ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ผลการประชุมผู้บริหารองค์กรหลัก ศธ. 21 ตุลาคม 2556


ข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ 22 ต.ค. 2556 เวลา 08:41 น. เปิดอ่าน : 7,884 ครั้ง
Advertisement

ผลการประชุมผู้บริหารองค์กรหลัก ศธ. 21 ตุลาคม 2556

Advertisement

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และผู้บริหารฝ่ายการเมือง ประชุมกับผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2556 ระหว่างเวลา 8.30-12.30 น. ณ ห้องประชุมจันทรเกษม โดยได้หารือถึงแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงศึกษาธิการสู่การปฏิบัติ ในประเด็นสำคัญต่างๆ ดังนี้


• การเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีวศึกษา


นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ให้สัมภาษณ์ในประเด็นนี้ โดยกล่าวว่าสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้รายงานข้อมูลการเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีวศึกษาตามนโยบายของ ศธ.ว่า ในปัจจุบันสัดสวนผู้เรียนต่อสายสามัญเป็น 36:64 แต่ในปีการศึกษา 2557 ได้วางแผนจะเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีวศึกษาต่อสายสามัญเป็น 45:55 และในปีการศึกษา 2558 จะเพิ่มขึ้นสัดส่วนเป็นผู้เรียนสายอาชีวศึกษาต่อสายสามัญเป็น 51:49

โดยในปีการศึกษานี้ จะมีผู้สำเร็จการศึกษาชั้น ม.3 จำนวน 851,800 คน ดังนั้น สอศ.จึงได้กำหนดเป้าหมายในการรับผู้เรียน ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เพื่อให้ผู้เรียนสายอาชีพเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 จากร้อยละ 36 เป็นร้อยละ 45 หรือจำนวน 383,310 คน ในจำนวนนี้จะเป็นสถานศึกษาอาชีวะของรัฐร้อยละ 63 และอาชีวะเอกชนร้อยละ 37 ในขณะที่ผู้เรียนสายสามัญจะลดสัดส่วนลงเหลือร้อยละ 55 หรือจำนวน 468,490 คน

ดังนั้น สอศ.ได้ขอความร่วมมือให้ สพฐ.ปรับแผนการรับนักเรียน เพื่อส่งเสริมการเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีวศึกษา ดังนี้

- ขอให้ทุกสถานศึกษาสังกัด สพฐ.ออกใบแสดงผลการเรียนให้นักเรียน ก่อนวันที่ 16 พฤษภาคม 2556
- การรับนักเรียนชั้น ม.4 จำนวนนักเรียนไม่ควรเกิน 40 คนต่อห้อง หากจำเป็นก็ควรไม่เกิน 45 คนต่อห้อง และที่สำคัญคือไม่ควรเพิ่มจำนวนห้องเรียน ซึ่ง รมว.ศธ.ได้มอบหมายให้ สพฐ.สำรวจจำนวนนักเรียนจริงต่อห้องในโรงเรียนทั่วประเทศ
- เปิดโอกาสให้ผู้แทนจากสถานศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน เข้าไปแนะแนวอาชีพ และวัดแววความถนัดนักเรียนในโรงเรียน สพฐ. พร้อมทั้งให้เข้าร่วมการประชุมผู้ปกครองของโรงเรียน เพื่อเสนอแนวทางการเรียนต่อสายอาชีวะ (Road Show) ด้วย
- ขอให้มีการสำรวจความสนใจในการเรียนต่อของนักเรียนชั้น ม.3 เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการแนะแนว

