การดำเนินการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปี 2556 ที่มีเขตพื้นที่การ 79 เขตได้เปิดสอบ และขณะนี้ได้มีการประกาศผลการสอบคัดเลือกครบทุกเขตไปแล้ว ซึ่งสรุปผลการสอบจากทุกเขตพื้นที่แล้ว ข้อมูลปรากฎว่าจากจำนวนของผู้มีสิทธิ์สอบ 83,930 คน เป็นผู้ที่สอบผ่านเพียง 5,074 คน คิดเป็นร้อยละ 6.05 ของผู้มีสิทธิ์สอบ และเหตุใดจึงเป็นเช่นั้น เราลองมาฟังบทวิเคราะห์ของ ผศ.ดร.สุรวาท ทองบุ ประธาน ส.ค.ศ.ท. ที่วิเคราะห์ในเรื่องนี้เป็นที่น่าสนใจดังนี้ครับ
"เหตุใดบัณฑิตครูจึงสอบตกมาก" : บทวิเคราะห์ โดย ผศ.ดร.สุรวาท ทองบุ ประธาน ส.ค.ศ.ท.
8 กรกฎาคม 2556
ข้อมูล (โดยประมาณ) ที่ควรทราบ
1. ปัจจุบันมีสถาบันการผลิตครู 5 ปี จำนวนประมาณ 65 สถาบัน ได้แก่ มหาวิทยาลัยของรัฐ (ม.รัฐ) เดิม มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) มหาวิทยาลัยเปิด มหาวิทยาลัยสงฆ์ มหาวิทยาลัยเอกชน สถาบันการพลศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ฯ)
2. ประมาณ 2-3 ปีผ่านมา มีสถาบันที่ผลิตครู ป.บัณฑิต วิชาชีพครู จำนวนประมาณ 140 สถาบัน (คุรุสภา ให้การรับรอง ปัจจุบันยกเลิกการรับรองแล้ว)
3. ผู้เข้าสอบมีทั้งหมดมาจาก ม.รัฐ มรภ. มทร. ฯลฯ และเป็นผู้สำเร็จครู 5 ปี ประมาณ 40% ครู 4 ปี ประมาณ 20% และสำเร็จ ป.บัณฑิต ประมาณ 40%
4. เป็นผู้สำเร็จใหม่ประมาณ 30% และเป็นครูอัตราจ้าง ครูพนักงานราชการ ครูเอกชน ครู กศน. ประมาณ 70%
5. มหาวิทยาลัยที่ออกข้อสอบมาจากทุกกลุ่ม ประมาณ 15 สถาบัน
6. ข้อสอบที่มีมาตรฐานจะต้องมีการวิเคราะห์หลักสูตรการสอบเป็นอย่างดี ออกข้อสอบให้มี จำนวนมากกว่าความต้องการใช้จริง ทั้งนี้ให้ครอบคลุมมีสัดส่วนที่เหมาะสมออกโดยผู้ทรงคุณวุฒิสูงและรู้จริงจำนวนหลายคน ควรมีผู้เชี่ยวชาญไม่น้อยกว่า 5 คน มาตรวจสอบคุณภาพ ความเหมาะสม ถูกต้องตามหลักวิชาและข้อเท็จจริง ปรับปรุงแก้ไข และสุดท้ายต้องนำไปทดลองใช้ 2-3 ครั้ง จากกลุ่มตัวอย่างที่ไม่ใช่ผู้สอบ พิจารณาว่าจำนวนข้อสอบความยากง่ายเหมาะสมหรือไม่ อำนาจจำแนกเป็นอย่างไร และมีความเที่ยงตรงและเชื่อมั่นเพียงใด
7. หลักสูตรการสอบ (คะแนนรวม 350 คะแนน) แบ่งเป็น 3 ภาค ได้แก่
ภาค ก (150 คะแนน) แบ่งเป็น
• ความรอบรู้ (50คะแนน) ได้แก่ สังคม เศรษฐกิจ การเมือง เหตุการณ์ปัจจุบันวัฒนธรรมและ ขนบธรรมเนียมประเพณีไทย นโยบายการศึกษา กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา
• ความสามารถทั่วไป (50 คะแนน) ได้แก่ ความสามารถด้านตัวเลข ด้านภาษา (ไทย) และด้านเหตุผล ความรู
• ความเข้าใจเกี่ยวกับความประพฤติและการปฏิบัติของวิชีพครู (50 คะแนน) ได้แก่ วินัยและการรักษาวินัย คุณธรรม จริยธรรมและค่านิยม มาตรฐานวิชาชีพ จรรยาบรรณวิชาชีพ
