การให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาออกจากราชการ
กรณีไม่สามารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล
ศึกษาธิการ - สรุปมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2556 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ 2 เรื่อง คือ อนุมัติหลักการให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาออกจากราชการ กรณีไม่สามารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพ
1. อนุมัติหลักการให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาออกจากราชการ กรณีไม่สามารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎ ก.พ.อ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาออกจากราชการ กรณีไม่สามารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
จากการที่พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2547 มาตรา 57 (7) บัญญัติให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาผู้ใดไม่สามารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลในระดับอันน่าพอใจของทางราชการได้ ให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 28 สั่งให้ออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญเหตุทดแทนได้ ประกอบกับได้มีกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการ กรณีไม่สามารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล พ.ศ.2552 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทางราชการมีโอกาสปรับปรุงประสิทธิภาพ โดยสามารถหมุนเวียนกำลังคนที่มีประสิทธิภาพที่ดีกว่ามาทำหน้าที่แทน และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการปฏิบัติงานของข้าราชการพลเรือนสามัญ
ดังนั้น เพื่อเป็นการเสริมสร้างประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการปฏิบัติราชการของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา จึงกำหนดหลักเกณฑ์การสั่งให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาออกจากราชการ กรณีไม่สามารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล ซึ่งหลักเกณฑ์ดังกล่าวสอดคล้องและเป็นไปในทางเดียวกับกฎ ก.พ.ดังกล่าว โดยมีสาระสำคัญดังนี้
◦ กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาออกจากราชการ โดยให้ส่วนราชการพิจารณาจากผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการผู้นั้นเป็นหลัก
◦ กำหนดให้กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ผู้ที่มีผลการประเมินผลการปฏิบัติราชการอยู่ในระดับที่ต้องพัฒนาปรับปรุงตนเอง โดยการประเมินผลการปฏิบัติราชการและการพัฒนาปรับปรุงตนเองดังกล่าวควรมีระยะเวลาไม่เกิน 3 รอบประเมิน
◦ กำหนดให้ผู้บังคับบัญชาอาจสั่งให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาออกจากราชการได้ หากไม่สามารถปฏิบัติราชการได้เป็นที่น่าพอใจ หลังจากที่ลงนามรับทราบการปรับปรุงตนเอง
◦ กำหนดให้ผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการ มีสิทธิอุทธรณ์ต่อสภาสถาบันอุดมศึกษาภายใน 30 วัน
2. การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริการในคณะกรรมการสภาการศึกษา
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายอนุสรณ์ ธรรมใจ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริการในคณะกรรมการสภาการศึกษา แทนนายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ ซึ่งขอลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2556 เป็นต้นไป
ที่มา ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