เดี๋ยวนี้บรรดาสิ่งรอบตัวล้วนดูไม่แข็งแรงแน่นอนกันไปหมด ไม่ว่าจะปลากระป๋องต้องคืน หรืออากาศที่หนาวไม่ลืมหูลืมตาไม่น่าเกิดขึ้น เลยทำให้บรรดาผู้คนน้อยใหญ่ป่วยไข้หายใจฟืดฟาดมีแต่เสียงน้ำมูกดังประสานโดยทั่วกัน และเมื่อแน่นมากทนไม่ไหวไปหาคุณหมอบางท่านก็บอกว่าเป็นไข้หวัดธรรมดาบ้างหรือเป็นภูมิแพ้บ้าง
อย่างหลังพบบ่อยที่สุดเวลาที่เป็นหวัดประเภท “ดื้อด้าน” รักษาเท่าไรไม่หายสักที บางครั้งอาการแน่นจมูกมีน้ำมูกที่ดูเป็นเรื่องธรรมดาอาจนำพาโรคร้ายมาหาอย่างที่เราคาดไม่ถึงก็เป็นได้ โดยเฉพาะโรคภูมิคุ้มกันไวเกินหรือที่เรียกขานกันทั่วไปว่า “ภูมิแพ้”
โรคภูมิแพ้ถูกจัดอยู่ใน “ถังขยะ”ของแพทย์มานานนม แถมเป็น “ถังขยะใบใหญ่” เสียด้วย เป็นต้นว่าถ้ามีน้ำมูกใสไหลตอนเช้าก็มักถูกพิพากษาว่าน่าจะแพ้ หรือแค่ไอค็อกแค็กคันคอรอชวนป๋วยไม่ไหวก็ว่าน่าจะภูมิแพ้ลงคอ เรื่อยไปจนถึงคันจมูกคันตายุบยิบแน่นจมูกขี้มูกไหลไม่หายก็ว่าเป็นภูมิแพ้
ไม่ใช่แค่เพียงระบบหายใจเท่านั้น หากแต่ลามไปถึงผิวหนังทั้งกายด้วยว่าถ้าหากมีผื่นคันขึ้นมาหาสาเหตุไม่ได้ก็โทษผู้ร้ายที่พูดไม่ได้ชื่อว่า “ภูมิแพ้” เอาไว้ก่อน นี่จึงเป็นเหตุให้ผมขออนุญาตเลือกเรื่องนี้เข้ามาคุยกันวันนี้ครับ
เรื่องมันมีอยู่ว่า ...
หนุ่มน้อยรายหนึ่งมาหาด้วยสีหน้าวิตกกังวล มาขอคำปรึกษาว่าเขาเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ ดูน่าทอดอาลัยไร้หวัง พอฟังไปฟังมาเขาถึงเฉลยว่าเป็นภูมิแพ้เพราะมีอาการแน่นจมูกถึงขนาดนอนไม่ได้ สูดหายใจไม่ได้กลิ่น มีอาการไอค็อกแค็กไม่หายเสียทีมานานวัน เปิดอินเตอร์เน็ทหาข้อมูลดูก็ล้วนแต่บอกว่ารักษาไม่หายทั้งนั้น ยิ่งอ่านยิ่งท้อใจ
นี่คือตัวอย่างของอิทธิพลจากสื่อรอบกายที่บางทีก็ฉาบฉวยบางทีไม่ได้ช่วยแต่ยิ่ง “ซ้ำ” ให้ทุกข์หนักเข้าไปอีก ที่จริงแล้วอาการที่หนุ่มน้อยประสบอยู่มันก็เข้าได้กับ “ภูมิแพ้” จริง แต่ยิ่งทำตัวเป็นลิงถือลูกท้อก็เหมือนเหยียบย่ำกายให้ยิ่งแพ้จมดินหนักตั้งแต่ต้น เพราะที่จริงแล้วยังมีโรคอีกมากที่มีอาการคล้ายภูมิแพ้ขึ้นจมูกแต่ไม่ใช่เสียทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ...
