ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ความจริงที่ทุกคนมักมองข้ามเรื่องจริงกันหมดทั้งนี้ก็เพราะความไม่กล้ายอมรับควมจริงที่เกิดขึ้นจริงนั้นเอง สาเหตุเพราะความกล้าหาญมีไม่เพียงพอส่วนเรื่องของความฉลาดน้อยหรือไม่รู้หรือรู้ไม่ทันของคนส่วนใหญ่ในสังคมโลกที่ไม่มีใครกล้าเปิดเผยต่อสาธารณะชน
-1)แปลกแต่จริงมนุษย์เราส่วนใหญ่โดยเดิมทีเดียวมักจะโง่หรือไม่รู้มาก่อนแทบทั้งสิ้นแต่ส่วนใหญ่มักจะโง่กันมากหรือโง่น้อยล้วนแล้วแต่ว่าใครจะอยู่ในสังคมแบบไหนโดยเฉพาะเรื่องของการแยกแยะ (หรือการจัดหมวดหมู่นั้นเอง) ซึ่งผมจะกล่าวถึงดังต่อไปนิ้ ใครก็แล้วแต่ที่คนส่วนใหญ่มักจะไม่พูดถึงบริบทคำนี้ที่ทุกคนมองข้ามไปซึ่งมันมีความสำคัญมากต่อการดำรงชีพของคนเรา
และเท่าที่ทราบยังไม่มีใครพูดถึงและนำมาสอนหรือถ่ายทอดให้คนในสังคมได้รับทราบกันและเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ของเราอย่างเป็นรูปธรรม การแยกแยะนั้นมันแยกได้หลายแบบ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะไม่เข้าใจถึงความหมายของมันและไม่สามารถนำไปใช้หรือนำไปประยุกต์ให้เข้ากับตัวเองโดยการพัฒนาประสิทธิ์ภาพของคนเหล่านั้น ดังนั้นคุณภาพชีวิตก็จะถูกกำหนดโดยการแยกแยะนี้เอง โดยส่วนใหญ่คนเรานั้นมักมีปัญหาและสาเหตุของปัญหาส่วนหนึ่งมาจากระบบการแยกแยะบกพร่องหรือรู้แต่ก็ไม่สนใจหรือไม่มีความรู้เลยในเรื่องของการพัฒนาระบบการแยกแยะ บางคนก็แยกแยะเป็นและบางคนก็แยกแยะไม่เป็นทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับปัญญาของคนๆนั้นและนี้คือ1ใน3ของที่มาของปัญญานั้นเอง
การจำกัดของคำว่าแยกแยะจริงๆแล้วมันลึกซึ้งกว่านั้นเยอะ ทั้งนี้มันก็ขึ้นอยู่กับการใช้ของคนๆนั้นว่าสามารถเข้าใจได้ดีกว่ากันแค่ไหนหรือเปรียบเทียบกันไม่เป็น ความโง่ขอบอกก่อนจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของเงิน เพราะฉะนั้นจะตัดประเด็นเรื่องเงินออกไป ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดบุคคลนั้นจะดำรงตำแหน่งใดก็ตามมีสิทธ์โง่ทั้งนั้น ตัวอย่างเช่น การสูบบุหรี่ รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ดีหรือสูบแล้วจะเป็นมะเร็ง มีให้เห็นตั้งแต่รัฐมนตรียึนไปถึงพระคุณเจ้าฯลฯ ก็ยังมีคนโง่สูบมัน O.k. จะอ้างอย่างไรก็ได้ เช่น เท่ห์ เข้าสังคมได้ ฯลฯ ถ้าจะเปรียบเทียบของคนส่วนใหญ่มักจะเจริญรอยตามคนโง่ อาจจะเพียงแค่มองว่าคนโง่คนนั้น มันมีเงินมีอำนาจหรือเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงในสังคมเช่นดารา นักร้องหรือแม้แต่พระดังๆขนาดตัวพระเองยังโง่เลยแล้วจะไปสอนคนทั่วไปได้อย่างไร?