คอลัมน์: สถานี ก.ค.ศ.: กระทรวงศึกษาเดินหน้าสร้างความก้าวหน้า'ขรก.ครู'
ศิริพร กิจเกื้อกูล เลขาธิการ ก.ค.ศ.
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบร่าง กฎ ก.ค.ศ. การจัดประเภทตำแหน่ง ระดับตำแหน่ง การให้ได้รับเงินเดือน และเงินประจำตำแหน่งของตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2) พ.ศ. .... เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2555 และกระทรวงศึกษาธิการโดยท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช ได้จัดส่งกฎ ก.ค.ศ.ดังกล่าวไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป แล้วนั้น
สำนักงาน ก.ค.ศ.ขอแจ้งว่า บัดนี้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำ กฎ ก.ค.ศ.ดังกล่าวประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 129 ตอนที่ 82 ก วันที่ 29 สิงหาคม 2555 แล้ว ซึ่งจะทำให้มีผลต่อตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2) ดังนี้
1. กำหนดประเภทตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2) ให้มี 2 ประเภท คือ ตำแหน่งประเภทวิชาการ และตำแหน่งประเภททั่วไป
2.กำหนดให้ตำแหน่งประเภททั่วไป มี 3 ระดับ ได้แก่ ระดับปฏิบัติงาน ระดับชำนาญงาน และระดับอาวุโส กำหนดให้ตำแหน่งประเภทวิชาการ มี 4 ระดับ ได้แก่ ระดับปฏิบัติการ ระดับชำนาญการ ระดับชำนาญการพิเศษ และระดับเชี่ยวชาญ
3.การให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งและกำหนดอัตราเงินประจำตำแหน่ง ตำแหน่งที่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่ง ได้แก่ ตำแหน่งประเภทวิชาการ โดยกำหนดอัตราเงินประจำตำแหน่ง ดังนี้ ระดับชำนาญการ อัตรา 3,500 บาท โดยสายงานที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง ได้แก่ สายงานพยาบาลวิชาชีพ และสายงานวิชาการคอมพิวเตอร์ ระดับชำนาญการพิเศษ อัตรา 5,600 บาท โดยสายงานที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง ได้แก่ สายงานพยาบาลวิชาชีพ และสายงานวิชาการคอมพิวเตอร์ ระดับเชี่ยวชาญ อัตรา 9,900 บาท โดยสายงานที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง ได้แก่ สายงานนิติการ สายงานวิเคราะห์นโยบายและแผน และสายงานวิชาการศึกษา
สำหรับการเตรียมการรองรับกฎ ก.ค.ศ.ฉบับดังกล่าว สำนักงาน ก.ค.ศ.ได้มีมติให้นำมาตรฐานกำหนดตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนมาใช้บังคับโดยอนุโลม และได้จัดทำร่างหลักเกณฑ์ในการกำหนดตำแหน่ง และหลักเกณฑ์การคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ เพื่อให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต่างๆ พัฒนางาน พัฒนาบุคลากรให้เกิดความก้าวหน้าในงานได้ตามกฎ ก.ค.ศ.ดังกล่าว ขณะเดียวกันสำนักงาน ก.ค.ศ.ได้ประสานงานโดยความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานออกสอบถามเพื่อขอข้อมูลปริมาณงานและคุณภาพงานไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต่างๆ ทั้ง 225 เขต เพื่อกำหนดกรอบอัตราที่สอดคล้องกับปริมาณงานและคุณภาพของงานของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หากได้ข้อมูลจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต่างๆ แล้วก็จะได้เร่งดำเนินการทบทวนกรอบอัตรากำลังให้กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต่างๆ เพื่อประสิทธิภาพ ประสิทธิผลในการปฏิบัติงานและเสริมสร้างความก้าวหน้าในวิชาชีพของบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2)
ท้ายที่สุดนี้ หวังว่าการดำเนินงานของสำนักงาน ก.ค.ศ.จะได้ช่วยคลายความกังวลให้ทุกท่านมีกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มศักยภาพ เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาชาติต่อไป
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน