รายงานข่าวกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงนามในหนังสือให้กรมบัญชีกลางนำเงินคงคลัง จำนวน 31,000 ล้านบาท เพื่อจ่ายให้กับผู้มีสิทธิได้เงินคืนจากโครงการรถคันแรก เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผู้มีสิทธิได้เงินคืนจากโครงการรถคันแรกนับจากสิ้นสุดปีงบประมาณ 2556 นั้น กรมสรรพสามิตแจ้งว่า ในวันที่ 5 เมษายนนี้ จะมียอดได้รับเงินคืนประมาณ 52,000 ราย คิดเป็นเงินที่ต้องจ่าย 3,400 ล้านบาท โดยทุกคนจะได้รับเงินพร้อมกันทุกราย "ปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะเงินงบประมาณที่ตั้งไว้ 7,250 ล้านบาท ไม่พอจ่าย เพราะขณะนี้เหลือเงินเพียง 392 ล้านบาท รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงต้องลงนามให้ใช้เงินคงคลัง โดยจะจ่ายเงินคืนให้เหมือนเดิมคือทุกวันที่ 5 ของทุกเดือน" แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การทำงบประมาณปี 2557 รัฐบาลต้องตั้งงบประมาณมาคืนเงินคลัง รวมถึงต้องตั้งงบประมาณเพื่อมาจ่ายคืนให้ผู้ได้สิทธิที่เหลืออีกประมาณ 50,000 ล้านบาทด้วย ซึ่งโครงการรถยนต์คันแรกมีผู้ใช้สิทธิทั้งหมดคิดเป็น 1.25 ล้านราย เป็นเงินที่ต้องจ่ายคืน 91,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้เดิมว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิ 5 แสนราย เป็นเงินที่ต้องจ่ายคืน 30,000 ล้านบาท
นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า ต้องการทำความเข้าใจว่าโครงการดังกล่าวรัฐบาลได้เก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์มาก่อนหน้าแล้ว 120,000-130,000 ล้านบาท ขณะที่การจ่ายเงินคืนให้ผู้ที่ได้รับสิทธิในโครงการทั้งสิ้น 1.25 ล้านราย เป็นเงิน 91,000 ล้านบาทนั้น มีแนวทางทยอยจ่ายคืนหลังจากประชาชนถือครองรถยนต์ครบ 1 ปี ไม่ได้เป็นการจ่ายครั้งเดียวทั้งหมด ทำให้รัฐบาลยังมีส่วนต่างที่เหลืออีก 20,000-30,000 ล้านบาท
นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การดำเนินโครงการรถคันแรกยังไม่มีเรื่องใดที่น่ากังวล เพราะที่ผ่านมาได้สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการนี้รายงานความคืบหน้าทุกเดือน โดยเฉพาะในเดือนเมษายนนี้
ที่มา:มติชนรายวัน 1 เมษายน 2556