นางรัตนา ศรีเหรัญ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่าหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการ ก.ค.ศ.เมื่อเร็วๆ นี้ได้อนุมัติหลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อเยียวยาให้มีหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษแล้วนั้น ขณะนี้สำนักงาน ก.ค.ศ.ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศแล้ว โดยหลักเกณฑ์ดังกล่าวได้กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่มีสิทธิเข้ารับการพัฒนา อาทิ
- เป็นผู้ผ่านการพัฒนาตามหลักสูตรการพัฒนาให้ข้าราชการครูฯ เพื่อให้มีและเลื่อนวิทยฐานะ ตามหนังสือ สำนักงาน ก.ค.ศ.ที่ ศธ. 0206.4/0164-0169 ลงวันที่ 23 มกราคม 2552 แต่เสนอผลงานทางวิชาการแล้วไม่ผ่านการประเมินให้มีหรือเลื่อนวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ และ
- ปัจจุบันต้องดำรงตำแหน่งและปฏิบัติงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบของตำแหน่งและวิทยฐานะตามที่ได้ขอรับการประเมินไว้เดิม เป็นต้น
เลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวต่อว่า การพัฒนาและการประเมินนั้นจะแบ่งเป็นการพัฒนาตามหลักสูตรที่ ก.ค.ศ.กำหนด 200 คะแนน การพัฒนาการปฏิบัติงานในหน้าที่ 100 คะแนน การประเมินผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ 100 คะแนน และการประเมินผลงานทางวิชาการ 100 คะแนน ซึ่งผู้ที่จะผ่านการประเมินต้องได้คะแนนเฉลี่ยรวมไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 หรือ 350 คะแนน ทั้งนี้หากผู้รับการประเมินไม่ผ่านเกณฑ์ให้คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษาพิจารณาไม่อนุมัติโดยไม่ให้มีการปรับปรุงอีก โดยผู้ที่มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์และมีความประสงค์ขอรับการพัฒนา ให้ยื่นคำร้องต่อผู้บังคับบัญชาชั้นต้นและส่งถึงสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ภายในวันที่ 1-20 เมษายนนี้ และให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติและดำเนินการพัฒนาภายในช่วงวันที่ 21 เมษายน ถึง 10 พฤษภาคมนี้
"ผู้ที่ไม่ผ่านการประเมินมีอยู่ประมาณ 9,000 คนในทุกสายการปฏิบัติงาน เช่น สายผู้สอน ศึกษานิเทศก์ เป็นต้น ซึ่งคนกลุ่มนี้เคยได้รับการประเมินในระบบอีเทรนนิ่งส์มาแล้วหลังจากไม่ผ่านการประเมินในครั้งแรก แต่ก็ยังไม่ผ่านการประเมินอีกจึงทำให้ที่ประชุม ก.ค.ศ.ให้โอกาสได้รับการประเมินในครั้งนี้อีกครั้งเป็นรอบสุดท้ายแล้ว หากไม่ผ่านการประเมินก็คงไม่ได้รับการเยียวยาอีก" นางรัตนากล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน