ยังคงต้องถกกันต่อไปในเรื่องที่ว่า “ ครูที่จะมาสอนเด็กนักเรียนได้ต้องมีใบประกอบวิชาชีพครู” เสมือนหนึ่งว่า “ใบประกอบวิชาชีพครู”คือ “ จิตและวิญญาณของผู้เป็นครู” ที่ หากใครไม่มี ชีวิตจะไม่เป็นชีวิต
ย้อนอดีตนับไปเมื่อ สี่สิบห้าสิบปีที่ผ่านมาแล้ว คนที่จะเป็นครูได้ ทางคุรุสภาจะต้องให้มี ใบสำคัญแสดงความเป็นครูเสียก่อน ลักษณะของใบสำคัญใบนี้เป็นเล่มสีเหลือง ขนาดเท่าๆกับ พาสปอร์ตในสมัยโบราณเหมือนกัน ซึ่งตอนนั้น ไม่มีใครรู้สึกว่าจะต้องเดือดร้อนแต่อย่างไร เพราะเป็นเรื่องที่ถูกปฏิบัติกันมานานจนกลายเป็นความเคยชิน แต่ต่อๆมา อยู่ๆ ใบสำคัญใบนี้ก็หายไปเฉยๆ จนหมดความสำคัญ แบบว่า “ใบสำคัญของการจะเป็นครูใบนี้” ไม่ได้เป็น “เวทมนต์”ที่ทำให้คนเป็นครู จะต้องเป็นครูที่ดี ไร้ความเสื่อมเสียแต่อย่างไร ยิ่ง ครูมีพฤติกรรม หรือ อุปนิสัย “ไม่ดี”มากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึง “ความไม่ศักดิ์สิทธิ์”ของ ใบสำคัญของการเป็นครูใบนี้มากยิ่งขึ้น...การยกเลิกใบประกอบวิชาชีพครูใบนี้ไป จึงไม่ทำให้เกิด ความวิตกกังวล ในแวดงวงการศึกษา ทางด้าน “ความเป็นครู” แต่อย่างไร กลับรู้สึกว่า “ดีเสียอีก” ที่ สามารถหาคนเป็นครูได้ง่ายขึ้น
แล้วจู่ๆ ใบประกอบวิชาชีพครูก็เกิดขึ้นมา พร้อมกับ มี ปริมาณของคนที่มาทำหน้าด้านนี้เพิ่มขึ้น แล้ว เสียงปัญหาในสังคมก็เกิดขึ้นตลอดมา ทั้งเรื่องของ ความไม่พร้อม การฉ้อฉล และ เหลี่ยมเล่ห์เพื่อให้การเข้าเป็นครูต้องผ่านกลุ่มคนมากขึ้น
วันนี้ วันที่ คุณ จาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ บอกว่าจะปลดล็อก ใบประกอบวิชาชีพครูออกไป ก็เท่ากับว่า จะยกเลิกการต้องมีใบสำคัญของการเป็นครูใบนี้เสีย จึงไม่มีภาพหลังซับซ้อนอะไรว่า คุณ จาตุรนต์ กำลังแสวงหาประโยชน์อะไรจากนี้ กลับมองให้เห็นว่า ความ ยุ่งยากในการแสวงหาใบสำคัญใบนี้จะได้จบลงเสียที
เนื่องจาก “จิตวิญญาณ”ของความเป็นครู มันไม่ได้อยู่ที่ “รูปธรรม”ของกระดาษแผ่นเดียว แต่ “จิตวิญญาณ”ของความเป็นครู มันเป็น “นามธรรม” ที่ฝังอยู่ในตัวของ “มนุษย์”ที่มีความเป็นมนุษย์แท้ๆ”
ดังนั้นผมคนหนึ่งละที่ขอสนับสนุนแนวคิดของ คุณจาตุรนต์ และ ขอเสริมให้ คุณ จาตุรนต์ยกเลิกใบประกอบวิชาชีพครูออกไป แล้ว ช่วยนำเอา “คุณธรรมและจริยธรรม”ของครูกลับมา เพื่อให้ครู เป็น ปูชณียบุคคล ที่เรากราบไหว้ไหว้ได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจดีกว่า
ชนิตร ภู่กาญจน์
ที่มา แนวหน้า วันพฤหัสบดี ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2556