คอลัมน์: สถานี ก.ค.ศ.: การปลอมลายมือชื่อข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ด้วยกันไปหาประโยชน์
สามารถ ข่าวดี
ผู้อำนวยการภารกิจกฎหมาย อุทธรณ์ และร้องทุกข์
ด้วยปรากฏว่ายังมีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ปลอมลายมือชื่อข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาด้วยกันไปหาประโยชน์ ดังเช่นกรณีปลอมลายมือชื่อในการกู้เงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครู โดยที่อาจไม่ทราบว่าการกระทำเช่นนี้คณะรัฐมนตรีให้ถือว่าเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และมีความผิดตามมาตรา 94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา พ.ศ.2547 กรณีกระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงระดับโทษถึงขั้นปลดออกหรือไล่ออกจากราชการ แม้ว่าภายหลังจะนำเงินมาคืนผู้เสียหายครบจำนวนแล้วก็ตาม ก็มิได้ทำให้การกระทำความผิดฐานปลอมลายมือชื่อผู้อื่นที่เป็นความผิดสำเร็จแล้วนั้นกลับกลายเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่ง ก.ค.ศ.ก็ได้ยึดถือปฏิบัติเป็นแนวทางในการพิจารณาโทษข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ที่มีพฤติการณ์ดังกล่าวแล้ว โดยมีการกำหนดมาตรฐานในการพิจารณาโทษ คือ กรณีปลอมลายมือชื่อผู้อื่น เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการหรือบุคคลอื่นอย่างร้ายแรง ระดับโทษไล่ออกหรือปลดออกตามความร้ายแรงแห่งกรณี ซึ่งกรณีนี้ได้มีมติคณะรัฐมนตรี ตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0505/ว 197 ลงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2548 เรื่อง การพิจารณาการกระทำผิดวินัยของข้าราชการ ได้แจ้งให้ส่วนราชการและคณะกรรมการข้าราชการตามกฎหมายต่างๆ ถือปฏิบัติว่า "ในกรณีข้าราชการกระทำผิดวินัย โดยปลอมลายมือชื่อของผู้อื่นไปหาประโยชน์ ให้ถือเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงและลงโทษอย่างน้อยปลดออกจากราชการ" โดยถือเป็นความผิดตามมาตรา 94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณีกระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
ซึ่งสำนักงาน ก.ค.ศ.ได้เคยมีหนังสือแจ้งเวียนกำชับให้ส่วนราชการต่างๆ ทราบ ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค. ที่ ศธ 1506/ว 3 ลงวันที่ 21 เมษายน 2537 เรื่อง การปลอมลายมือชื่อข้าราชการครูด้วยกันไปหาประโยชน์ เพื่อเป็นการยับยั้งและป้องปรามมิให้ข้าราชการครูกระทำผิดวินัยในกรณีทำนองนี้อีก รวมทั้งเป็นการซักซ้อมให้ข้าราชการครูทราบถึงมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว นอกจากนี้ การปลอมลายมือชื่อของผู้อื่นเพื่อไปใช้ประโยชน์ยังถือว่าเป็นการปลอมเอกสาร เป็นความผิดทางอาญา ตามมาตรา 264 แห่งประมวลกฎหมายอาญามีโทษปรับหรือจำคุกหรือทั้งจำ ทั้งปรับอีกด้วย
จึงขอแจ้งให้เพื่อนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ทราบถึงโทษของการปลอมลายมือชื่อของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาด้วยกันไปกู้เงินสหกรณ์ โดยที่ผู้ถูกอ้างชื่อไม่ทราบหรือมิได้มอบหมาย หรือยินยอมแต่ประการใด แม้ผู้ที่ปลอมลายมือชื่อจะนำเงินมาชดใช้คืนจนครบจำนวนแล้วก็ตาม ก็มิได้ทำให้การปลอมลายมือชื่อของผู้อื่นไปกู้เงินสหกรณ์ที่เป็นความผิดสำเร็จแล้วนั้น เป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมายได้ อีกทั้งอาชีพข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นอาชีพที่มีเกียรติ และข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา มีหน้าที่อบรมสั่งสอนศิษย์ให้เป็นคนดี และต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ เพื่อที่จะเติบโต เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติในอนาคต หากข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากระทำผิดวินัยหรือประพฤติชั่วเสียเองแล้ว จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ศิษย์ได้อย่างไร จึงขอให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พึงทราบถึงโทษของการปลอมลายมือชื่อของผู้อื่นไปกู้เงินสหกรณ์ว่าจะต้องได้รับโทษทางวินัยอย่างร้ายแรงถึงขั้นไล่ออกหรือปลดออกทีเดียว
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน