ถึงพี่น้องชาวแผนและท่านที่สนใจทุกท่านครับ
จดหมายฉบับนี้ออกเร็วมาก ตามฉบับที่ 6 มาติดๆเลย เนื่องจากต้องการส่งข่าวเรื่องงบแปรญัตติให้พี่น้องชาวแผนได้ทราบ สำหรับเรื่องเดิมที่เป็น Talk of the Town คือ เรื่องเงินตกเบิกวิทยฐานะกับเรื่องเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวก็ขอคุยนิดหน่อยครับ ขณะนี้สำนักงบประมาณได้โอนงบประมาณปี 2556 ในส่วนของงบบุคลากรและงบดำเนินงานมาให้ สพฐ.เรียบร้อยแล้ว ส่วนงบลงทุน งบอุดหนุนและรายจ่ายอื่นคงโอนมาให้เร็วๆนี้ ก็หมายความว่า บุคลากรทุกคนของ สพฐ.จะได้รับเงินเดือนและค่าจ้างต่อเนื่องไปโดยไม่มีขาดตอน ยกเว้น น้องๆ ที่ยังไม่ได้ต่อสัญญาจ้าง( สพฐ.แจ้งให้ต่อสัญญาหมดแล้ว เหลือแต่พนักงานราชการ ซึ่ง สพร.จะแจ้งเร็วๆนี้ครับ) เรื่องนี้เป็นเรื่องจ้างต่อเนื่อง สพท.ทำสัญญาได้เลยครับ ทำแบบมีเงื่อนไข และให้ย้อนไปตั้งแต่ 1 ตุลาคม นี่เป็นคำแนะนำสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ต่อสัญญา มีน้องๆถามในกระทู้ว่า ครูขาดแคลนวิกฤติจะจ้างต่อไหม ครูวิทย์-คณิตจะจ้างต่อไหม ขอเรียนให้ทราบอีกครั้งครับ ต่อทุกอัตราครับ
เงินตกเบิกวิทยฐานะ
ขณะนี้งบประมาณสำหรับเบิกจ่ายตกเบิกวิทยฐานะมาถึง สพฐ.เรียบร้อยแล้ว ผมประสานไปยังเจ้าหน้าที่ที่ทำเรื่องเงินตกเบิกวิทยฐานะของ สพร.(คุณเขมจิรา) ทราบว่า ขณะนี้ สพร.ให้ทุกเขตพื้นที่ยืนยันข้อมูลไปยัง สพฐ.ว่ามีครูและบุคลากรทางการศึกษาท่านใดบ้างที่จะได้รับเงินตกเบิกในครั้งนี้และจะได้รับเท่าไร โดยให้ยืนยันไปที่ สพฐ.ภายในวันศุกร์ที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา จากนั้น สพร.ก็จะแจ้ง สนผ.ที่ผมดูแลอยู่ว่าจะใช้เงินเงินเท่าไร(สนผ.เตรียมไว้พร้อมแล้วครับ) และขออนุมัติท่านเลขาธิการ เมื่อท่านเลขาธิการอนุมัติ ก็จะแจ้งเขตพื้นที่ให้ทำเรื่องเบิกเงินให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาดังกล่าว จากนั้นจะเร็วจะช้าก็อยู่ที่เขตพื้นที่แล้วละครับ เอ้า เริ่มตรวจสอบตั้งแต่ขั้นแรกเลย เขตแจ้งยืนยันไปยัง สพฐ.หรือยังเอ่ย และสิ้นตุลาคมนี้เงินเดือนและค่าตอบแทนวิทยฐานะก็จะปรับเป็นปัจจุบัน คือ รับอัตราใหม่กันไปเลย อิจฉาจัง
เงินเพิ่มค่าครองชีพ
ขณะนี้เรื่องการปรับอัตราค่าจ้างให้สอดคล้องกับระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวฯที่ สพฐ.เสนอเข้า ค.ร.ม.นั้น ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (ฝ่ายเศรษฐกิจ)ซึ่งมีท่านกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการเรียบร้อยแล้ว ผมและคณะเป็นผู้ไปชี้แจงแทนท่านเลขาธิการ กพฐ. โดยชี้แจงถึงความเป็นมาและเหตุผล ความจำเป็นที่ต้องนำเรื่องเข้า ค.ร.