ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้นโยบายด้านการศึกษาแก่ผู้บริหารการศึกษา ข้าราชการ ครู และบุคลากรทางการศึกษา ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ณ โรงแรม FX อำเภอเกาะสมุย ในระหว่างการเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ครั้งที่ ๔๓ โดยมีนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งผู้บริหารสถานศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษาทุกสังกัดในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้าร่วมรับฟังนโยบายกว่า ๘๕๐ คน
รมว.ศธ.กล่าวตอนหนึ่งว่า เป้าหมายของการเดินทางมาในครั้งนี้ เพื่อมาปรึกษาหารือว่าจะทำอย่างไรให้ลูกหลานของเรามีอนาคตที่ดีกว่าเรา จะทำอย่างไรให้ชีวิตครูมีจิตนาการ มีความใฝ่ฝัน มีความคิดสร้างสรรค์ มีขวัญและกำลังใจในการสอนลูกหลานของเรา ลดปัญหาการคอรัปชันในวงการศึกษา โดยจะดำเนินการอย่างจริงจังในเรื่องของการรีดเลือดครู ซึ่งในภาคใต้ยังพบไม่มากนัก และการซื้อข้าวของโดยเอาสตางค์ทอน ซึ่งตนมีวิธีการตรวจสอบในเรื่องนี้
อีกประเด็นที่สำคัญคือ “องค์กรที่ดี ไม่ควรใช้คนไม่ดีไปดูแล” โดยในเรื่องนี้ได้ฝากให้ปลัด ศธ.ไปดูแลการบริหารงานในหน่วยงานต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งเรื่องการสรรหารองเลขาธิการ สกสค.ที่ต้องการให้มีเพียง ๓ คนเท่านั้น เพราะเงินเดือนของผู้บริหาร สกสค.สูงมาก เข่น ตำแหน่งเลขาธิการ สกสค.ได้รับ ๑.๕ แสนบาท การนำเงินของครูมาใช้จึงต้องให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
รมว.ศธ.ได้กล่าวในประเด็นความก้าวหน้าของครู เช่น วิธีการเลื่อนวิทยฐานะ ซึ่งเดิมครูจะต้องทำผลงานทางวิชาการ จัดทำเอกสารงานวิจัยจำนวนมาก ทำให้ครูต้องละทิ้งห้องเรียน แต่การประเมินแนวใหม่ จะนำคะแนนที่ได้จากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและผลสอบ O-Net หรือ National Test มาเป็นผลงานของครู และผลสอบของนักเรียนทั้งห้องที่ใช้เทียบกับ Percentile ของชาติ ก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการเลื่อนวิทยฐานะของครูด้วย สำหรับครูผ้สอนสาขาวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี จะมีการเพิ่มสมรรถนะ โดยให้ สสวท.เป็นผู้ดำเนินการสอบเทียบเพื่อเพิ่มสมรรถนะ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ฝากขอให้เน้นหลักสูตรใหม่ให้เด็กคิดเป็นทำเป็น มีการนำแท็บเล็ตเป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียนรู้และค้นคว้าข้อมูล ซึ่ง ศธ.ยืนยันว่ามีแผนดำเนินการจัดซื้อแท็บเล็ตเพิ่มเติมสำหรับนักเรียน ป.๑ ใหม่ ในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ไว้เรียบร้อยแล้ว
สำหรับการสอบข้อสอบ O-Net หรือ National Test นั้น ได้ขอให้ สทศ.จัดทำคลังข้อสอบโดยให้ครูผู้สอนเป็นผู้ออกข้อสอบเอง และออกข้อสอบที่สอนในห้องเรียน เช่น ครูสอนวิชาสังคมชั้น ป.๒ ก็ให้ออกข้อสอบแข่งกัน หาก สพฐ.เลือกข้อสอบของครูรายใดไปใช้สอบในระดับต่างๆ ก็จะต้องจ่ายค่าข้อสอบข้อนั้นให้ครูคนนั้นด้วย ซึ่งการจัดทำคลังข้อสอบนี้จะช่วยให้เรามีข้อสอบมาตรฐานจำนวนมาก นักเรียนสามารถมาสอบได้เองหลายครั้ง เพราะความยากง่ายของข้อสอบเท่ากัน เพียงแต่จะ random ข้อสอบข้อใดออกมา
เรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง คือ ศธ.ได้ปรับปรุงแก้ไขเกณฑ์การสอบของครูผู้ช่วย คือ ต่อไปนี้ผู้ที่จะสมัครสอบเป็นครูผู้ช่วย ไม่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูก็สอบบรรจุได้ แต่ต้องมีใบอนุญาตปฏิบัติการสอน ซึ่งใช้เวลาในการเข้ารับการอบรมให้ผ่าน ๙ มาตรฐาน ก็สามารถสมัครเป็นครูผู้ช่วยได้ และระหว่างปฏิบัติงานในตำแหน่งครูผู้ช่วยภายใน ๒ ปี จะต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู แต่หากไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ก็ไม่สามารถเป็นข้าราชการต่อได้ ซึ่งเชื่อว่าการเปิดโอกาสครั้งนี้จะแก้ไขปัญหาครูขาดแคลน และทำให้ได้คนเก่งๆ ในสาขาต่างๆ เช่น วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ สถาปัตยกรรม วิศวกรรม ฯลฯ เข้ามาสอบได้ โดยเฉพาะในระดับอาชีวศึกษาที่ขาดแคลนมาก แม้จะมีคนเก่งทางด้านช่างเป็นจำนวนมาก แต่ไม่ได้เรียนครู จึงเป็นครูไม่ได้ ฉะนั้นการปรับมาตรฐานนี้จะเปิดช่องให้ได้คนเก่งเข้ามาเป็นครูผู้สอนมากขึ้น ซึ่งมาตรฐานตำแหน่งนี้จะมีผลบังคับใช้ในการสรรหาเพื่อบรรจุและแต่งตั้งในตำแหน่งครูผู้ช่วยในสถานศึกษาสังกัด ศธ. ทั่วประเทศ นอกจากนี้จะทำให้ไม่ต้องไปเรียน ป.บัณฑิต ซึ่งที่ผ่านมา ป.บัณฑิตก็มีปัญหาอย่างมาก แนวทางดำเนินการเช่นนี้ จะทำให้มีน้องๆ ที่เก่งในหลายสาขาเข้ามาเป็นครู ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการเตรียมคนเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนด้วย
รมว.ศธ.กล่าวด้วยว่า ปรัชญาที่สำคัญของ ศธ.ในวันนี้ คือ การทำให้กระทรวงศึกษาธิการไทยใสสะอาด ซึ่งเป็นเรื่องที่ดำเนินการอย่างจริงจัง โดยถือเป็นครั้งแรกที่นำผู้บริหารระดับสูงของ ศธ.ทุกคนไปพบ ปปช. เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาคอรัปชัน ย้ำว่าวันนี้ ศธ.จะขจัดการทุจริตคอรัปชันในวงการศึกษาอย่างจริงจัง เช่น กรณีที่มีเรื่องการร้องเรียนและกล่าวหาการทุจริต ๓ เรื่องใน สกสค. ก็ได้เร่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงข้อกล่าวหาการทุจริตต่างๆ ดังกล่าว ๓ ชุด ซึ่งจะทราบผลการสืบสวนภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ ส่วนประเด็นการทุจริตจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษานั้น ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ตนจะแถลงรายละเอียดต่อสื่อมวลชน ซึ่งสังคมจะได้รับทราบว่าในวันที่ผ่านมา ใครทำอะไรเอาไว้บ้าง
ที่มา http://www.moe.go.th/websm/2012/oct/278.html