ชื่อเรื่อง รายงานการใช้และพัฒนาเอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระที่ 4 ประวัติศาสตร์
เรื่อง ถิ่นนี้ที่ฉันรัก ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
ผู้รายงาน บุญลือ ศรีภูวงษ์
ปีการศึกษา 2550
บทคัดย่อ
เอกสารประกอบการเรียน ชุด ถิ่นนี้ที่ฉันรัก กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระประวัติศาสตร์ สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เป็นนวัตกรรมการศึกษาที่นำมาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้นักเรียนรักถิ่นฐานบ้านเกิดของ ตนเอง และรักประเทศชาติ สอดคล้องกับพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถเนื่องในวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2550 ที่แนะนำให้ครูสอนประวัติศาสตร์ให้เข้มค้น กล่าวคือให้ ปลูกฝังความรักชาติตั้งแต่ระดับประถมศึกษา จึงเป็นนวัตกรรมที่ใช้สอนประกอบในสาระประวัติศาสตร์ได้อย่างประสิทธิภาพ เนื่องจากนักเรียนในระดับประถมศึกษา เป็นวัยแห่งการเรียนรู้ สนองความต้องการของผู้เรียน และ หลักสูตรสถานศึกษาได้เป็นอย่างดี การศึกษาครั้งนี้มีความมุ่งหมาย 1) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพเอกสารประกอบการเรียน ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของหนังสือส่งเสริมการอ่าน 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ของนักเรียนก่อนและหลังเรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียน 4 ) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อเอกสารประกอบการเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนหินตลาดศรีสง่าวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหนองบัวลำภู เขต 1 ปีการศึกษา 2550 จำนวน 20 คน ซึ่งเป็นห้องเรียนที่ผู้รายงานได้รับมอบหมายให้เป็นครูผู้สอน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ เอกสารประกอบการเรียน ชุด ถิ่นนี้ที่ฉันรัก จำนวน 12 เล่ม ที่ผู้รายงานจัดทำขึ้น แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามวัดความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า
1. การพัฒนาเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ถิ่นนี้ที่ฉันรัก สาระประวัติศาสตร์
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ผู้รายงานสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.73 / 87.13 เป็นไปตามเกณฑ์และสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้ 80 / 80
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของเอกสารประกอบการเรียน ชุด ถิ่นนี้ที่ฉันรัก สาระประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.69 แสดงว่าผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นหลังจากเรียนด้วยแผนการเรียนรู้โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ถิ่นนี้ที่ฉันรัก เพิ่มขึ้นร้อยละ 69
3. ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแผนการเรียนรู้โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ถิ่นนี้ที่ฉันรัก สาระประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม พบว่า นักเรียนทำคะแนนทดสอบก่อนเรียน(Pre-test) ได้คะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 19.5 คะแนน จากคะแนนเต็ม 40 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 48.15 เมื่อนักเรียนได้เรียนจากแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ถิ่นนี้ที่ฉันรัก สาระที่ 4 ประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นระถมศึกษาปีที่ 5 ประกอบการสอน ทั้ง 12 เล่ม แล้วทำการทดสอบหลังเรียน (Post-test) ได้คะแนนเฉลี่ย 34.85 จากคะแนนเต็ม 40 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 87.13 แสดงว่า ผลการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน ชุด ถิ่นนี้ที่ฉันรักบง สาระที่ 4 ประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนแปลงผลการเรียนของนักเรียน (E2) คิดเป็นร้อยละ 87.13 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
สอบถามรายละเอียด หรือ ขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ joutboo@hotmail.com หรือ โทร 084-0339882