ม. บรรยากาศและท่าทีของกรรมการกลั่นกรองแต่ละท่านดีมากครับ ผมออกจากห้องประชุมมาด้วยความหวังที่จะเป็นจริง ที่ประชุมมีมติ 1) มอบหมายให้กรมบัญชีกลางรวบรวมจำนวนเจ้าหน้าที่/ลูกจ้างที่ได้รับค่าจ้างรายวัน/รายเดือนในลักษณะจ้างเหมาของส่วนราชการต่างๆทั้งหมด เพื่อนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองฯพิจารณาภายใน 2 สัปดาห์ 2) มอบหมายให้สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางหารือร่วมกันในการพิจารณาหาแหล่งเงินที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินการปรับอัตราค่าจ้างสำหรับลูกจ้างรายเดือน นักการภารโรงและบุคลากรอื่นๆของ สพฐ.และส่วนราชการอื่นๆที่ดำเนินการจัดจ้างในลักษณะเดียวกันนี้ เพื่อนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองฯพิจารณาภายใน 2 สัปดาห์ 3) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองฯไปดำเนินการต่อไป ซึ่งรายละเอียดปรากฏในหนังสือ ที่ นร 0506(คกก.4)/545 ลงวันที่ 20 กันยายน 2555 Click รายละเอียดมติคณะกรรมการกลั่นกรอง ที่แนบมาพร้อมจดหมายฉบับนี้ และคาดว่าเรื่องดังกล่าวคงถูกบรรจุเข้าในว่าของการประชุม ค.ร.ม.เร็วๆนี้ พูดแบบนี้ น้องๆหลายคนก็เขียนต่อว่าผมมาในกระทู้ว่า อ่านจดหมายของผมแล้วก็ยังไม่ชัดเจน ต้องบอกมาเลยว่าจะเข้า ค.ร.ม.เมื่อไร ผลจะเป็นอย่างไร หลอกให้มีความหวังไปเรื่อยๆ ก็ขอให้ท่านผู้อ่านโปรดใช้ดุลยพินิจเอาเองครับว่าผมมีพฤติกรรมอย่างที่ว่าหรือเปล่า
การจัดซื้อครุภัณฑ์การศึกษา
ในรอบปีที่ผ่านมา สพฐ.ได้จัดสรรงบประมาณรายการครุภัณฑ์ให้ สพท.และโรงเรียนหลายรายการ และในปี 2556 นี้ ก็มีงบแปรญัตติที่เป็นรายการครุภัณฑ์การศึกษาอีก 1,500 ล้านบาท ก็มีคนถามกันเข้ามามากเลยว่าครุภัณฑ์การศึกษาดังกล่าวมีรายการอะไรบ้าง ขอเรียนว่า มีมากมายหลายอย่างเลยครับ นิยามง่ายๆของค่าครุภัณฑ์ก็คือ รายจ่ายเพื่อซื้อ แลกเปลี่ยน จ้างทำหรือทำสิ่งของที่มีลักษณะคงทนถาวร มีอายุการใช้งานในระยะเวลาประมาณ 1 ปีขึ้นไปและมีราคาหน่วยหนึ่งหรือชุดหนึ่งเกิน 5,000 บาท ครุภัณฑ์รายการใดมีคุณลักษณะเฉพาะ(Specification)และราคากลางอยู่แล้วก็ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไรนัก แต่รายการใดที่ไม่มีคุณลักษณะเฉพาะและราคากลางก็เป็นปัญหาในทางปฏิบัติในบางพื้นที่พอสมควร บางแห่งก็ดำเนินการไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการและตนเองอยู่เนืองๆ ขอเรียนให้ทราบว่า ครุภัณฑ์รายการใดมีคุณลักษณะเฉพาะและราคากลางก็ดำเนินการไปตามนั้น ราคาท้องถิ่นอาจสูงหรือต่ำกว่าราคากลางก็อาจเป็นไปได้ แต่ถ้าไม่มีคุณลักษณะเฉพาะหรือราคากลาง ให้หน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณดำเนินการดังนี้
1) แต่งตั้งคณะกรรมการอย่างน้อย 3 คน โดยมีผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่มีความรู้ในครุภัณฑ์ที่กำหนดร่วมเป็นกรรมการด้วย
