++ แก้โรคซึมเศร้า แบบไม่เสียสตางค์ ++
แก้โรคซึมเศร้า แบบไม่เสียสตางค์
(เป็นบทความจากหนังสือ Health & Cuisine ฉบับ กุมภาพันธ์ 2009 หน้า 33 ค่ะ)
ไม่นานมานี้ มีผลสำรวจจากกรมสุขภาพจิตว่า คนไทยในปัจจุบันมีอาการของโรคซึมเศร้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง วันนี้ผมจึงมีเรื่องของผู้ที่มาปรึกษาท่านหนึ่ง ซึ่งเคยมีอาการซึมเศร้า แต่หายได้ด้วยการคิดเชิงบวก นำมาเล่าให้ท่านผู้อ่านฟัง
ท่านผู้นี้ เคยเผชิญกับความล้มเหลวในชีวิตมาหลายครั้ง จนเขารู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง เริ่มเก็บตัวเงียบ ๆ ไม่ยุ่งกับใคร มีความรู้สึกกลัวสังคม เริ่มโทษตัวเองต่าง ๆ นานา และในที่สุด ก็มองว่าตัวเองเป็นคนไร้ค่า คิดจะทำร้ายตัวเอง เมื่อครอบครัวถามว่า เป็นอะไร เขาก็บอกว่าเป็น โรคซึมเศร้า พอถามว่าว่ารู้ได้อย่างไร เขาบอกว่าเคยอ่านเจอในหนังสือ ซึ่งเขียนถึงอาการที่มีอยู่ในตัวเขาทั้งหมด
จนกระทั่งวันหนึ่งมีเพื่อนเก่ามาเยี่ยมที่บ้าน แต่เขาไม่ยอมลงไปพบ ให้ภรรยาบอกกับเพื่อนว่าไม่สบาย ด้วยความเป็นห่วง เพื่อนคนนี้ตัดสินใจขึ้นไปเยี่ยมเขาถึงห้องนอน สภาพในห้องนอนทั้งสกปรกทั้งมืด แถมเขายังปล่อยเนื้อตัวให้สกปรกอีกด้วย เขาเปลี่ยนไปจนเพื่อนแทบจำไม่ได้ และไม่ยอมคุยกับเพื่อน จนในที่สุดเพื่อนก็ทนไม่ไหวต้องกลับไป
จนวันรุ่งขึ้น สิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ทำให้เขาหายจากอาการซึมเศร้า นั่นคือ อยู่ ๆ เพื่อนคนเดิมกลับมาหาเขาอีกครั้งและถามว่าเป็นอะไร เขาบอกว่า เป็นโรคซึมเศร้า "แจ๋ว" เพื่อนอุทาน เดินอ้อมไปข้างหลังเขาแล้วตบหัวอย่างแรงสองที เขาตกใจมาก ด้วยความโมโหจึงโวยวายใส่เพื่อนว่า "แกตบฉันทำไมวะ!" เพื่อนก็ถามต่อว่า "อ้าวไหนบอกเศร้า แล้วตอนนี้เศร้าไหมวะ" เขาตอบกลับ "ไม่เศร้าแล้ว แต่จะไล่เตะแกแทน"
หลังจากนั้นมาเขาก็หายจากอาการซึมเศร้าทันที ไม่ใช่เพราะกลัวจะถูกตบ แต่เหตุการณ์นั้นทำให้ตระหนักได้ว่า จริง ๆ แล้วในตัวเขายังมีอารมณ์อื่น ๆ นอกจากอารมณ์ซึมเศร้า เขายังโกรธได้ เกลียดได้ แต่เพราะเขามัวแต่เอาความสนใจทั้งหมด ไปจดจ่ออยุ่กับอารมณ์เศร้าที่เกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่ในชีวิตเคยเศร้ามาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง แถมยังทะลึ่งมารู้ว่า โรคซึมเศร้าเป็นอย่างไร
เห็นไหมครับว่า ความคิดของคนเรานั้นมีอิทธิพลต่อร่างกายและจิตใจแค่ไหน หากท่านเชื่ออยู่เสมอว่าเป่วยเป็นโรคโน้นโรคนี้ ท่านก็มักจะป่วยอยู่ตลอด ดูอย่างคุณพ่อผมสิครับ ท่านเชื่อเสมอว่ายังหนุ่มอยู่ ทำให้ท่านไม่เคยป่วยเลย เวลาเดินไปไหนกับผมก็มักจะมีคนทักว่าเหมือนพี่น้องกัน
แต่ก็นั่นแหละครับ เมื่อมีคนมาทักแบบนี้ มันก็แปลความหมายได้สองทาง คือ คุณพ่อผมท่านยังหนุ่มอยู่ หรือ "ผมแก่" แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ครับ ทำไมผมถึงดูแก่จังเลยก็ไม่รู้ !
----------------------------------------
จบค่า ขำตอนท้าย เพื่อเป็นแนวทางให้กับคนที่กำลังเศร้า กำลังซึม กำลังงงงวย กำลังไร้ทิศทาง กำลังไร้ที่พึ่ง กำลังไร้จุดหมาย กำลังเคว้งคว้าง กำลังเสียใจ กำลังท้อแท้ และอื่น ๆ อีกที่กำลังประสบกันอยู่ มองโลกในแง่ดี คิ้วไม่ย่น และยังไม่ทำตัวเองให้เจอโรคซึมเศร้าอีกด้วยนะคะ
ท้ายสุดนี้ ขอขอบคุณผู้เขียนที่เขียนบทความท่านนี้นะคะ เครดิต >>> เรื่อง : ปรัชญา ปิยะมโนธรรม ที่ได้เขียนบทความที่มีประโยชน์เพื่อคนไทยด้วยกัน เพื่อช่วยเหลือให้ไม่ตกเป็นจำเลย หรือเป็นคนที่มีภาวะเศร้าค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ^ ^