Advertisement
พระบวชใหม่รูปหนึ่งเดินบิณฑบาตผ่านชุมชนแห่งหนึ่ง
ซึ่งมีผู้คนจอแจ ขณะเดินสำรวมก้มหน้าแต่พอประมาณเพื่อเดินผ่าน
ชุมชนไปอย่างช้าๆ นั่นเอง จู่ๆ มีชายผู้หนึ่งใส่สูท ผูกเนคไท
สวมแว่นตาดำ เดินเข้ามาหาท่าน
พร้อมชี้หน้าด่าท่านอย่างสาดเสียเทเสีย
พระรูปนั้นตกตะลึง รีบเดินหนี แต่แม้ท่านจะเดินหนีชายคนนั้นพ้นแล้ว
แต่เสียงด่าทอของเขายังก้องอยู่ในโสตประสาทของท่าน
อย่างชัดถ้อยชัดคำ เมื่อกลับมาถึงวัด พลันที่คิดถึงเหตุการณ์ที่ตน
ถูกชี้หน้าด่ากลางฝูงชน พระหนุ่มก็รู้สึกโกรธจนหน้าแดงก่ำ
ยิ่งคิดต่อไปว่าชายคนนั้นมาชี้หน้าด่าตนซึ่งเป็นพระ
และตนก็จำได้ว่าตั้งแต่บวชเข้ามาในพระธรรมวินัย
ก็ยังไม่เคยทำอะไรผิด คิดมาถึงขั้นว่าตนไม่ผิด แต่ทำไมตน
ต้องถูกด่า ยิ่งเจ็บ ยิ่งแค้น วันที่ท่านถูกด่ากลางชุมชนนั้นเป็นวันศุกร์
แต่ตกถึงเช้าวันจันทร์ท่านก็ยังไม่หายโกรธ
เช้าวันจันทร์นั้น พระบวชใหม่ประคองบาตรเดินผ่านชุมชนนั้นเหมือนเดิม
ท่านพยายามสอดส่ายสายตามองหาชายคนเดิม ตั้งใจว่าวันนี้
จะต้องถามให้รู้เรื่องว่าเหตุใดจึงมาชี้หน้าด่าตนเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว
ยิ่งพยายามค้นหา กลับยิ่งไม่พบ ท่านจึงเดินสำรวจ
รับอาหารบิณฑบาตต่อไป จนได้อาหารเต็มบาตรแล้วจึงเดินกลับวัด
ระหว่างทางกลับวัด โดยไม่คาดฝัน พระหนุ่มทอดสายตาไปพบกับ
ชายคนหนึ่ง สวมสูท ผูกเนคไท ใส่แว่นตาดำ ท่านอุทานในใจว่า
'อ๋อ เจ้าคนนี้เองที่ด่าฉันเมื่อวันศุกร์ ' ที่เห็นคือ ชายแต่งตัวดีคนนั้น
นอนหลับหมดสติอยู่ข้างศาลเจ้าแม่แห่งหนึ่ง ข้างๆ ตัวเขามีขวดเหล้า
ล้มกลิ้งอยู่ พอท่านพยายามเดินเข้าไปมองใกล้ๆ เขาจึงเริ่ม
รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา พอเห็นท่านเท้านั้นชายคนนั้นก็ร้องขึ้นมาว่า
'ขอเดชะ พระอาญาไม่พ้นเกล้าฯ บัดนี้พระองค์ทรงกลับมา
ครองพาราณสีอีกครั้งหนึ่งแล้วกระนั้นหรือ …' ว่าแล้วก็ลุกขึ้นรำเฉิบๆ
พลันที่ท่านประเมินได้ว่าชายแต่งตัวดี คนที่ชี้หน้าด่าท่าน
เมื่อวันศุกร์ที่แล้วเป็นคนบ้าที่มาในร่างของคนแต่งตัวดีเท่านั้น
ความโกรธที่ก่อตัวเป็นเมฆดำทะมึนอยู่ในใจของท่านมา
นานถึงสามวันก็อันตรธานไปอย่างง่ายดายชนิดไร้ร่องรอย
ทำไมเราจึงปล่อยวางต่อคนบ้าได้ง่ายดายเหลือเกิน
แต่กับคนปกติ ทำไมเราจึงมีความรู้สึกว่าต้องเอาเรื่องราวให้ถึงที่สุด
เราบ้าหรือเปล่า?
ที่สุดของการถือสา เคยมีคนกราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า
ถ้าหากจะย่อหลักธรรมของพระองค์ให้เหลือเพียงสั้น ๆ
ทว่าครอบคลุมใจความทั้งหมดแห่งพระพุทธศาสนา
จะสรุปได้ว่าอะไร พระองค์ตรัสว่า หากจะให้สรุปเช่นนั้น ก็ขอสรุปว่า
ใจความแห่งคำสอนของพระองค์ขึ้นอยู่กับประโยคที่ว่า
' สัพเพ ธัมมานาลัง อะภินิเวสายะ
ใดใดในโลกอันบุคคลไม่ควรยึดติดถือมั่น '
ทำไมจึงไม่ควรยึดติดถือมั่น
เพราะที่ใดมีความถือมั่น ที่นั่นก็มีความทุกข์
ความทุกข์ขยายตัวตามระดับความเข้มข้นของความยึดติด
ยึดมาก ติดมาก จึงทุกข์มาก ไม่ยึด ไม่ติด จึงไม่ทุกข์
ความไม่ยึดติดถือมั่น กล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า ' การปล่อยวาง '
ทำไมจึงต้องปล่อยวาง เพราะทุกอย่าง ' มีความว่าง ' มาแต่เดิม
คนที่หลงกอด ' ความว่าง ' โดยคิดว่าเป็น ' ความมี '
ทำไมจะไม่ทุกข์ล่ะ
หลายคนชอบกอดไว้หมดทุกเรื่อง ทุกปัญหา ทุกคน
แล้วยกขึ้นไปแบกไว้บนบ่า จากนั้นก็มานั่งเป็นทุกข์ว่า
ทำไมชีวิตถึงได้เหนื่อยล้าขนาดนี้ หมดเรี่ยวหมดแรง
เหมือนโลกทั้งโลกกำลังกดทับ ก็เล่นถือเอาทุกเรื่อง
เป็นเรื่องของตัวหมดเลยนี่
ถ้าไม่แบกเอาไว้ก็คงไม่หนัก ถ้าไม่ถือเอาไว้ก็คงไม่เหนื่อย
แต่ก็นั่นแหล่ะ บางคน ' วาง ' ไม่เป็น มีจิตฟุ้งซ่าน
ต้องการจะเป็นธุระไปเสียทั้งหมด ก็ต้องแลกเอากับ
ผลลัพธ์ที่ทำให้ ทุกข์
ขอกราบอนุโมทนาบุญ
วัดถ้ำเมืองนะ....
วันที่ 9 มี.ค. 2552
ขายดีมากครับคุณครู (พร้อมส่ง) เครื่องเคลือบบัตรA4 รุ่นSL200 เครื่องเคลือบกระดาษA4 A3 A5 ABSป้องกันการ์ด ในราคา ฿368 - ฿999 ที่ Shopeehttps://s.shopee.co.th/4VLvxbi7ho?share_channel_code=6
Advertisement
เปิดอ่าน 7,160 ครั้ง เปิดอ่าน 7,158 ครั้ง เปิดอ่าน 7,159 ครั้ง เปิดอ่าน 7,179 ครั้ง เปิดอ่าน 7,168 ครั้ง เปิดอ่าน 7,164 ครั้ง เปิดอ่าน 7,166 ครั้ง เปิดอ่าน 7,177 ครั้ง เปิดอ่าน 7,169 ครั้ง เปิดอ่าน 7,159 ครั้ง เปิดอ่าน 7,281 ครั้ง เปิดอ่าน 7,172 ครั้ง เปิดอ่าน 7,166 ครั้ง เปิดอ่าน 7,160 ครั้ง เปิดอ่าน 7,157 ครั้ง เปิดอ่าน 7,188 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,171 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,163 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,212 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,177 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,173 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,172 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,166 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 13,029 ครั้ง |
เปิดอ่าน 40,462 ครั้ง |
เปิดอ่าน 507,770 ครั้ง |
เปิดอ่าน 16,790 ครั้ง |
เปิดอ่าน 14,487 ครั้ง |
|
|