นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา (อดีต) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงผลการพิจารณาการขอความเป็นธรรม ในการประกาศขึ้นบัญชีผู้สอบผ่านเกณฑ์การสรรหา ร้อยละ 60 จำนวน 1,224 คน เพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา และผู้อำนวยการสถานศึกษา
จากการที่คณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรมของเครือข่ายครูและผู้บริหารแห่งประเทศไทย ชมรมครูและผู้บริหารแห่งประเทศไทย และเครือข่ายครูผู้บริหารสถานศึกษาสำนักงานการศึกษาพิเศษ เพื่อขอให้ขึ้นบัญชีผู้สอบผ่านเกณฑ์การตัดสินร้อยละ 60 เป็นบัญชีผู้ผ่านการสรรหา โดยมีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะว่า หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อบรรจุแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและผู้อำนวยการสถานศึกษาของสำนักงาน ก.ค.ศ.ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่เคยปฏิบัติมา และก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม แก่ผู้ที่สามารถผ่านการสรรหาที่ทำคะแนนข้อเขียนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 จำนวน 1,224 ราย ที่ไม่ได้รับการขึ้นบัญชี
ที่ประชุมจึงมีมติมอบหมายให้สำนักงาน ก.ค.ศ. รวบรวมข้อมูลจำนวนตำแหน่งว่างที่จะใช้บรรจุแต่งตั้งในปัจจุบัน และจำนวนผู้เกษียณอายุราชการ ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2556 ว่ามีจำนวนเท่าใด เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมในครั้งต่อไป
(อดีต) รมว.ศธ.ให้สัมภาษณ์กรณีดังกล่าวว่า เดิมมีการประกาศตำแหน่งว่างและมีการขึ้นบัญชีไว้สำหรับผู้ที่สอบผ่านร้อยละ 60 ตามจำนวนตำแหน่งที่ว่าง ทางเครือข่ายครูและผู้บริหารแห่งประเทศไทยและคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร จึงขอให้ทบทวนมติ ก.ค.ศ.ในเรื่องนี้ เพื่อให้ประกาศผู้สอบผ่านเกณฑ์การสรรหาเพื่อบรรจุเพิ่มเกินกว่าจำนวนตำแหน่งว่างที่เคยประกาศไว้
ซึ่งที่ประชุมก็ได้มีมติให้สำนักงาน ก.ค.ศ.ไปรวบรวมข้อมูลว่า ขณะนี้มีตำแหน่งว่างเท่าใดและในวันที่ 1 ตุลาคม 2556 จะมีผู้ที่เกษียณอายุราชการอีกส่วนหนึ่ง จึงต้องไปดูว่าจำนวนตำแหน่งว่างจริงๆ มีเท่าใด เพื่อจะได้นำมาพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไปว่า สมควรที่จะพิจารณาทบทวนเรื่องนี้หรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ที่ประชุม ก.ค.ศ.ได้พิจารณาเรื่องนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว และมีการเก็บข้อมูลไว้ ซึ่งตอนนี้ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าตำแหน่งที่ว่างมีมากกว่าจำนวนที่ขึ้นบัญชีไว้
สำหรับหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา และผู้อำนวยการสถานศึกษา ตามหนังสือด่วนที่สุด ที่ ศธ 0206.6/ว7 ลงวันที่ 9 มีนาคม 2556 ข้อ 2 การประกาศตำแหน่งว่างและการรับสมัคร ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานประกาศจำนวนตำแหน่งว่าง ดังนี้
1) ประกาศจำนวนตำแหน่งว่างในปัจจุบันและจำนวนตำแหน่งว่างที่คาดว่าจะว่างจากการเกษียณอายุราชการใน 2 ปีงบประมาณ
2) ประกาศจำนวนตำแหน่งว่างในปัจจุบันและระบุรายชื่อสถานศึกษาที่จะใช้ในการบรรจุและแต่งตั้งในครั้งแรกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มทั่วไปและกลุ่มประสบการณ์ตามสัดส่วนที่เท่ากัน (50:50) หากไม่สามารถระบุจำนวนตำแหน่งว่างได้เท่ากันให้กำหนดจำนวนตำแหน่งว่างกลุ่มประสบการณ์มากกว่ากลุ่มทั่วไป 1 ตำแหน่ง
3) ประกาศจำนวนตำแหน่งที่คาดว่าจะว่างจากการเกษียณอายุราชการใน 2 ปีงบประมาณ เฉพาะที่จะใช้ในการบรรจุและแต่งตั้งผู้ผ่านการสรรหา ซึ่งได้กันส่วนออกจากตำแหน่งที่จะใช้ในการย้าย โดยระบุจำนวนตำแหน่งว่างกลุ่มทั่วไปและกลุ่มประสบการณ์ตามสัดส่วนที่เท่ากัน (50:50) โดยไม่ต้องระบุชื่อสถานศึกษา หากไม่สามารถระบุจำนวนตำแหน่งว่างได้เท่ากันให้กำหนดจำนวนตำแหน่งว่างกลุ่มประสบการณ์มากกว่ากลุ่มทั่วไป 1 ตำแหน่ง
ทั้งนี้การประกาศตามข้อ 2 และข้อ 3 ให้แยกตำแหน่งเป็นรายเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา และสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ
เกณฑ์การตัดสิน สำหรับกลุ่มทั่วไป คือ ผู้ผ่านการสรรหาต้องได้คะแนนรวมสอบข้อเขียน ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 และกลุ่มประสบการณ์ คือ ผู้ผ่านการสรรหาต้องได้คะแนนรวมสอบข้อเขียนและประวัติและผลงานไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 สำหรับการขึ้นบัญชีผู้ผ่านการสรรหาทั้งสองกลุ่มให้เรียงลำดับที่ตามคะแนนจากมากไปหาน้อยเท่ากับจำนวนตำแหน่งว่างในปัจจุบัน และจำนวนตำแหน่งที่คาดว่าจะว่างจากการเกษียณอายุราชการใน 2 ปีงบประมาณ ตามประกาศรับสมัคร โดยบัญชีผู้ผ่านการสรรหาให้มีอายุไม่เกิน 2 ปี นับจากวันที่ประกาศขึ้นบัญชีผู้ผ่านการสรรหา เว้นแต่มีการประกาศขึ้นบัญชีผู้ผ่านการสรรหาครั้งใหม่เมื่อใด ให้ยกเลิกการขึ้นบัญชีผู้ผ่านการสรรหาทุกบัญชี
ที่มา http://www.moe.go.th/websm/2013/jun/202.html