"ชินภัทร" ระบุปีการศึกษา 2556 นี้ สพฐ.ใช้กำหนดเปิดเรียนวันที่ 16 พ.ค.ของทุกปีเป็นครั้งสุดท้าย เพราะปีหน้าเลื่อนเปิดเทอมตามอาเซียนเป็นวันที่ 10 ม.ย.ของทุกปีแล้ว ชี้เรื่องทรงผมนักเรียน ถึงแม้เปิดเสรีแล้ว แต่ประชาคมในโรงเรียนยังมีสิทธิ์ พิจารณาร่วมกันหาทรงที่เป็นเอกลักษณ์ของโรงเรียนได้ ขณะที่ "พงศ์เทพ" แจงการซอยผมเป็นเรื่องปกติการตัดผม จึงยกเลิกข้อห้าม
วันที่ 16 พฤษภาคม 2556 เวลา 07.30 น. ที่โรงเรียนสตรีวิทยา เขตพระนคร คณะผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) นำโดยนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการเปิดภาคการศึกษาที่ 1/2556 ซึ่งเป็นวันเปิดภาคเรียนวันแรกโรงเรียนสังกัด สพฐ. โดยนายชินภัทรกล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่โรงเรียนเปิดเรียนเต็มรูปแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ทุกโรงพร้อมกันทั่วประเทศ หลังจากทยอยเปิดภาคเรียนตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่สำคัญการเปิดภาคเรียนของปีการศึกษา 2556 ในวันที่ 16 พ.ค.นี้ จะถือปีสุดท้าย ก่อนปรับไปเปิดในวันที่ 10 มิ.ย. ในปีการศึกษา 2557 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ที่เลื่อนปรับการเปิด-ปิดภาคเรียนให้ตรงกับมหาวิทยาลัยของชาติสมาชิกอาเซียน
เลขาธิการ กพฐ.กล่าวอีกว่า ส่วนการรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4 นั้น ขณะนี้เด็กทุกคนมีที่เรียนครบถ้วน ไม่มีรายงานว่านักเรียนคนใดไม่มีที่เรียน ที่สำคัญเนื่องจากตัวป้อนลดลง ซึ่งอาจเพราะอัตราการเกิดของประชากรลดลง ทำให้โรงเรียนชื่อดังหลายแห่งมียอดการรับนักเรียนต่ำกว่าเป้าหมาย
นายชินภัทรกล่าวถึงกรณีทรงผมนักเรียนรับเปิดภาคการศึกษา ที่ร่างกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติ การแต่งกาย และแบบทรงผมของนักเรียนนักศึกษา เปิดให้สามารถซอยผมได้ว่า จริงๆ แล้วกฎกติกาให้การผ่อนปรนถือว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ก็ขึ้นอยู่กับค่านิยมและวัฒนธรรมของโรงเรียนด้วย สพฐ.ไม่ได้ไปบังคับ แต่ก็ขอให้นักเรียนมาตกลงกันเอง ถ้ารุ่นพี่หรือประชาคมคิดว่าจะใช้ทรงผมอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ของโรงเรียน ก็ขอให้ตกลงกัน ถือว่าเป็นสิทธิของนักเรียน
ส่วนกรณีที่ผู้ปกครองมีข้อห่วงใยว่าการให้อิสระนักเรียนในการซอยผมได้จะทำให้เด็กตามแฟชั่นมากขึ้น และอาจทำให้เกิดปัญหาอาชญากรรมนั้น ตนก็เห็นด้วย ดังนั้นจึงขอให้ทุกโรงเรียนเน้นย้ำกับนักเรียนว่า แม้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะผ่อนคลายกฎระเบียบเกี่ยวกับทรงผม แต่ก็ขอให้นักเรียนคำนึงถึงกรอบของความเหมาะสม ความพอดี เพราะทุกคนมีหน้าที่ และการเป็นนักเรียนจะต้องตั้งใจเรียน และถ้ามัวแต่ไปมุ่งเกี่ยวกับเรื่องทรงผม การแต่งกาย จะทำให้จิตใจไขว้เขวออกไปจากการเรียนได้ และอาจทำให้ผู้ปกครองมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น อยากฝากถึงนักเรียนว่า อิสระเรามีได้ แต่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม
ด้านนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวชี้แจงร่างกฎกระทรวงที่ปรับแก้ถ้อยคำ โดยตัดคำว่าห้ามนักเรียนซอยผมออก ว่า การตัดประโยคดังกล่าวเป็นการตัดปัญหาการตัดผมสมัยใหม่ เพราะจริงๆ คำว่าการซอยผมจะมีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งการซอยผมเป็นเรื่องปกติของการตัดผมให้บางลง จึงคิดว่าหากใส่ประโยคห้ามดังกล่าวไปก็อาจมีปัญหาตามมาได้ อย่างไรก็ดี ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวจะมีผลก็ต่อเมื่อได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) และผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว แต่ในระหว่างนี้ก็ให้ยึดถือกฎกระทรวงปี 2518 เป็นหลัก ซึ่งทาง ศธ.ก็ทำหนังสือแจ้งไปยังสถานศึกษาทุกแห่งแล้ว.
ที่มา สยามรัฐ