"พงศ์เทพ" ตัดสินใจให้สถาบันอุดมศึกษาดูแลจัดสอบครูผู้ช่วยทั่วไปเดือน เม.ย.นี้แทน สพฐ. เชื่อมีปัญหาน้อยแน่และตัดหนทางโกง โดยเปิดให้สมัครสอบได้หลายที่ แต่ต้องเลือกว่าจะไปสอบสนามไหนเพียงแห่งเดียว หากไม่มีการยืนยันจะถูกตัดสิทธิ์ทันที ยันหากผลสอบดีเอสไอชี้ชัดใครผิดฟันไม่เว้นแม้นักการเมืองพรรคเดียวกัน
ผลสืบเนื่องจากการทุจริตสอบบรรจุครูผู้ช่วย เหตุจำเป็นพิเศษ (ว12) ทำให้นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงการจัดสอบครูผู้ช่วยทั่วไปของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่สอบประมาณเดือน เม.ย.56 รูปแบบการสอบนั้น ได้มีการพูดคุยกับนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศธ. และนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) แล้ว เห็นว่าจะต้องมุ่งเน้นให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรมมากที่สุด อาจจะต้องมีการปรับปรุงรูปแบบการจัดสอบให้มหาวิทยาลัยมาออกข้อสอบและดำเนินการจัดสอบ เพราะน่าจะมีปัญหาน้อยกว่าการที่ สพฐ.จะเป็นผู้ดำเนินการเอง เบื้องต้นมอบหมายให้นายชินภัทรเป็นผู้ไปจัดหาสถาบันอุดมศึกษาที่รับทำเรื่องนี้มาเสนอ
นอกจากนี้ จะมีการกำหนดให้ชัดเจนไปเลยว่าผู้ที่จะสมัครสอบสามารถสมัครได้กี่แห่ง เพื่อป้องกันไม่ให้มีการสมัครสอบหลายที่ แล้วมีการให้บุคคลอื่นไปนั่งสอบแทน ซึ่งวิธีการหนึ่งที่มีการพูดถึงก็คือ อาจจะเปิดโอกาสให้สมัครได้หลายที่ แต่ก่อนถึงวันสอบผู้สมัครสอบจะต้องแจ้งว่าจะเลือกสอบที่เขตพื้นที่การศึกษาใด เพื่อที่ระบบจะได้ตัดรายชื่อออกจากเขตพื้นที่ฯ อื่นๆ ที่ไปสมัครไว้ หากใครไม่แจ้งเขตพื้นที่ฯ ที่จะเข้าสอบตามวันเวลาที่กำหนด ระบบก็จะตัดสิทธิ์ในการเข้าสอบทันที ซึ่งวิธีการนี้ก็เป็นวิธีการหนึ่งที่น่าสนใจ และน่าจะสามารถป้องกันการวิ่งลอกสมัครสอบและให้บุคคลอื่นไปสอบแทนได้
ส่วนกรณีที่ดีเอสไอจะเรียกผู้ที่สอบได้คะแนนสูง 486 รายที่สอบบรรจุครูผู้ช่วย เหตุจำเป็นพิเศษ (ว12) มาสอบปากคำนั้น ก็ถือเป็นช่องทางหนึ่งที่จะทำให้รู้ว่ามีความผิดปกติอย่างไร แต่ก็ต้องสอบในประเด็นอื่นๆ ที่คิดว่าน่าจะเป็นองค์ประกอบในการจูงใจให้เกิดการทุจริตสอบด้วย เช่น เหตุใดมีภูมิลำเนาอยู่อีกที่หนึ่ง แต่กลับไปสมัครข้ามเขต ซึ่งลักษณะเช่นนี้บางคนอาจจะมีเหตุผลที่พอฟังได้ หรือบางคนอาจจะฟังแล้วน่าจะเป็นเรื่องที่ผิดปกติ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การจะยกเลิกผลการสอบดังกล่าวหรือไม่นั้น ต้องรอฟังผลสรุปของดีเอสไอในวันที่ 18 มี.ค. หากมีข้อมูลที่ครบถ้วนรอบด้าน ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) นัดพิเศษ ก็น่าจะพิจารณาในบางประเด็นได้
"ถ้าผลสอบดีเอสไอออกมา ใครเข้ามามีเอี่ยวด้วย จะเป็นข้าราชการระดับสูง หรือนักการเมืองระดับชาติคนใดก็ตาม ร่วมกันกระทำความผิด ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด แม้จะเป็นนักการเมืองพรรคเดียวกันก็ไม่ละเว้น ยิ่งมีกระแสข่าวว่า มีการแอบอ้างว่าทุจริตหาเงินมาให้ รมว.ศธ. ทางดีเอสไอยิ่งต้องตรวจสอบให้ละเอียด จะได้ชัดเจนกันไปเลย และจะได้รู้ด้วยว่าใครเป็นคนเอาชื่อรัฐมนตรีไปแอบอ้างทำเรื่องแย่ๆ แบบนี้ ซึ่งก็ต้องมีการดำเนินการทั้งวินัยและอาญา".
ที่มา ไทยโพสต์ วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556