1) เยื่อบุโพรงจมูกอักเสบจากเชื้อหวัดธรรมดา
2) ริดสีดวงจมูก ลักษณะเป็นก้อนเนื้องอกใสคล้ายเนื้อลำไย
3) โพรงไซนัสอักเสบเฉียบพลัน
4) มะเร็งหลังโพรงจมูก
ยังมีอีกมากมายครับ จะเห็นว่าโอกาสเป็นได้ตั้งแต่โรคจิ๊บๆ อย่างหวัดธรรมดาไปจนถึงโรค “ขั้นเทพ” อย่างมะเร็งเลยทีเดียวซึ่งจะมีอาการคัดจมูกชอบสั่งน้ำมูกแต่สั่งเท่าไรก็ไม่ออกเสียทีเพราะมันคือก้อนมะเร็งที่คัดอยู่ข้างในต่อให้สั่งจนขนจมูกร่วงก็ไม่มีน้ำมูกออกมาให้ยล
สำหรับหนุ่มน้อยรายนี้พอจับมาส่องโพรงจมูกดูก็ปรากฏว่าที่จริงแล้วเขาเป็นก้อนริดสีดวงจมูกหนึ่งยวงเลยทำให้แน่นจมูก และ “จมูกบอด” อดได้กลิ่นอาหารพาลกินไม่อร่อย พอรู้ตัวผู้ร้ายอย่างนี้แล้วคนไข้ก็มีกำลังใจขึ้นเยอะเหมือนความลับถูกคลี่คลายหมอดูทายแม่นก็มีกำลังใจขึ้นมาอีกครั้ง เลยแนะนำให้ไปออกกำลังกายโดยการวิ่งอย่างน้อยวันละ 30 นาที ถี่สักสี่ครั้งต่อสัปดาห์
มีข้อแม้อย่างประการเดียว คืออย่าไปว่ายน้ำเพราะจะยิ่งทำให้แน่นจมูกเหมือนถูกผูกอีก และนอกจากนั้นก็ขอให้เลี่ยงการใช้ยาพ่นนานาพันธุ์สรรหาเข้าสู่รูจมูกเพราะส่วนใหญ่เป็น “สเตียรอยด์” ซึ่งจะคอยไปเป็นปุ๋ยเร่งให้ก้อนริดสีดวงงามขึ้นจนส่งเข้าประกวดได้ แล้วก็แถมด้วยแนะนำว่าให้หาวิตามินซีมากินสักวันละพันถึงสองพันมิลลิกรัม และถ้าขี้เกียจกินก็ใช้เป็นกินฝรั่งกลมสาลี่สักวันละครึ่งกิโลก็ได้ไม่ยากเย็น
ที่สำคัญคือต้องให้ไปหาหมอหูคอจมูกให้ท่านค่อยๆทำคลอดเอาเจ้าก้อนเนื้อลำไยในจมูกออกเสีย โดยสรุปการรักษาอาการที่สงสัยไม่แน่ใจว่าจะเป็นภูมิแพ้ด้วยตัวท่านเองแบบไม่ต้องกลัวเสี่ยงจากผลข้างเคียงนั้นก็มี
1) ออกกำลังกายให้ได้วันละ 30 นาทีอย่างน้อย 4 ครั้งต่ออาทิตย์
2) เลี่ยงใช้สเตียรอยด์พ่นจมูกบ่อยจนเกินจำเป็น เพราะตอนแรกมักจะดีแต่ต่อไปอาจแย่หนักเรียกว่าโยโย่กลับมาแน่นทรมานกว่าเดิม
3) เติมวิตามินซีสักวันละหนึ่งถึงสองเม็ดใหญ่ ไม่งั้นก็กินผักเขียวอย่างบร็อคโคลีและฝรั่งให้มากขึ้น และควรกินทุกวัน
4) อย่าหาเรื่องไปว่ายน้ำหรือเล่นน้ำเย็นจัดนานๆ เพราะจะพาลทำให้แน่นขึ้นหรือหนักหน่อยก็กลายเป็นโพรงหนองในไซนัสกำจัดยากเป็นที่สุด
อุทหรณ์เรือ่งนี้สอนให้รู้ว่า อย่าเพิ่งเชื่อทางอินเตอร์เน็ทเสียทีเดียว แล้วท่านก็จะรู้ว่ายังมีโรคอีกมากที่คล้ายกันกับโรคที่เรามักคิดไกลไปถึงก่อนแล้วก็ตีขลุมไปว่าน่าจะเข้าขั้นตรีทูตหมดกำลังใจไปรักษา อย่างหนุ่มแน่นจมูกรายนี้ต่อมาก็หายดีไม่มีแน่นจมูกอีกแถมเรื่องภูมิแพ้ยังไม่ต้องพูดถึง เพราะแค่หวัดยังไม่ค่อยเป็นเลย
เห็นไหมครับจากเดิมที่เคยหมดหวังนั่งทุกข์ว่าเป็นโรคที่รักษาไม่หายอย่างภูมิแพ้และโทษชะตาชีวิตว่ามาเกิดกับเรา พอเอาเข้าจริงแล้วไม่ได้เลวร้ายอย่างนั้น ขอเพียงให้เรามีกำลังใจและดูให้แน่ว่าไม่ได้เผลอไปตัดสินชีวิตคิดสั้นปิดกั้นความหวังฝังตัวเองลงสู่ “ถังขยะใบใหญ่แห่งวงการสุขภาพ” เข้า ก็เท่านั้นเองครับ
|