ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ ๙/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ โดยมีสาระสำคัญสรุปดังนี้
- ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงาน กศน.จังหวัด/กรุงเทพมหานคร ที่ประชุมอนุมัติให้ขึ้นบัญชีผู้ผ่านการสรรหาในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงาน กศน.จังหวัด/กรุงเทพมหานคร กลุ่มทั่วไป จำนวน ๘ คน เป็นจำนวน ๑๗ คน เท่ากับจำนวนตำแหน่งว่างในปัจจุบันและจำนวนตำแหน่งว่างที่คาดว่าจะว่างจากการเกษียณอายุราชการใน ๒ ปีงบประมาณ ตามประกาศรับสมัครเพื่อบรรจุและแต่งตั้งในกลุ่มประสบการณ์ได้
เหตุผลที่ประชุมได้อนุมัติ คือ การรับสมัครครั้งนี้ ผู้มีคุณสมบัติในกลุ่มประสบการณ์ไม่มาสมัครเข้ารับการสรรหา จึงทำให้ไม่มีบัญชีผู้ผ่านการสรรหาในกลุ่มประสบการณ์ ทำให้มีตำแหน่งว่างกลุ่มประสบการณ์จำนวน ๙ ตำแหน่ง และเนื่องจากมีผู้ผ่านการสรรหา (ร้อยละ ๖๐) ในกลุ่มทั่วไปคงเหลือพอกับตำแหน่งที่ว่างที่จะใช้บรรจุและแต่งตั้ง รวมทั้งหลักเกณฑ์ ว๑๑/๒๕๕๕ ไม่ได้กำหนดการดำเนินการไว้ในกรณีที่ไม่มีบัญชีผู้ผ่านการสรรหาว่าจะต้องพิจารณาดำเนินการอย่างไร จึงเห็นควรให้ใช้บัญชีกลุ่มที่มีผู้ขึ้นบัญชีในการบรรจุและแต่งตั้งได้เช่นเดียวกับหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาผู้บริหารสถานศึกษาที่ ก.ค.ศ.กำหนดใหม่ ซึ่งการอนุมัติดังกล่าวเพื่อเป็นประโยชน์ต่อทางราชการด้วย
- ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงาน กศน.จังหวัด/กรุงเทพมหานคร ส่วนการขออนุมัติขึ้นบัญชีผู้ผ่านการสรรหาฯ ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงาน กศน.จังหวัด/กรุงเทพมหานคร เพิ่มขึ้นอีก ๑๗ ตำแหน่งนั้น ที่ประชุมไม่พิจารณาอนุมัติตามความเห็นของสำนักงาน ก.ค.ศ. เนื่องจากตำแหน่งว่างที่ขออนุมัติเพิ่มเติมทั้ง ๑๗ ตำแหน่งไม่ใช่ตำแหน่งว่างที่เกิดจากการเกษียณอายุราชการ และทั้งกลุ่มทั่วไปและกลุ่มประสบการณ์มีจำนวนมาก อาจทำให้กระทบสิทธิ์ของผู้ที่มีคุณสมบัติซึ่งรอการสมัครเข้ารับการสรรหาครั้งใหม่ และอาจเกิดการฟ้องร้องกันได้ ซึ่งต่างจากการสรรหาตำแหน่ง ผอ.สำนักงาน กศน.จังหวัด ที่ไม่มีกลุ่มประสบการณ์มาสมัคร
ที่ประชุมรับทราบรายงานผลการดำเนินการประเมินวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามที่ อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเกี่ยวกับวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้มีมติอนุมัติให้ข้าราชการครูเลื่อนวิทยฐานะสูงขึ้นจำนวน ๓๑ ราย แยกเป็นเชี่ยวชาญ ๒๘ ราย (ผอ.เชี่ยวชาญ ๑๙ ราย รอง ผอ.เชี่ยวชาญ ๑ ราย ครูเชี่ยวชาญ ๘ ราย) และครูชำนาญการพิเศษ ๓ ราย และหากแยกเป็นหลักเกณฑ์ฯ คือ ผ่านการประเมินตาม ว ๒๕/๒๕๔๘ จำนวน ๗ ราย, ว ๑๗/๒๕๕๒ จำนวน ๕ ราย และ ว ๕/๒๕๕๔ จำนวน ๑๙ ราย
สำหรับตำแหน่ง รอง ผอ.สพท.ชำนาญการพิเศษ มีผู้ได้รับอนุมัติ ๗ ราย ส่วนผู้ที่ได้ยื่นคำขอรับการประเมินเพื่อให้มีวิทยฐานะหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ และเชี่ยวชาญ ตามหลักเกณฑ์ฯ ว ๕/๒๕๕๔ ที่ยังไม่เกษียณอายุราชการนั้น สำนักงาน ก.ค.ศ.จะได้เร่งดำเนินการประเมินให้แล้วเสร็จต่อไป
ภาพ สถาพร ถาวรสุข