และสมรรถนะวิชาชีพ
ภาค ข ความรู้ความสามารถที่ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ (150 คะแนน แบ่งเป็น
• ความรู้ความสามารถเกี่ยวกับวิชาการศึกษา (75 คะแนน) ได้แก่ หลักสูตรและการพัฒนาหลักการสอน การจัดการเรียนรู้ การพัฒนาผู้เรียน จิตวิทยา การวัดผลประเมินผล การวิจัย สื่อและเทคโลยี
• วิชาเอก (75 คะแนน) ได้แก่ เนื้อหาวิชาเอกหรือกลุ่ม
ภาค ค ความเหมาะสมกับวิาชีพ (50 คะแนน)
8. ลักษณะของข้อสอบเป็นปรนัยเลือกตอบ ในภาค ก และ ข ส่วนภาค ค เป็นการสัมภาษณ์และ
พิจารณาจากเอกสาร หลักฐาน
9. เกณฑ์การตัดสิน ผู้สอบได้ ต้องได้คะแนนในแต่ละภาคไม่น้อยกว่าร้อยละ 60
10. มีผู้ผ่านเกณฑ์ไม่เกิน ร้อยละ 10
สาเหตุจากธรรมชาติของเนื้อหาวิชา ตัวผู้เข้าสอบ และความบกพร่องของข้อสอบ
1. เนื้อหาสาระที่ค่อนข้างยาก เนื่องจากบริบทปัจจุบันที่มีความเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหว เร็วกว่าปกติ (อาจเนื่องจากการเริ่มเข้าสู่ยุคศตวรรษที่ 21 และเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน) เนื้อหาสาระขาดความชัดเจนไม่แน่นอน ความไม่แน่นิ่งของแนวคิด สาระความรู้ ระเบียบ กฎหมาย นโยบายที่ไม่ต่อเนื่อง รวมทั้ง มาตรฐานวิชาชีพครูที่ไม่มีข้อยุติ ปรับปรุงแก้ไขมากว่า 3 ปียังไม่สามารถประกาศใช้ อีกทั้งความเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม ความก้าวหน้าในวิทยาการ แนวคิดทางการศึกษา
เทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นและมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
2. บัณฑิตผู้เข้าสอบปัจจุบันยังเป็นผู้เรียนที่มีคุณภาพต่ำก่อนเข้ามาเรียนครู (แต่ผู้เรียนปัจจุบันที่กำลังเรียนปีที่ 1-5 เป็นนักเรียนที่ผลการเรียน ม.6 สูง) และบัณฑิตที่เข้าสอบไม่สามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหวตามข้อ 1 ได้มีความรู้ความเข้าใจไม่กว้างขวาง ไม่ลุ่มลึก จึงไม่สามารถทำข้อสอบได้
3. ความบกพร่องของข้อสอบ
1) ยากเกินไป เกินกว่าบัณฑิตครูเรียนเพื่อไปสอนนักเรียนในระดับอนุบาล ประถมศึกษาและมัธยมศึกษา
2) ความยากและจำนวนข้อไม่สอดคล้องกับเวลาที่กำหนดให้
3) ข้อสอบขาดความเที่ยงตรงเชิงโครงสร้าง ไม่ครอบคลุมหรือมีสัดส่วนที่ไม่เหมาะสม
4) ข้อสอบออกไม่ตรงตามสิ่งท่ีต้องการวัด เช่น ความสามาถทั่วไป ตามทฤษฎีทางการวัดผลการศึกษาเป็นข้อสอบวัดความถนัด 3 ด้าน คือ ตัวเลข ภาษา (ไทย) และเหตุผล แต่ผู้ออกข้อสอบออกเป็น วัดผลสัมฤทธิ์ จนดูเป็นข้อสอบวิชาเอกคณิตศาสตร์และภาษาไทย
