"วันตรุษจีน" ถือวันสำคัญมากของชาวจีน เนื่องจากวันขึ้นปีใหม่ตามปฏิทินจีน เปรียบได้เหมือนกับวันสงกรานต์ที่เป็นวันปีใหม่ไทย ดังนั้น ผู้ที่มีเชื้อสายจีนทั่วโลก จึงให้ความสำคัญกับเทศกาลนี้เป็นอย่างมาก ในเทศกาลตรุษจีน จะมีการเฉลิมฉลองในทั่วทุกมุมโลก เริ่มกันตั้แต่วันที่ 29-31 ม.ค. 2557โดยเฉพาะชุมชนขนาดใหญ่ของคนเชื้อสายจีน โดยจะมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละพื้น
ทุกๆ บ้านของคนจีน รวมไปถึงคนไทยเชื้อสายจีน คงได้เตรียมซื้อข้าวของเก็บไว้ตั้งแต่วันจ่าย ซึ่งตรงกับเมื่อวานนี้ (29 ม.ค. 57) ทั้งอาหารและของไหว้มากมาย เพื่อเตรียมให้พร้อมสำหรับวันไหว้ เพราะตรุษจีน บรรดาร้านค้าจะหยุดกันถ้วนหน้า เพื่อไปประกอบไหว้เทพเจ้าขอพรเช่นกัน อาหารไหว้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับชาวจีน เพราะอาหารทุกอย่าง ทั้งคาวหวาน ล้วนมีความหมายและเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งต่างๆ ชาวจีนทุกคนทั้งในไทยและทั่วโลก ต่างก็คงทราบกันดีอยู่แล้ว รวมทั้งคนไทยหลายคนที่นิยมไหว้เจ้าในแบบจีน
"ไทยรัฐออนไลน์" จึงอยากจะเผยแพร่วัฒนธรรมแบบชาวจีน ให้กับคนไทยอีกหลายคนที่อาจยังไม่ทราบถึงพิธีกรรมนี้
เริ่มกันที่การเลือกอาหารไหว้เจ้ากันก่อนเลย ชาวจีนมักจะพิถีพิถันในการเลือกสรรอาหารที่ดี และมีความหมายมงคล ทั้งอาหารคาวและหวาน หรือแม้กระทั่งผลไม้ก็ตาม ซึ่งอาหารที่ใช้ไหว้เจ้านั้น มักจะประกอบด้วย
- ไก่ ที่หมายถึง ความสง่างาม ยศ และความขยันขันแข็ง ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ต้องเป็นไก่เต็มตัว หมายถึง มีหัว ตัว ขา ปีก มีความหมายถึง ความสมบูรณ์
- เป็ด หมายถึง สิ่งบริสุทธิ์ ความสะอาด ความสามารถอันหลากหลาย - ปลา หมายถึง เหลือกินเหลือใช้ อุดมสมบูรณ์ - หมู หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้ - ปลาหมึก หมายถึง เหลือกิน เหลือใช้ (เหมือนปลา) - บะหมี่ยาว หรือหมี่ซั่ว หรือ ฉางโซ่วเมี่ยน ตามชื่อหมายถึง อายุยืนยาว - เม็ดบัว หมายถึง การมีบุตรชายจำนวนมาก
