เรื่องของน้องปลา....
วันนี้พี่เขาขอเก็บสาระดีๆเกี่ยวกับ "ปลา" มาฝากค่ะ เราคงเคยได้ยินได้ฟังมามากแล้วนะคะว่า "ปลา" เป็นอาหารที่มีประโยชน์และควรอย่างมากที่เราจะทานกัน หลายคนบอกว่าทานปลาแล้วจะทำให้ฉลาด บางคนบอกว่าทานปลาแล้วจะช่วยให้อายุยืน แต่ลึกๆแล้วเชื่อว่าหลายคนก็คงยังไม่ทราบนะคะ ว่าเหตุใดเขาจึงพูดกันอย่างนั้น
วันนี้เราไปเจาะให้ลึกลงไปเลยดีกว่าว่า "ปลา" มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราอย่างไรบ้าง และทำไมเราจึงจำเป็นต้องทานปลา
คุณค่าทางโภชนาการของปลา
1.เป็นแหล่งโปรตีนที่ย่อยง่ายและคุณภาพดี ซึ่งร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ทันที โปรตีนมีหน้าที่สำคัญคือ เสริมสร้างการเจริญเติบโต ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ควบคุมการทำงานของร่างกาย เป็นองค์ประกอบของของ ฮอร์โมน , เอนไซม์ , สารต้านทานโรค , สารพันธุกรรม และสารสื่อประสาท
นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งสำรองพลังงานของร่างกาย การที่ร่างกายได้รับโปรตีนที่มีคุณภาพดีอย่างเพียงพอ จะช่วยให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.ไขมันจากปลาเป็นไขมันชนิดอิ่มตัวไม่ทำให้เกิดการอุดตันในเส้นเลือด กรดไขมันที่พบในปลาเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย(essentian fatty acid หรือ EFA ) ซึ่งมี w3 (โอเมก้า3)และw6 (โอเมก้า6) อยู่ในปริมาณที่สูงเป็นประโยขน์ต่อร่างกายโดยขบวนการทางชีวเคมี นอกจากนั้นยังถูกนำไปเผาผลาญให้เกิดพลังงานเพื่อดำรงชีวิต
3.เป็นแหล่งเเร่ธาตุไอโอดีน โดยเฉพาะปลาทะเลและอาหารทะเลทุกชนิดจะมีธาตุไอโอดีนสูง ช่วยป้องกันโรคคอพอก ดังนั้นถ้าเรากินปลาทะเลและอาหารทะเลอยู่เป็นประจำจะมีโอกาสเป็นโรคนี้น้อยมาก ในคนที่ขาดธาตุนี้จะทำให้การเจริญเติบโตช้า สติปัญญาไม่เฉลียวฉลาดหรือที่เรียกกันว่า "โรคเอ๋อ"
4.นํ้ามันตับปลา เป็นแหล่งให้วิตามิน เอ,ดี ที่สำคัญ
วิตามิน เอ มีหน้าที่ควบคุมเยื่อบุผิวต่างๆให้เป็นปกติ ประโยชน์ของวิตามินเอคือ
- ช่วยการมองเห็นในที่มืด ป้องกันไม่ให้เกิดโรคตาฟางในเวลากลางคืน ป้องกันเยื่อตาขาวแห้ง
- ทำให้การเจริญและพัฒนาของเซลล์บุผิว เป็นปกติ [Growth and differentiation of epithelial cells] รวมทั้งเป็นสารที่จำเป็นต่อการสร้างเมือก [Mucous] ของเซลล์บุผิว
- มีบทบาทในการเจริญเติบโตของกระดูก ฟัน อัณฑะ รังไข่ และทารกในครรภ์
อาการของการขาดวิตามิน เอ ถ้าขาดวิตามิน เอ จะทำให้เกิดมีอาการต่างๆดังนี้คือ
- เกี่ยวกับตา แรกเริ่มที่ขาดวิตามิน เอ จะทำให้เยื่อตาแห้งเหี่ยวย่น ตามัว ขาดน้ำตาหล่อเลี้ยงลูกตา เพราะว่าเกิดการอุดตันของท่อน้ำตา เกิดการกลัวแสงสว่าง แก้วตาอาจจะเป็นแผล และถ้ามีการติดเชื้อร่วมด้วยจะทำให้ตาบอดได้ อาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่
- เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ทำให้เยื่อบุทางเดินหายใจลอกหลุดได้ง่าย และง่ายต่อการติดเชื้อ
- เกี่ยวกับผิวหนัง จะทำให้ผิวหนังมีลักษณะแห้ง หยาบกร้านเป็นเกล็ด มีเม็ดผื่นขึ้นเป็นตุ่มบริเวณช่องเปิดของรูขุมขน
- เกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ จะทำให้เกิดการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะและอาจเกิดนิ่วได้
วิตามิน ดี มีหน้าช่วยในการดูดซึมและขนส่งแคลเซียมและฟอสฟอรัสบริเวณลำไส้ ทำให้การสร้างกระดูกเป็นไปอย่างปกติ
ปลากับสุขภาพของดวงตา
การกินปลาดีกับสุขภาพหลายอย่าง โดยเฉพาะสุขภาพของหัวใจ เส้นเลือด และสมอง วันนี้มีข่าวดีสำหรับคนที่กินปลาบ่อยๆ เพราะว่าจะมีส่วนช่วยป้องกันโรคตาบอดในคนสูงอายุได้ค่ะ
คนสูงอายุมีความเสี่ยงต่อโรคจอตาเสื่อมมากขึ้น โรคนี้อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นบางส่วน จนถึงตาบอดได้และโรคจอตาเสื่อมในคนสูงอายุ มีความสัมพันธ์กับการกินอาหารที่มีไขมันสูงเกินไป
อาจารย์ ดร.จี จิน หวัง แห่งมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ออสเตรเลีย ทำการศึกษาในคนสูงอายุ 3,600 คน และติดตามผลไปนานถึง 5 ปี ได้ผลการทดลองออกมาอย่างที่เห็นครับ
- กลุ่มคนที่กินปลามากคือ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคจอตาเสื่อมเมื่ออายุมากขึ้น น้อยกว่ากลุ่มที่กินปลาน้อยถึง 40 % (กลุ่มที่ทานปลาน้อยคือ น้อยกว่าเดือนละ 1 ครั้ง)
- แต่กลุ่มตัวอย่างที่กินปลาสัปดาห์ละ 3 ครั้งจะมีโอกาสเป็นโรคจอตาเสื่อมเมื่ออายุมากขึ้นน้อยกว่ากลุ่มอื่นๆมาก
อาจารย์หวังท่านสันนิษฐานว่า ผลดีของการกินปลาต่อสุขภาพตาน่าจะเป็นผลจากการได้รับน้ำมันโอเมก้า-3
น้ำมันโอเมก้า-3 เป็นไขมันชนิดอิ่มตัวและมีประโยชน์ต่อร่างกายมาก พบได้มากในอาหารจำพวกปลาโดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึก เช่นปลาซาดีน ปลาเซลมอนและปลาทูน่า นอกจากนั้นยังพบมากในน้ำมันเมล็ดแฟล็ก (flaxseed) น้ำมันวอลนัท และน้ำมันถั่วเหลือง
ผู้ที่กินปลาทะเล หรือน้ำมันปลาเป็นประจำทุกสัปดาห์อยู่แล้วจะมีสุขภาพตาดีไปได้ยาวนาน และนอกจากการทานปลาแล้ว การควบคุมน้ำหนัก การไม่ทานอาหารรสเค็มจัดบ่อยๆ การออกกำลังกาย ก็มีส่วนช่วยป้องกันดวงตาจากโรคเบาหวานขึ้นตา และโรคความดันเลือดสูงได้อีกด้วย
แหล่งข้อมูลบางส่วนจาก gotoknow.
ปลาที่มีความสดใหม่เมื่อนำมาทอดหนังปลาจะไม่ค่อยติดกระทะ ต่างกับปลาที่ไม่สดเมื่อทอดแล้วหนังปลาจะติดกระทะค่ะ
วิธีแก้ คือ
• หลังจากขอดเกล็ดปลาเสร็จแล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาด
• ซับเนื้อปลาให้แห้ง แล้วใช้น้ำมะนาวทาให้ทั่วก่อนคลุกด้วยเกลือป่น
• แล้วค่อยนำลงทอดในน้ำมันที่ร้อนจัดและต้องใช้น้ำมันมากพอสมควร
•รอจนปลาลอยตัวขึ้นมาจึงค่อยพลิกกลับอีกด้านหนึ่ง
•น้ำมันที่มีความเหมาะสมในการทอดปลาคือ น้ำมันจากสัตว์ หรือน้ำมันปาล์ม
เพื่อนๆคะทานปลาแล้วอย่าลืมงดอาหารที่มีไขมันชนิดไม่อิ่มตัว เช่น เนื้อไก่ เนื้อหมู เนื้อวัว กะทิ หรือน้ำมันปาล์มด้วยนะ ถ้าเป็นไปได้หลีกเลี่ยงไม่ทานเลยจะดีกว่า หันมาทานอาหารที่ให้ไขมันที่มีคุณภาพดีอย่างปลากันเถอะครับ แล้วเราจะได้สุขภาพที่ดี มีอายุยืนยาวอย่างชาวญี่ปุ่นหรือชาวแอสกิโม ที่เขาทานปลาและอาหารทะเลกันเยอะมากยังไงละคะ