5) ขาดความเป็นปรนัยในคำถาม สับสนในคำตอบและเฉลย ซึ่งเป็นสาเหตุมาจาก ข้อ 1 คือธรรมชาติเนื้อหาวิชา
6) ข้อสอบอาจเน้นสาระของท้องถิ่นของสถาบันผู้ออกข้อสอบ ผู้สอบที่มาจากต่างถิ่นโอกาสตอบถูกจึงมีน้อย
7) บางเขตพื้นที่ ข้อสอบขาดความทันสมัยไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และมีสาระจำนวนมากที่ไม่มีความชัดเจน เช่น นโยบายกระทรวงและรัฐบาล มาตรฐานวิชาชีพ ฯลฯ จึงทำให้เกิดความสับสนทั้งคำถามและคำตอบที่ยังไม่มีข้อยุติ
การบริหารจัดการห้องสอบเป็นไปอย่างเคร่งเครียด มีกฎกติกาที่หยุมหยิม ผิดธรรมชาติของการสอบทั่ว ๆ ไป เช่น ไม่อนุญาตให้นำนาฬิกาเข้าไปในห้องสอบและไม่มีการจัดให้มีนาฬิกากลาง ผู้สอบจึงกะประมาณเวลาไม่ได้ เป็นต้น
ข้อเสนอแนะ
สำหรับสถาบันฝ่ายผลิต
1. พัฒนาระบบการจูงใจและคัดเลือกผู้เรียนที่เป็นคนดี คนเก่ง และมีความรักศรัทธาในความเป็นครู
2. พัฒนาการเรียนการสอนให้ผู้เรียนมีความรอบรู้ ลุ่มลึกในเนื้อหาวิชา สามารถติดตาม เท่าทันการเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหวของเนื้อหาสาระ ระเบียบ กฎหมาย นโยบาย สภาพสังคม เศรษฐกิจ แนวคิดการเมือง วัฒนธรรม วิทยาการ แนวคิดทางการศึกษา อย่างทันท่วงที
สำหรับผู้เข้าสอบ
1. จะต้องพัฒนาตนเองให้มีความรู้ความเข้าใจอย่างกว้างขวางและลุ่มลึก ติดตามความเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหวตลอดเวลา นึกเสียว่าการเรียนในห้องเรียนที่ผ่านไปไม่อาจจะใช้ได้ตลอดไป
สำหรับผู้ออกข้อสอบ
1. จะต้องพัฒนาตนเองให้มีความรู้ความเข้าใจอย่างกว้างขวางและลุ่มลึก ติดตามความเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหวตลอดเวลาจเช่นเดียวกันกับผู้เข้าสอบ
2. ศึกษา ทำความเข้าใจหลักสูตรเนื้อหาการสอบให้ถ่องแท้
3. เรียนรู้และฝึกฝนทักษะในการออกข้อสอบให้มีความชำนาญ
4. ผู้ออกข้อสอบควรมาจากหลายฝ่ายนอกจากอาจารย์มหาวิทยาลัย เช่น มาจากเขตพื้นที่การศึกษาด้วย
สำหรับหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยรวมของประเทศ
1. กระทรวงศึกษาธิการ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น สำนักงานเลขาธิการ ก.ค.ศ. หรือหน่วยงานอื่น รับผิดชอบในการพัฒนาข้อสอบให้มีมาตรฐาน มีระบบการบริหารจัดการสอบที่ทำให้เกิดความถูกต้องเหมาะสมทางวิชาการ เกิดผลดี บริสุทธิ์ ยุติธรรม สำหรับผู้เข้าสอบ (ดูตัวอย่างจาก ก.พ.)
2. ไม่ควรเปลี่ยน รมต.ศธ.บ่อยนัก หรือหากเปลี่ยนก็ให้คงนโยบายเดิมไว้ให้มีความต่อเนื่อง
3. รมต.ควรให้ความเห็นชอบโดยเร็วหลังการเสนอให้เห็นชอบจากคุรุสภา
ขอบคุณที่มาจาก เฟซบุ๊ค ผศ.ดร.สุรวาท ทองบุ ประธาน ส.ค.ศ.ท.
เรียบเรียงโดยครูบ้านนอกดอทคอม