ศึกษาธิการ - ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ ๘/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ โดยมีสาระสำคัญสรุปดังนี้
►เห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาฯ รอง/ผอ.สถานศึกษา
รมว.ศธ.กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา และผู้อำนวยการสถานศึกษา ในพื้นที่ปกติและในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ฯ ซึ่งได้ยึดหลักการตามแนวทางการสรรหาที่ ก.ค.ศ.กำหนดไว้เดิมตาม ว๗ และ ว๘ โดยปรับรายละเอียดเพิ่มเติมตามนโยบายของ รมว.ศธ.ในประเด็นต่างๆ ดังนี้
๑) ให้ผู้ผ่านเกณฑ์การตัดสินไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๖๐ ขึ้นบัญชีไว้ทุกคน มีอายุการขึ้นบัญชีไม่เกิน ๒ ปี นับจากวันที่ประกาศขึ้นบัญชี แยกเป็น ๒ กลุ่มคือ กลุ่มทั่วไปและกลุ่มประสบการณ์
๒) กำหนดให้การบรรจุและแต่งตั้ง กรณีบัญชีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหมดบัญชีก่อน หรือไม่มีผู้สมัคร หรือไม่มีผู้ขึ้นบัญชี ก็ให้ใช้บัญชีกลุ่มที่เหลือในการบรรจุและแต่งตั้งได้
๓) การบรรจุและแต่งตั้งครั้งแรก หากมีเหตุสุดวิสัยไม่สามารถมารายงานตัวได้ ให้คงขึ้นบัญชีไว้ในลำดับเดิมได้ และกรณีไม่มีสถานศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษาที่ระบุไว้ในใบสมัคร หากไม่สมัครใจหรือขอสละสิทธิ์การบรรจุและแต่งตั้ง ให้คงการขึ้นบัญชีไว้ในลำดับเดิม ทั้งบัญชีรวมสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และบัญชีเขตพื้นที่การศึกษา
๔) การบรรจุและแต่งตั้งครั้งต่อไปจากบัญชีรวม สพฐ. เมื่อ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาได้ใช้บัญชีเขตพื้นที่การศึกษาทุกกลุ่มหมดแล้ว การขอใช้บัญชีรวมของ สพฐ.กลุ่มใด ให้พิจารณาจากการสิ้นสุดการใช้บัญชีว่าสิ้นสุดที่กลุ่มใด ให้ไปเริ่มใช้บัญชีของอีกกลุ่มสลับกันไป
๕) (ร่าง) หลักเกณฑ์ดังกล่าว ให้ใช้สำหรับการสรรหาผู้บริหารสถานศึกษาครั้งต่อไป
รมว.ศธ.กล่าวเพิ่มเติมถึงข้อเรียกร้องของ "ตัวแทนกลุ่มผู้สอบผ่านร้อยละ ๖๐" ซึ่งได้เดินทางมายื่นข้อเสนอต่อคณะกรรมการ ก.ค.ศ.ก่อนการประชุมในครั้งนี้ ๒ ประเด็น คือ ๑) ขอสิทธิ์การบรรจุผู้สอบผ่านร้อยละ ๖๐ ให้ได้รับการประกาศขึ้นบัญชีเพื่อรอการบรรจุและแต่งตั้งปีงบประมาณ ๒๕๕๕-๒๕๕๖ และ ๒) ขอสิทธิ์ผู้สอบผ่านร้อยละ ๖๐ เพื่อเข้าอบรมแต่งตั้งและพัฒนาก่อนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งฯ ว่า แม้ที่ประชุมจะเห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์ดังกล่าว แต่ให้ใช้สำหรับการสรรหาในครั้งต่อไป หากเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ซึ่งอยู่ในระหว่างกระบวนการสรรหาครั้งนี้ อาจจะส่งผลให้เกิดการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ซึ่งจะกระทบต่อการสรรหาทั้งระบบได้
►เห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาฯ รอง ผอ.สช.จังหวัด/ผอ.สช.จังหวัด/ผอ.สช.อำเภอ ในเขตพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้
รมว.ศธ.กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัด ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัด และผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาเอกชนอำเภอ ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และสงขลา ทั้ง ๓ หลักเกณฑ์
ซึ่งมีสาระสำคัญคือ ให้เพิ่มกรณีผู้มีสิทธิ์เข้ารับการสรรหาทั้ง ๓ เกณฑ์ โดยให้นับระยะเวลาทวีคูณในการคำนวณระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งได้ พร้อมทั้งให้ อ.ก.ค.ศ.สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการดำเนินการออกข้อสอบ ตรวจกระดาษคำตอบ และประมวลผลการสอบ แทนสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เพราะสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ มี อ.ก.ค.ศ.ที่ ก.ค.ศ.ตั้งในส่วนราชการเพียงคณะเดียว การดำเนินการจึงควรให้ อ.ก.ค.ศ.สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งต่างจาก อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งมีหลายคณะ ส่วนราชการจึงต้องดำเนินการเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
►เห็นชอบร่างระเบียบ ก.ค.ศ.เงินเพิ่มตำแหน่งเหตุพิเศษของครูการศึกษาพิเศษและครูการศึกษาพิเศษ กรณีเรียนร่วม
ที่ประชุมเห็นชอบร่างระเบียบ ก.ค.ศ.ว่าด้วยเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ปฏิบัติหน้าที่ครูการศึกษาพิเศษและครูการศึกษาพิเศษ กรณีเรียนร่วม พ.ศ. .... โดยให้ปรับเพิ่มจากเดือนละ ๒,๐๐๐ บาท เป็น ๒,๕๐๐ บาท และเสนอกำหนดเงินเพิ่มพิเศษสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของครูสอนหลายชั้นเรียนในอัตรา ๒,๕๐๐ บาทด้วย
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาเกณฑ์การย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัด สพฐ. แต่ได้ขอให้ สพฐ.นำกลับไปพิจารณาอีกครั้งหนึ่งด้วยความละเอียดรอบคอบในประเด็นต่างๆ เช่น ขนาดของสถานศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา เป็นต้น ส่วนเกณฑ์การย้ายซึ่งได้เปิดให้ยื่นขอย้ายระหว่างวันที่ ๑-๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๕ ให้ใช้เกณฑ์การย้ายเดิม
ที่มา http://www.moe.go.th/websm/2012/jul/207.html