รมว.ศธ.ได้ให้สัมภาษณ์ในประเด็นดังกล่าว โดยกล่าวว่าที่ประชุมได้อภิปรายกันอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีวิทยฐานะและเลื่อนวิทยฐานะตามข้อตกลง ซึ่งเป็นเกณฑ์คุณภาพเชิงอนาคต โดยหลักการจะมีหลักเกณฑ์และวิธีการในการประเมินแบ่งเป็น ๒ ส่วน คือ
- ครูผู้สอน จะเป็นการประเมินแบบใหม่โดยครูผู้สอนไม่ต้องทำวิจัย โดยประเมินใน ๒ ส่วน คือ ๑) ประเมินสมรรถนะรายบุคคลตามรายวิชาที่สอน ๒) ประเมินผลสัมฤทธิ์จากการสอน คือ คะแนนสอบ O-Net ของนักเรียน นำมาเทียบระดับกับคะแนน Percentiles ของ O-Net ระดับชาติ นอกจากนี้อาจรวมถึงคะแนนบริการสังคมด้วย โดยครูอาจจะต้องไปเรียนเพิ่มเติมในมหาวิทยาลัย หรืออบรมความรู้ในวิชาที่สอน จากนั้นให้นำหลักฐานมาแสดงต่อ ศธ. ดังนั้นหากครูสอนหลายวิชา ก็จะต้องประเมินสมรรถนะทุกวิชาที่สอน เช่นเดียวกับการสอนหลายห้อง ก็ให้นำคะแนน Percentiles จากทุกห้องมาพิจารณาด้วย การดำเนินการเช่นนี้เพื่อมุ่งหวังให้ครูไม่ต้องทำผลงานวิจัยตาม ว ๑๗/๒๕๕๒ แต่ระหว่างรอระเบียบใหม่ อาจดำเนินการตาม ว ๑๗/๒๕๕๒ และ ว ๕/๒๕๕๔ ไปพลางก่อนได้
- ผู้บริหาร จะมีการประเมินผู้อำนวยการโรงเรียนและผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา เป็นการตกลงล่วงหน้าระหว่างผู้ประเมินข้อตกลงกับผู้บริหารเกี่ยวกับแผนการดำเนินงานการบริหารในอนาคต ซึ่งจะต้องระบุเวลาที่ชัดเจน เพื่อ ก.ค.ศ.จะได้ประเมินเมื่อถึงเวลาสิ้นสุดข้อตกลง โดยมีความเข้มข้นเพิ่มขึ้นตามระดับวิทยฐานะ ซึ่งเป็นการประเมินแบบ Performance Agreement ส่วนผู้บริหารที่สอนหนังสือด้วย ก็สามารถประเมินในรูปแบบของครูผู้สอนได้ หากมีคะแนนถึงเกณฑ์การประเมินสมรรถนะรายบุคคลตามรายวิชาที่สอน และนักเรียนมีคะแนนถึงระดับ Percentiles ที่กำหนด
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความรอบคอบและมีแนวทางการดำเนินการที่ชัดเจน สำนักงาน ก.ค.ศ.จะนำร่างหลักเกณฑ์และวิธีการดังกล่าวไปปรับปรุงแก้ไขตามความเห็นของที่ประชุม และจะนำกลับมาเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาครั้งต่อไป
รมว.ศธ.มอบดอกไม้แสดงความยินดีกับนายสำเริง กุจิรพันธ์ ผอ.รร.อนุบาลนครปฐม ในฐานะกรรมการ ก.ค.ศ.
ซึ่งได้รับการเลื่อนวิทยฐานะเป็นผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ เมื่อเร็วๆ นี้
- นายนิกร มีชัย นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการพิเศษ เป็นอนุกรรมการผู้แทนบุคลากรทางการศึกษาอื่นใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอำนาจเจริญ แทนตำแหน่งที่ว่าง
- นางสาวจรุงรัตน์ เคารพรัตน์ นักพัฒนาทรัพยากรบุคคลชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักงาน ก.ค.ศ. เป็นผู้แทน ก.ค.ศ.ใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต ๒๐ (อุดรธานี) แทนตำแหน่งที่ว่าง
- นายยุทธะ เพียเทพ ครูชำนาญการพิเศษ รร.บ้านต้อง เป็นอนุกรรมการผู้แทนคุรุสภาใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลำภู เขต ๒
- นายชัยพร ศรีรอด รอง ผอ.สพป.ชุมพร เขต ๒ เป็นอนุกรรมการผู้แทนคุรุสภาใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต ๒
ที่มา http://www.moe.go.th/websm/2012/aug/236.html