นายกมล รอดคล้าย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า สพฐ.มีความยินดีที่จะพิจารณาจำนวนนักเรียนต่อห้องเรียนในชั้น ม.4 ตามข้อเสนอ โดยคาดว่าเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จะได้ประชุมหารือเพื่อปรับระเบียบการรับนักเรียนต่อไป ทั้งนี้ สพฐ.ได้เสนอแนวทางการส่งเสริมการเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีวะว่า จะจัดประชุมครูแนะแนวเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการเรียนสายอาชีวะ รวมทั้งเสนอแนะให้ สอศ.จัด Open House เพื่อให้นักเรียนได้ทดลองเรียนหรือศึกษาดูงานในสถานศึกษาอาชีวศึกษาทั้งรัฐและเอกชน ตลอดกระบวนการตั้งแต่เรียนจนถึงทำงาน ได้แก่ การเรียน เรียนวิชาอะไร อย่างไร บรรยากาศในการเรียน เมื่อจบแล้วมีงานทำหรือไม่ มีรายได้เท่าใด เพื่อทำให้นักเรียนที่สนใจได้มองเห็นภาพรวมของการเรียนสายอาชีวะอย่างชัดเจนมากขึ้น

สำหรับปฏิทินการดำเนินงานที่ สพฐ./สอศ./สช./กศน.จะต้องดำเนินการร่วมกันในการเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีวะ มีดังนี้

- การจัดทำ School mapping การรับนักเรียนอาชีวศึกษาระดับจังหวัด
- การจัดทำแผน Road Show และประชุมครูแนะแนวทุกสังกัด 5 ภูมิภาค ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2556
- สอศ.จะร่วมกับสถานประกอบการ แนะนำอาชีพในโรงเรียนของ สพฐ. และวัดแววความถนัดทางช่าง ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2556
- ประชาสัมพันธ์ภาพรวมการรับนักเรียนอาชีวศึกษาแนวใหม่ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2556-มีนาคม 2557






• ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) เพื่อการศึกษา


1) การจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา อยู่ในระหว่างการออกระเบียบสำนักนายกฯ เพื่อจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา และการจัดตั้งกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เพื่อส่งเสริมการผลิต วิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เพื่อสามารถใช้และรับเงินสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้มากขึ้น เพื่อเกิดการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา และสอดคล้องกับความต้องการของการศึกษาชาติ ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการจัดตั้งได้ภายใน 3 เดือนนี้

2) แผนแม่บท ICT เพื่อการศึกษา ศธ.จะต้องเป็นหน่วยงานหลักในการวางแผนและกำหนดแผนแม่บท ICT เพื่อการศึกษา เพื่อต้องการให้สามารถใช้ ICT เพื่อการศึกษาเต็มระบบได้ภายในปี 2020 ซึ่ง รมว.ศธ.เห็นว่าควรมีเจ้าภาพที่ชัดเจนในการวางแผนจัดระบบต่อเนื่องกันไปในการจัดทำแผนแม่บท ICT เพื่อการศึกษาที่ควรเกิดขึ้นได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้ นอกจากนี้ควรหาผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีประสบการณ์จากในประเทศและต่างประเทศ เข้ามาช่วยวางแผนแม่บท ICT เพื่อการศึกษา

3) เนื้อหาสาระที่จะบรรจุลงในแท็บเล็ต สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้รายงานความก้าวหน้าถึงแนวทางการจัดหาสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อการเรียนรู้ ที่ได้นำเสนอให้รับทราบแนวทางวิธีดำเนินการในปีงบประมาณ 2557 ที่จะมีการรวบรวมสื่อ การจ้างที่ปรึกษาพัฒนา Application/e-Publishing/3D games มีการวางแผนจัดซื้อสื่อที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ การจัดจ้างแปลงสื่อที่มีคุณภาพ การจัดเก็บรวบรวมอย่างเป็นระบบและเป็นหมวดหมู่ เพื่อเข้าถึงอย่างรวดเร็ว

รมว.ศธ. ฝากประเด็น สื่อที่จะพัฒนาควรมีความครอบคลุมครบทุกรายวิชาหรือไม่ และการใช้สื่อควรพิจารณาในภาพรวมของ ศธ. ซึ่งจะต้องโยงไปหลายเครื่องมือ นอกจากนี้ ควรมีการแปลสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อการเรียนรู้ของต่างประเทศให้สอดคล้องกับบริบทและหลักสูตรของไทย

