นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 6/2556 เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2556 ที่ห้องประชุมราชวัลลภ มีสาระสำคัญสรุปดังนี้
►รับทราบรายงานผลการสอบสวนกรณีทุจริตการคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ
มีประเด็นที่ได้ดำเนินการในการประชุมเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2556 ที่แจ้งให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา เพื่อให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ดำเนินการกับผู้เข้าสอบจำนวน 344 ราย หากมีการสั่งบรรจุและแต่งตั้งแล้วให้ดำเนินการตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เนื่องจากบุคคลเหล่านี้ ถือเป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดีสำหรับการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา และเป็นผู้กระทำการทุจริตในการสอบเข้ารับราชการ
ขณะนี้มี อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา จำนวน 42 เขตจากทั้งหมด 119 เขต ได้รายผลมายัง ศธ.ว่า มีผู้ที่เข้าข่ายทุจริตได้รับการบรรจุแต่งตั้งแล้ว จำนวน 107 รายใน 38 เขต ซึ่งผู้อำนวยการสถานศึกษาได้สั่งให้ออกจากราชการแล้ว 42 รายใน 22 เขต ส่วนที่ยังไม่มีคำสั่งให้ออกจากราชการมีจำนวน 65 รายใน 19 เขต ซึ่งในวันนี้ที่ประชุม ก.ค.ศ.ได้เร่งรัดให้อีก 77 เขตพื้นที่การศึกษารายงานผลความคืบหน้าการดำเนินงานมายัง ศธ.ด้วย ทั้งนี้มีผู้ที่ขอลาออกจากราชการไปก่อนแล้ว 4 รายใน 4 เขต
สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับการบรรจุ ประกอบด้วยครูผู้ช่วย 24 ราย ซึ่งยังไม่ได้รับการบรรจุแต่งตั้ง และไม่มีฐานะเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จึงไม่ได้ใช้กฎหมายพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในส่วนที่เป็นพนักงานราชการและครูอัตราจ้างไม่ได้เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ถือเป็นอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการนั้นๆ จะพิจารณา
นอกจากนี้ ก.ค.ศ.ยังได้รับคำอุทธรณ์ร้องทุกข์จากผู้ที่ถูกให้ออกจากราชการ จำนวน 60 ราย ซึ่งจะต้องพิจารณาในรายละเอียดเรื่องการอุทธรณ์ร้องทุกข์ ข้อมูลที่ร้องทุกข์ของผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการว่าร้องทุกข์ในเรื่องอะไรบ้าง ทั้งนี้ ก.ค.ศ.ได้ขอข้อมูล เอกสาร หลักฐานจากเขตพื้นที่การศึกษาเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย จากนั้นจึงจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม อ.ก.ค.ศ.อุทธรณ์และร้องทุกข์ต่อไป
นอกจากนี้ ก.ค.ศ.ได้รับคำอุทธรณ์ร้องทุกข์จากผู้ที่ถูกให้ออกจากราชการจำนวน 60 ราย ซึ่งจะต้องพิจารณารายละเอียดว่าร้องทุกข์เรื่องใดบ้าง โดย ก.ค.ศ.จะนำข้อมูล เอกสาร หลักฐานจากเขตพื้นที่การศึกษามาประกอบการพิจารณา จากนั้นจึงจะนำเข้าที่ประชุม อ.ก.ค.ศ.อุทธรณ์และร้องทุกข์ต่อไป
►รับทราบผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับผลการคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีมีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ
เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มอบหมายให้นายชูชาติ ทรัพย์มาก ที่ปรึกษาสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ วิเคราะห์ข้อมูลของผู้สอบคัดเลือก พบว่ามีข้อมูลรายวิชาเอกอีกจำนวน 12 รายวิชา ที่มีลักษณะรูปแบบการเลือกคำตอบจากกลุ่มผู้มีคะแนนสูงผิดปกติ มีลักษณะคล้ายกับข้อ 34 วิชาความรอบรู้ (รหัส 101) ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายังมีรายวิชาอื่นๆ อีก ที่มีการกระทำที่ส่อไปในทางไม่สุจริต และมีความผิดปกติของคะแนน คือผู้ที่ได้คะแนนเกือบเต็มมีจำนวนมากขึ้นในบางวิชา ซึ่งในจำนวนผู้ที่ได้คะแนนเกือบเต็มทำข้อสอบในบางข้อผิดเหมือนๆ กันด้วย จึงส่งให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยวิเคราะห์ข้อมูลส่วนนี้เพิ่มเติม
►อนุมัติตั้งอนุกรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและมัธยมศึกษา แทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน 3 เขตพื้นที่การศึกษา ดังนี้
1) นายศักดิ์ชัย พรมกระโทก เป็นอนุกรรมการผู้แทนข้าราชการครู ใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 3
2) นางบุหลัน ทองเปรม เป็นอนุกรรมการผู้แทนบุคลากรทางการศึกษาอื่น ใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม
3) นายชวนะ คำกล้า เป็นอนุกรรมการผู้แทนผู้บริหารสถานศึกษา ใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 14
►อนุมัติตั้งอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา
ที่ประชุมอนุมัติตั้ง นายออน อาจกระโทก กรรมการผู้แทนข้าราชการครู ใน ก.ค.ศ. เป็นอนุกรรมการ ใน อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเฉพาะกิจพิจารณาคัดเลือกผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ ก.ค.ศ. พิจารณาเป็นอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา
►พิจารณาถอดถอนอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา เนื่องจาก
มีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
ที่ประชุมพิจารณากรณีการถอดถอนอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา เนื่องจากมีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองและเสพ ซึ่งเป็นผู้ขาดคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการได้มา การกำหนดคุณสมบัติ วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของอนุกรรมการผู้แทน ก.ค.ศ. อนุกรรมการผู้แทนคุรุสภา อนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และอนุกรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา พ.ศ.2553 ข้อ 5(3) ซึ่งกำหนดให้อนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความซื่อสัตย์ ความยุติธรรม และไม่เคยมีประวัติเสื่อมเสียทางจริยธรรม จรรยาบรรณ การประกอบอาชีพ และไม่เคยกระทำผิดจนได้รับการลงโทษทางวินัยจากหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หน่วยงานอื่นของรัฐ หรือองค์กรระหว่างประเทศ
►เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีมีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ
โดยมีสาระสำคัญที่แตกต่างไปจากหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ด่วนที่สุด ที่ ศธ 0206.6/ว12 ลงวันที่ 19 เมษายน 2556 ดังนี้
1) ให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาเป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับการออกข้อสอบ ตรวจกระดาษคำตอบ และการประมวลผลการสอบ จากเดิมที่กำหนดให้ส่วนราชการเป็นผู้ดำเนินการ
2) กรณีผู้ดำเนินการคัดเลือก ดำเนินการคัดเลือกพร้อมกัน กำหนดให้ผู้สมัครมีสิทธิ์สมัครสอบคัดเลือกได้เพียงแห่งเดียว หากปรากฏว่าผู้สมัครสอบคัดเลือก สมัครเกินกว่าหนึ่งแห่ง ให้ผู้ดำเนินการคัดเลือกตัดสิทธิ์การสอบคัดเลือกทั้งหมดของผู้สมัครรายนั้น
3) ให้มีการสอบภาค ค ความเหมาะสมกับตำแหน่งและวิชาชีพโดยการสัมภาษณ์แทนการสอบความถนัดและเจตคติต่อวิชาชีพครู
4) ปรับคะแนนการสอบแต่ละภาค และคะแนนรวม
5) ปรับเกณฑ์การประกาศผลการคัดเลือก กรณีได้คะแนนรวมเท่ากันและให้ไปปรับเพิ่มเติมให้ สพฐ. กำหนดให้มีการสอบคัดเลือกในวันเดียวกัน
►เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการได้มา วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของอนุกรรมการใน อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้งในส่วนราชการ พ.ศ.2556 ซึ่งมีประเด็นที่เปลี่ยนแปลงจากเดิม ดังนี้
1) กำหนดให้กรณีที่เป็นอนุกรรมการใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาแล้ว เป็นอนุกรรมการใน อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้งในส่วนราชการไม่ได้
2) คุณสมบัติอื่นของอนุกรรมการผู้แทน ก.ค.ศ. อนุกรรมการผู้แทนผู้แทนคุรุสภา และอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คือ ต้องมีอายุไม่ต่ำว่า 35 ปี และไม่เกิน 70 ปีบริบูรณ์ (ตามมติของ ก.ค.ศ. เมื่อคราวประชุมครั้งที่ 13/2555 วันที่ 25 ธันวาคม 2555)
3) การได้มาของอนุกรรมการผู้แทน ก.ค.ศ. ให้สำนักงาน ก.ค.ศ. แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาที่เหมาะสม จำนวน 5 คน เพื่อทำหน้าที่สรรหาบุคคลที่มีคุณสมบัติ จำนวน 1 คน เสนอให้ ก.ค.ศ. พิจารณาแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการผู้แทน ก.ค.ศ.
4) การได้มาของอนุกรรมการผู้แทนคุรุสภา ให้สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาที่เหมาะสม จำนวน 5 คน เพื่อทำหน้าที่สรรหาบุคคลที่มีคุณสมบัติ จำนวน 2 คน เพื่อให้คณะกรรมการคุรุสภาคัดเลือกให้เหลือ 1 คน ส่งให้สำนักงาน ก.ค.ศ. เพื่อนำเสนอ ก.ค.ศ. พิจารณาแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการผู้แทนคุรุสภา
5) การได้มาของอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ให้ส่วนราชการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาที่เหมาะสม จำนวน 5 คน เพื่อทำหน้าที่สรรหาบุคคลที่มีคุณสมบัติ ด้านละสองคน ส่งสำนักงาน ก.ค.ศ. เพื่อเสนอ ก.ค.ศ. เลือกให้เหลือด้านละ 1 คน และแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ที่มา http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33187&Key=news_act