- ถั่วตัด หมายถึง แท่งเงิน - สาหร่ายทะเลสีดำ หมายถึง ความมั่งคั่งร่ำรวย - หน่อไม้ หมายถึง การอวยพรให้ร่ำรวยผาสุก - กล้วย หมายถึง กวักโชคลาภเข้ามา และขอให้มีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง - แอปเปิล หมายถึง ความสันติสุข สันติภาพ - สาลี่ หมายถึง โชคลาภมาถึง (ควรระวังไม่นิยมไหว้บรรพบุรุษและวิญญาณไร้ญาติ) - ส้มสีทอง หมายถึง ความสวัสดีมหามงคล - องุ่น หมายถึง ความเพิ่มพูน
แต่ก็มีข้อควรระวังอย่างหนึ่ง นั่นคือ คนจีบชอบทานเต้าหู้ขาว ก็จริง แต่จะไม่นำมาไหว้ตรุษจีน เนื่องจากสีขาวสำหรับชาวจีน เป็นสีแห่งความโศรกเศร้า จึงไม่นำมาไหว้ในเทศกาลเฉลิมฉลอง
มาดูกันที่บรรดาขนมหวานกันบ้าง โดยขนมหวานที่ชาวจีนนิยมนำมาไหว้ ได้แก่
- ขนมเข่ง คือ ความหวานชื่น ราบรื่นในชีวิต ขนมเข่งที่ใส่ในชะลอม หมายถึง ความหวานชื่นอันสมบูรณ์ - ขนมเทียน คือ เป็นขนมที่ปรับปรุงขึ้นจากชาวจีนโพ้นแผ่นดิน ดัดแปลงมาจากขนมท้องถิ่นของไทย จากขนมใส่ไส้ เปลี่ยนจากแป้งข้าวเจ้าผสมกะทิ มาเป็นแป้งข้าวเหนียวแทน มีความหมายหวานชื่น ราบรื่น รูปลักษณ์เป็นกรวยแหลม มีลักษณะเป็นมงคลเหมือนเจดีย์ - ขนมไข่ คือ ความเจริญเติบโต - ขนมถ้วยฟู คือ ความเพิ่มพูนรุ่งเรือง เฟื่องฟู - ขนมสาลี่ คือ รุ่งเรือง เฟื่องฟู - ซาลาเปา หรือ หมั่นโถว คือ ไหว้เพื่อให้เปาไช้ แปลว่าห่อโชค - จันอับ (จั๋งอั๊บ) หมายถึง ปิ่นโต หมายถึงความหวานที่เพิ่มพูน มีความสุขตลอดไป
ไม่เพียงแค่อาหารไหว้เท่านั้น การไหว้ตรุษจีนจะต้องมีอุปกรณ์ในการไหว้ดังต่อไปนี้ด้วย
- เทียนแดงก้านเป็นไม้ 1 คู่ - ข้าวสารใส่แก้ว - กิมฮวย(ก้านหางนกยูงที่ใช้ปักในกระถางธูป) - หงิ่งเตี๋ย - ตั่วกิม - กิมเต้าหงิ่งเต้า, เสื้อเทพเจ้า, เทียงเถ่าจี้, เทียบเชิญ - สาคูแดงต้มสุก 3-5 ถ้วย - ของไหว้เจ เห็ดหอม ดอกไม้จีน - น้ำตาลกรวด - ผลไม้ 3-5 อย่าง
เมื่อเตรียมของไหว้ทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็มาถึงพิธีไหว้ ในวันไหว้ ซึ่งในปี 2557 นี้ วันไหว้ตรุษจีนจะตรงกับวันนี้ คือ 30 ม.ค.