4) Smart Classroom สพฐ.ได้นำเสนอตัวอย่างและวิธีการจัดการเรียนการสอนด้วย Smart Classroom ซึ่ง รมว.ศธ. เห็นว่าสิ่งสำคัญของการเป็น Smart Classroom คือ วิธีสอนและวิธีเรียน ที่จะต้องให้เด็กร่วมกันคิด ร่วมกันถกอภิปราย แสดงความเห็นร่วมกัน โดยต้องนำผู้รู้ที่มีประสบการณ์มาช่วยวางระบบ มีการเลือกโรงเรียนนำร่องให้คละกันทั้งโรงเรียนขนาดใหญ่และโรงเรียนที่มีนักเรียนอ่อนมากๆ เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจนได้ว่ามีผลเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด ให้เห็นถึงผลของการใช้ที่เหมาะสมมากกว่าไปเน้นที่จัดซื้อราคามหาศาล แต่ไม่มีประสิทธิภาพในการเรียนการสอน และในการวางแผนขอให้คิดเป็นระบบ เช่น พิจารณาไปถึงการให้ครูไปศึกษาดูงาน Smart Classroom ในต่างประเทศ เพื่อนำมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน หรืออาจร่วมมือกับภาคเอกชนที่มีความพร้อมในการถอดบทเรียนมาใช้ประโยชน์และร่วมพัฒนา Smart Classroom ให้ตรงตามคอนเซ็ปท์ และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลด้านการใช้แท็บเล็ตเพื่อการศึกษา และสอดคล้องกับนโยบายในการนำ ICT มาใช้เพื่อการศึกษาต่อไป





• การเรียนการสอนภาษา


1) ภาษาต่างประเทศ สพฐ.ได้นำเสนอยุทธศาสตร์การเรียนการสอนภาษาอังกฤษ พ.ศ.2556-2561 ที่ได้วางแผนจัดทำแนวทางการพัฒนาและสร้างครู การพัฒนาบุคลากรทางการศึกษา การพัฒนาและส่งเสริมการใช้สื่อและนวัตกรรม การพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้โครงการพิเศษ การพัฒนาระบบบริหารจัดการ การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ระหว่างภาคเรียนและปิดภาคเรียน การประเมินผลสัมฤทธิ์ผู้เรียน และการวิจัยเพื่อพัฒนา

รมว.ศธ.ได้ฝากข้อคิดว่า เราต้องการผลลัพธ์แบบใด เพราะการสอนภาษาต่างประเทศหากทำแบบรดน้ำไปทั่ว ก็ไม่ค่อยได้ผล และมีความจำเป็นที่จะต้องปรับหลักสูตรการเรียนการสอนหรือการทดสอบภาษาอังกฤษของไทยกันมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะการสอนภาษาที่ควรเน้นให้สามารถสื่อสารได้ ไม่ใช่เน้นที่ Grammar ซึ่งวิธีการสอนที่สำคัญคือ จะต้องมีครูเจ้าของภาษา (Native Speakers) เข้ามาช่วยสอน มีการนำสื่อที่ทันสมัยเข้ามาช่วยเป็นเครื่องมือในการเรียนการสอน และการสอนภาษาต่างประเทศให้ได้ผลมากๆ คือ ต้องเรียนแบบเข้ม (Intensive) เช่น มีการจัดค่ายภาษาในช่วงปิดเทอมที่ใช้เวลามากพอสมควร 2-4 สัปดาห์ขึ้นไป หรือจัดห้องเรียนที่เน้นการสนทนา (Conversation Class) ซึ่งหากเป็นโรงเรียนเล็กๆ ที่ไม่มีครูภาษาอังกฤษอาจจะเริ่มต้นลำบาก ดังนั้น สพฐ.ต้องมาช่วยดูแลมากขึ้น แต่โรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีครูสอนภาษาอังกฤษโดยตรง ก็ยังไม่มี Class แบบนี้มากนัก ในส่วนของอาชีวศึกษา หากเทอมสุดท้ายสามารถสอนภาษาอังกฤษอย่างเดียว หรือสอนภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้นในสัดส่วน 80% ก็จะทำให้สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้เท่าที่จำเป็นต่อการทำงานในสถานประกอบการ เมื่อจบออกไปสามารถใช้ภาษาอังกฤษเพื่อประโยชน์ในการทำงานได้ทันที

2) ภาษาไทย สพฐ.ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าในโครงการสแกนนักเรียนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ที่จะมีแผนดำเนินการในปีต่อๆ ไป ที่จะมีการ "เร่ง เริ่ม เสริม สร้าง" โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะมีการระดมช่วยเหลือนักเรียนที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ในระดับชั้นต่างๆ อย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยโยงไปกับการจัดการเรียนการสอนเพื่อยกระดับผลการทดสอบ PISA ซึ่ง สพฐ.จะเป็นเจ้าภาพหลักในการยกร่างคณะกรรมการระดับนโยบาย ที่มี รมว.ศธ.เป็นประธาน และคณะอนุกรรมการเพื่อขับเคลื่อนในเรื่องนี้ ที่จะต้องเชื่อมกับหลายหน่วยงาน โดย รมว.ศธ.ขอให้เร่งหารือกับ ศ.พิเศษภาวิช ทองโรจน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการต่อไป

 

ที่มา ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ


ผลการประชุมผู้บริหารองค์กรหลัก ศธ. 21 ตุลาคม 2556ผลการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักศธ.21ตุลาคม2556

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

:: เรื่องปักหมุด ::

มติ ครม. 10 ก.ค.55 ทีเกี่ยวข้อง กับ ศธ.

มติ ครม. 10 ก.ค.55 ทีเกี่ยวข้อง กับ ศธ.

เปิดอ่าน 14,080 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
ก.ค.ศ.เห็นชอบหลักเกณฑ์การสอบคัดเลือก ผู้บริหารสถานศึกษา,บุคลากรฯ38ค(2)และครูผู้ช่วย
ก.ค.ศ.เห็นชอบหลักเกณฑ์การสอบคัดเลือก ผู้บริหารสถานศึกษา,บุคลากรฯ38ค(2)และครูผู้ช่วย
เปิดอ่าน 18,987 ☕ คลิกอ่านเลย

ครม.เห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
ครม.เห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
เปิดอ่าน 6,193 ☕ คลิกอ่านเลย

ผลการประชุม ก.ค.ศ. ครั้งที่ 1/2556
ผลการประชุม ก.ค.ศ. ครั้งที่ 1/2556
เปิดอ่าน 12,655 ☕ คลิกอ่านเลย

นโยบายการรับนักเรียน
นโยบายการรับนักเรียน
เปิดอ่าน 6,773 ☕ คลิกอ่านเลย

โครงการอบรมผลิตสื่อมัลติมีเดียด้วยโปรแกรม LectureMAKER‏
โครงการอบรมผลิตสื่อมัลติมีเดียด้วยโปรแกรม LectureMAKER‏
เปิดอ่าน 16,200 ☕ คลิกอ่านเลย

"ราชบัณฑิตสถานสรรเสริญ" ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น ประจำปี 2555
"ราชบัณฑิตสถานสรรเสริญ" ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น ประจำปี 2555
เปิดอ่าน 9,526 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

ข้อเสียของการดื่มน้ำเย็นจัด
ข้อเสียของการดื่มน้ำเย็นจัด
เปิดอ่าน 19,312 ครั้ง

จัดอาหารกลางวันมีคุณภาพ กระตุ้นพัฒนาการเด็กวัยเรียน
จัดอาหารกลางวันมีคุณภาพ กระตุ้นพัฒนาการเด็กวัยเรียน
เปิดอ่าน 3,801 ครั้ง

การออกกำลังกายเพิ่มภูมิต้านทานความเครียดให้กับสมอง
การออกกำลังกายเพิ่มภูมิต้านทานความเครียดให้กับสมอง
เปิดอ่าน 13,742 ครั้ง

10 วิธีช่วยให้ลูกเก่งคณิตศาสตร์
10 วิธีช่วยให้ลูกเก่งคณิตศาสตร์
เปิดอ่าน 84,259 ครั้ง

วิธีแก้ปวดหลัง
วิธีแก้ปวดหลัง
เปิดอ่าน 19,445 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