไม่จำเป็นต้องทุ่มเทงบเพื่อให้สวนสวยเสร็จในทันที ท่านสามารถค่อยๆแต่งเติมทีละน้อยเหมือนแต่งห้องๆหนึ่ง
ถึงแม้ว่าการแต่งสวนจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของบ้าน แต่ท่านก็ยังคงต้องดูภาพลักษณ์โดยรวมด้วย ท่านอาจใช้สมุดกราฟเพื่อร่างแบ่งพื้นที่ เพื่อให้เกิดความเหมาะสม ระหว่างอาคาร พื้นที่สวน และขนาดต้นไม้ ซึ่งขั้นตอนนี้เหมาะที่จะพิจารณาว่าท่านต้องการหรือไม่ต้องการต้นไม้อะไรบ้าง
ให้ท่านทำสำเนาต้นฉบับการแบ่งพื้นที่ไว้ แล้วลองออกแบบสวนในหลายๆรูปแบบ โดยอาจดูแบบจากตามนิตยสารต่าง หรือสถานที่ที่ท่านชอบ เพื่อนำมาผสมผสานกันอย่างลงตัว นอกจากนี้ สวนควรสอดคล้องกับวิถีการดำรงชีวิตของท่านด้วย เช่น หากท่านชอบทำอาหารปิ้งย่างบริเวณสนามหญ้า สวนของท่านควรมีรูปแบบที่มีลานเปิดโล่งแล้วมีต้นไม้ล้อมรอบ หรือหากท่านไม่ได้ใช้พื้นที่ในสวนมากนัก ท่านอาจสร้างเรื่องราวให้สวนสวยด้วยสะพาน, เกาะ, ทางเดิน, หรือเฟอร์นิเจอร์อื่นๆเพื่อใช้สำหรับพักผ่อนหย่อนใจในสวนสวย หรือท่านอาจมีแนวคิดอื่นๆเช่น
หากสวนของท่านไม่มีรั้ว ท่านอาจจะปลูกพืชเป็นแนวแทนรั้วได้ เช่น กระถิน หรืออาจทำเป็นระแนงไม้ง่ายๆแล้วให้ไม้เลี้อยพันตามระแนง กลายเป็ยผักสวนครัวรั้วกินได้ ซึ่งต้นไม้เหล่านี้นอกจากใช้รับประทานแล้ว ยังใช้เป็นแนวกันลมและเป็นรั้วได้อีกด้วย
ส่วนที่ยากที่สุดของการออกแบบคือ การเลือกดอกไม้ ไม่ว่าจะเป็นความสูงหรือสีสัน ในที่นี้เราขอแนะนำให้กำหนดพื้นที่ที่จะทำเป็นแปลงดอกไม้ลงไปเลย และไม้ดอกก็ควรเป็นจำพวกที่ดูแลรักษาง่าย และควรจะทนแดดได้ดีเนื่องจากแปลงดอกไม้ส่วนมากมักจะอยู่ในที่โล่งมีร่มเงาน้อย และหากมีพื้นที่กว้างพอ ขนาดแปลงที่เหมาะสมแก่การดูแลและความสวยงามควรกว้างประมาณ 180 ซม.(ความกว้างนี้รวมไปถึงรั้วหรือแนวไม้ ไม่ใช่เฉพาะแปลงดอกไม้)
การปลูกไม้ดอกในแปลง ควรปลูกชนิดละ 3 – 5 ต้น และเว้นระยะห่างแต่ละต้นประมาณ 40 – 45 ซม. และเว้นระยะห่าง 50 – 55 ซม.สำหรับไม้ดอกต่างชนิดกัน สำหรับจำนวนการปลูกนั้นควรเป็นเลขคี่ เนื่องจากจะดึงดูดสายตาได้ดีกว่าเลขคู่ และอย่าลืมเหลือพื้นที่ว่างรอบๆแปลงด้วย เพื่อจะสามารถเข้าทำการดูแลได้ง่ายและป้องกันไม่ให้ดอกไม้ในแปลงขาดอากาศหรือแสงแดดเมื่อต้นไม้โตขึ้นในภายหลัง
นอกจากนี้ สำหรับแปลงดอกไม้ที่กำหนดพื้นที่แน่นอนแล้ว ควรเลือกชนิดไม้ดอกซึ่งมีฤดูกาลออกดอกสลับกันไปในแปลงเดียวกัน โดยอาจปลูกไล่ตั้งแต่ไม้ที่ออกดอกในช่วงฤดูหนาว ฤดูร้อน และฤดูฝน เพื่อจะได้มีดอกไม้ในสวนให้ชมได้ตลอดปี สำหรับการปลูกควรแบ่งต้นไม้เป็น2กลุ่มด้วย คือกลุ่มที่มีขนาดใหญ่และขนาดเล็ก โดยปลูกไม้ดอกต้นที่สูงกว่าไว้ด้านหลังต้นที่มีขนาดเล็ก สำหรับการเลือกชนิดของไม้ดอกท่านอาจค้นคว้าได้จากหนังสือคู่มือไม้ดอกไม้ประดับทั่วไป โดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมและการดูแลรักษาด้วย นอกเหนือไปจากความสวยงาม เพราะหากท่านมีเวลาดูแลน้อยแต่กลับเลือกไม้ดอกสวยงามที่ต้องดูแลมาก เมื่อท่านไม่มีเวลาดูแล ไม้ดอกนั้นจะไม่สวยงามเท่าที่ควรหรืออาจตายได้ ดังนั้นสำหรับท่านที่ไม่มีเวลามากและไม่มีใครมาดูแลแทน จึงควรเลือกไม้ดอกที่ทนทานไม่ต้องการการดูแลมาก เช่นเดียวกันกับไม้ดอกเมืองหนาวที่ท่านชื่นชอบนั้น อาจไม่เหมาะสมกับสภาพอากาศบ้านเรา ทำให้ไม่ออกดอกสวยงามเท่าที่ควร จึงควรเลือกพันธุ์ไม้พื้นบ้านที่มีอยู่มากมายและยังสวยงามไม่แพ้กัน
การลงแปลงไม้แบบเกาะนั้นมีลักษณะเช่นเดียวกับชื่อคือ มีเกาะคือต้นไม้ปลูกกลางสวนและล้อมรอบด้วยทะเลคือสนามหญ้า ซึ่งขนาดและรูปร่างนั้นอาจปรับเปลี่ยนไปตามจินตนาการและรูปร่างของพื้นที่ดิน โดยมีรูปแบบคือต้นไม้ที่สูงที่สุดนั้นจะอยู่ตรงกลางและต้นไม้ที่เตี้ยกว่าลดหลั่นกันไป
สำหรับท่านที่ไม่เคยจัดสวนด้วยตนเองมาก่อน และอาจมีความกังวลว่าจะออกแบบได้ไม่ดี หรือเลือกชนิดของต้นไม้ได้ไม่สมดุลกันนั้น ท่านสามารถใช้รูปแบบสวนสำเร็จรูป ที่บอกรายละเอียดทั้งประเภท,ขนาด หรือแม้แต่ราคาของต้นไม้ไว้ได้ โดยสามารถหาได้ตาม website หรือ นิตยสารแต่งบ้านทั่วไป หรือแม้แต่ตามงานมหกรรมที่มักจะมีการจัดประกวดสวนในไอเดียต่างๆ ซึ่งเผยแพร่ทั่วไปแก่ผู้สนใจอีกด้วย