2) คณะกรรมการต้องกำหนดรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะครุภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ เปิดกว้างให้มีการแข่งขันในการเสนอราคาอย่างกว้างขวางภายในวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรรและคุณภาพเหมาะสมกับราคา
3) ห้ามกำหนดรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะที่กีดกันสินค้าไทยเข้าเสนอราคา
4) กรณีครุภัณฑ์ที่กำหนดมีผู้ผลิตได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(มอก.)ตั้งแต่ 3 รายขึ้นไป ให้ระบุหมายเลข
มอก.เป็นรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ
ที่ผ่านมามีสำนักงานเขตพื้นที่และโรงเรียนหลายแห่งไม่ได้ดำเนินการตามนี้ ทั้งนี้อาจเป้นเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือเจตนาก็ตาม เมื่อได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อจัดซื้อครุภัณฑ์แล้ว ก็ไปหยิบคุณลักษณะเฉพาะของสถานประกอบการแห่งใดแห่งหนึ่งมาใช้เลย หรืออาจมีคนปรารถนาดีประสงค์ร้ายนำคุณลักษณะจากที่ไหนไม่รู้มาให้ซื้อตามนั้น เป็นเรื่องอันตรายมาก ซ้ำร้ายไปกว่านั้นตอนตรวจรับครุภัณฑ์ก็ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญอีก เขาส่งอะไรให้ก็เซ็นรับทั้งหมด เรื่องนี้ต้องระมัดระวังมากๆครับ เพราะคนที่แสวงหาผลประโยชน์นั้น มักไม่ค่อยคำนึงถึงว่าคนอื่นจะเดือดร้อนหรือไม่ ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ก็พอ ซึ่งคนประเภทนี้เป็นบุคคลที่น่ารังเกียจมาก
ส่งท้าย
ผมไม่ได้ตอบกระทู้ในรายการจดหมายเปิดผนึกมาสองฉบับแล้ว แต่อ่านทุกกระทู้เลยนะครับ ในระยะหลังๆนี้มีคำถามเพื่อต้องการคำตอบมีน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นการระบายอารมณ์ รำพึงรำพันถึงความทุกข์ยากในการทำงาน ก็รับฟังและพยายามช่วยเหลือครับ แต่ที่รับไม่ค่อยได้ก็คือ การใช้ถ้อยคำหยาบคาย ใส่ร้ายคนอื่นโดยที่ไม่มีมูล ซึ่งคำต่างๆดังกล่าวไม่เหมาะที่จะเผยแพร่สู่สาธารณชน ซึ่งก็เป็นเพียงคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ผมคิดว่าอยู่แค่หลักสิบคนเท่านั้น เพราะค่อนข้างจำสำนวนการพูดการเขียนได้ ซึ่งทำให้คนหลักหมื่นเสียหายไปด้วย ซึ่งผมคิดว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่สร้างสรรค์ ซึ่งผิดกับที่ผมเคยเห็นน้องๆกลุ่มแกนนำธุรการกลุ่มหนึ่งที่เคยไปพบผมที่ทำงานที่ สพฐ. น้องๆกลุ่มนี้พยายามรวมตัวกันทำในสิ่งที่สร้างสรรค์ รวมตัวกันทำประโยชน์ ออกค่ายอาสา หาสินค้ามาจำหน่ายเพื่อหารายได้ไปทำประโยชน์เพื่อสังคม ผมเห็นแล้วยังรู้สึกปลื้มกับน้องๆกลุ่มนี้ และต้องการให้มีการขยายผลไปยังกลุ่มอื่นๆให้มากๆ คงแค่นี้ก่อนนะครับ แล้วพบกันใหม่ครับ
ที่มา สำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน สพฐ.