ซึ่งคนเหล่านี้แยกแยะไม่เป็นและไม่เป็นตัวของตัวเองคอยโง่ตามกันและสืบกันเป็นวัฒนธรรมและประเพณีที่สืบต่อๆกันมามันจึงเป็นปํญาหาและมีแต่เรื่องกันอยู่เรื่อยๆ ยิ่งคนโง่มีเงินมีอำนาจขึ้นครองแล้ว ประเทศนั้นหรือครอบครัวนั้นหรือคนยุคนั้นก็จะลำบาก
(มันเป็นสัจจธรรมซึ่งมีให้เห็นมากมายในอดีตตามประวัติศาสตร์)
มันเพียงเพราะเขามีจังหวะและโอกาสที่ดีกว่าเข้ามาในชีวิตก็แค่นั้นอง ซึ่งไม่แปลกใครๆก็มีโอกาสนี้ได้เหมือนกันหมดทุกคนอยู่ที่ว่าใครสามารถเข้ามาช่วงชิงก่อนหรือสร้างฐานเม็ดเงินก่อนเท่านั้นเองและแต้มต่อที่ต่างกันหรือความพร้อมคนนั้นๆว่าพร้อมมากแค่ไหนก็แค่นั้นเองจริงๆไม่มีอะไรเลยที่แสดงถึงการใช้ความสามารถเป็นพิเศษหรือบ่งบอกถึงมีความสามารถพิเศษในเรื่องนั้นๆ ถ้าเป็นเช่นนี้ไม่ว่าคุณหรือใครๆก็ทำได้ ทุกคนมีสิทธิจะรวยได้หรือรู้จักหาวิธีหรือหาจังหวะที่ดีของชีวิตแต่ก็มีน้อยคนที่รู้ทันมัน ปล่อยให้โอกาสดีๆผ่านไปอย่างน่าเสียดายแล้วก็มาโทษชะตา บุญน้อย ฯลฯ สารพัด การไปทำบุญของชาวพุทธหรือไม่พุทธส่วนใหญ่สิ่งที่ได้ก็คือ ความสบายใจเท่านั้นเอง
แต่ก็ไม่มีอะไรเสียยกเว้นแต่เสียเวลา และหลงประเด็นคิดว่าทำถูกต้องแล้วและหวังว่าน่าจะเป็นอย่างนี้และอย่างโน้น(น่าจะนะ บอกได้เลยทุกอย่างที่หวังนั้นสิ่งที่แน่นอนนั้นคือไม่มีอะไรที่แน่นอนเลย จริงๆ บางทีสิ่งที่ทำลงไปอาจจะสูญเปล่าหรืออาจจะแย่ไปกว่าที่คิดไว้ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ขอโทษใช้สมองส่วนไหนคิดออกมาว่าสิ่งที่พูดมันจะเกิดขึ้นจริงๆได้หรือและพิสูจน์กันมาแล้วหรืออย่างไร ถ้ามีจริงทำไมไม่ทำเสียตั้งแต่ตอนนี้เล่า ไม่ต้องไปคอยรอชาติหน้าหรอก สิ่งที่แน่ๆก็คือทำดีตอนนี้แล้วจะได้เห็นกันชาตินี้ โดยไม่ต้องไปรอแล้วยุคนี้เป็นยุค hi speed communication กันหมดแล้ว คนโง่มักจะเชื่อคนง่าย ยิ่งมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้วหรือเป็นผู้รับผลประโยชน์ด้วยแล้วยิ่งเชื่อสนิทใจเลยแล้วยังคอยช่วยแพร่กระจายความโง่ให้ดนอื่นต่อๆไปเป็นขบวนการ