โดยพิธีการไหว้ตรุษจีนนั้นจะมีการไหว้ 3-4 ชุด เริ่มจาก ไหว้เจ้าที่ ในช่วงเช้าด้วย ชุดซาแซ คือ หมู เป็ด ไก่ ที่อาจเปลี่ยนเป็นไข่ย้อมสีแดงได้ และขนมเช่น ขนมเทียน ขนมถ้วยฟู หรือขนมอื่นๆ เลือกใช้สองถึงสามชนิด ผลไม้ไหว้มีส้ม สีทอง องุ่น แอปเปิ้ล พร้อมกับกระดาษเงินและกระดาษทอง
จากนั้นในช่วงสาย ต่อด้วยการไหว้บรรพบุรุษ ซึ่งเครื่องไหว้จะประกอบด้วย ชุดซาแซ อาหารคาวหวาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเลือกอาหารตามที่บรรพบุรุษชอบ อย่างมากจะมีประมาน 10 อย่าง โดยที่นิยมให้มี น้ำแกง เพื่ออวยพรให้ชีวิตราบรื่น ส่วนกับข้าวและขนมหวานต่างๆ ก็จะเลือกที่มีความหมายมงคล
ทั้งนี้หลังจากการไหว้บรรพบุรษ ก็จะไหว้ผีไม่มีญาติในช่วงเที่ยงหรือบ่าย
และเมื่อเป็นช่วงกลางดึกของคืนวันสิ้นปี ก่อนจะย่างเข้าตรุษจีน ซึ่งตรงกับวันที่ 31 ม.ค. นั่นเอง จะมีการไหว้ "ไฉ่ซิงเอี๊ย" หรือ "เทพเจ้าแห่งโชคลาภ" โดยให้หันโต๊ะไหว้ไปทางทิศตะวันตก ชาวจีนจะเตรียมจัดของไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภอย่างพิถีพิถัน เพราะในช่วงเวลาที่กำลังจะเข้าวันตรุษจีน โลกกำลังหมุนไปทางทิศนี้ แล้วเมื่อย่างเข้าวันปีใหม่จีน หรือวันตรุษจีน ก็ยังนิยมไปไหว้ขอพรและอวยพรจากญาติผู้ใหญ่ โดยจะนำส้มสีทองจำนวน 4 ใบ ไปมอบให้ด้วย เสมือนนำโชคดีไปให้ เพราะเสียงไปพ้องกับคำว่า ทอง ในภาษาจีนแต้จิ๋ว โดยวิธีการไหว้วันตรุษจีน เมื่อได้เวลาที่กำหนดให้จุดธูปสามดอก เพื่อสักการะเทพเจ้า เมื่อไหว้ได้สักพัก ให้รอให้เทียนหมดสักครึ่งเล่ม แล้วจึงนำหงิ่งเตี๋ย และตั่วกิม และอุปกรณ์กระดาษไปเผา เมื่อธูปหมดดอก จึงลาของได้
อีกหนึ่งอย่าง ที่ชาวจีนมีความเชื่อเป็นอย่างมาก นั่นคือ ทิศและฤกษ์ยาม ที่ชาวจีนให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยจะต้องคำนึงว่า ท่านที่ ไหว้วันชิวอิก เวลาไหว้ คือ ตีห้าครึ่งถึงหกโมงครึ่ง โดยมีข้อยกเว้นดังนี้ - หลังบ้านท่านต้องไม่เป็นทิศตะวันตก (270 องศา) หรือทิศเหนือ (0 องศา) - ท่านที่เกิดปีวอกไม่ควรไหว้ฤกษ์นี้ โดยหันโต๊ะไปทางทิศใต้ตรง 180 องศา
หากมีปัญหามาจากข้อหนึ่ง หรือไม่แน่ใจ ให้ใช้เวลาเก้าโมงครึ่งถึงสิบโมงครึ่ง แต่ควรหันโต๊ะไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้หรือทิศ 120 องศา
เมื่อข้ามมาถึงวันปีใหม่ของจีน หรือวันตรุษจีน ก็คือ "วันเที่ยว" สำหรับชาวจีนก็ซึ่งวันเที่ยวตรุษจีน 2557 คือ วันศุกร์ที่ 31 ม.ค. นั่นเอง และยังเป็น "วันถือ" อีกด้วย โดยในวันนี้ชาวจีนจะแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยเสื้อผ้าที่สวยงาม พากันออกไปท่องเที่ยวทั้งครอบครัว และไปไหว้ขอพรญาติผู้ใหญ่ หรือผู้ที่เคารพรัก ชาวจีนจะถือว่า วันนี้เป็นวันแห่งสิริมงคล และงดทำบาปทั้งปวง
อย่างไรก็ตาม ตรุษจีนปี 2557 นี้ "ไทยรัฐออนไลน์" ขอให้ชาวจีนทั่วโลก รวมถึงคนไทยทุกคน มีแต่ความร่มเย็น สงบสุข ไม่มีโรคภัย ร่ำรวยเงินทองและรอยยิ้ม
"ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ " เฮง เฮง เฮง ตลอดๆ ปีม้า...
ขอบคุณที่มาจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