ในโลกทุกวันนี้คนส่วนใหญ่กำลังหลงประเด็นหรือหลงทางกันอยู่อีกมากใช้ชีวิตผิดๆ เข้าใจผิดๆ ทั้งนี้เพราะไม่เคยยอมรับความเป็นจริงสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเองและหลายต่อหลายคนไม่ยอมเรียนรู้หรือไม่อยากรู้หรือขี้เกียจรู้นั้นเองอะไรที่ว่ามาข้าก็ว่าตามกัน ยิ่งคนส่วนใหญ่ที่โง่และเชื่อว่าสิ่งนั้นที่บรรพบุรุษทำกันมานั้นถูกต้องแล้ว มันก็ยากที่จะลบล้างความเชื่อได้ โดยคนหมู่น้อยไม่กล้าที่จะไปโต้แย้งบอกกล่าวถึงเหตุผลและเท่าที่ดูก็ยังไม่มีใครที่มีความกล้าพอที่จะมาสร้างมุมมองใหม่หรือทางเลือกใหม่ หรือแนวคิดใหม่ๆออกมาเพื่อเป็นทางออกสำหรับคนบางคนที่มีแนวคิดสร้างสรรคิดนอกกรอบเป็นหรือกล้าพอที่จะคิดหักมุมและสร้างมุมมองให้มากกว่า2-3หรือ4มิติไปเลยหรือมีความคิดสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามแต่แปลกใหม่และเป็นคนชอบท้าทายความคิดตัวเองอยู่เสมอๆ
การเกิดมาของคนเรานั้น จะต้องเรียนรู้และเปรียบเทียบและวิเคราะห์และประเมินสิ่งที่เรียนรู้มา การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด ถ้าหยุดการเรียนรู้ก็คือชีวิตเริ่มจะนับถอยหลังรอวันที่จะตายจากไป การเรียนรู้จะต้องรู้จักแยกแยะเป็น ฉลาดแยกแยะ และเข้าใจแยกแยะ ถ้าแยกแยะไม่เป็น การเรียนรู้นั้นเหมือนกับการทำอาหารไม่สุกหรือไม่อร่อยนั้นเอง ยิ่งวิเคราะห์เก่ง ประเมินได้เยี่ยม เปอร์เซ็นต์ถูกมีมาก อาหารจานนั้นก็จะอร่อยมาก บางครั้งการเรียนรู้นั้น บางทีก็เรียนหรือรู้มาผิดๆวิธีแก้ก็คือ 1) รู้จักคัดแยก (แยกแยะ) 2) รู้จักชั่งน้ำหนัก (ตรวจสอบ) 3) รู้จักเปรียบเทียบวิเคราะห์ (หาบทสรุป) ถ้ารู้จัก 3 ข้อดีอย่างลึกซึ้งแล้วปัญญาเกิดขึ้นทันที นี่เป็นที่มาขุมทรัพย์ของปัญญา ซึ่งไม่ต้องหาที่ไหนในโลกนี้เดียวมันก็มาเอง เพราะคุณมี filter 3ชั้นกรองอยู่ ถ้าได้ลองผ่านมาได้แล้ว บอกได้เลยมันไม่ธรรมดาแน่นอน ผลลัพธ์ออกมาก็คือ คุณก็จะฉลาดขึ้นและหายโง่ในท้ายที่สุด.
แนวคิดที่ไม่ต่อต้าน ทฤษฎีที่หลากหลาย การสมมุติที่กำหนดเองได้ ขาดการพัฒนาเชิงระบบของความคิดที่ถูกต้อง การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของการยอมรับของสังคมนั้นๆ การตีโจทย์ไม่แตกและปริศนาของความเป็นจริงที่เกิดขึ้นท่ามกลางการยอมรับการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวให้สอดคล้องกับเหตุการณ์นั้นที่เกิดขึ้น รู้จักคิดต่างมุม ไม่ยึดติดกับอะไร ปรับตัวได้ทุกสถานการณ์ รู้จักตั้งข้อสังเกตุและตั้งข้อสงสัยและหาคำตอบของคำถาม สร้างมุมมองใหม่ รู้จักมองต่างมุมที่มากกว่า2หรือ3มุม.......