ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ ๕/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๕ โดยมีสาระสำคัญเพื่อพิจารณาหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา และผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
รมว.ศธ.กล่าวว่า จากการที่ ก.ค.ศ.ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาฯ ดังกล่าว เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๕ ต่อมา สพฐ.ได้ดำเนินการรับสมัครข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา และผู้อำนวยการสถานศึกษา ซึ่งได้ประกาศผลการขึ้นบัญชีผู้ผ่านการสรรหาเมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ โดยสรุปผลการดำเนินการ ดังนี้
-
ผู้สมัครสอบ ๑๕,๒๙๒ คน สอบผ่าน ๖๐% ได้ ๒,๘๘๒ คน
-
ตำแหน่งว่างทั้งหมด ๒,๔๙๕ อัตรา ขึ้นบัญชี ๑,๖๕๘ คน (ขาดอีก ๘๓๗ อัตรา)
-
ตำแหน่งที่จะเรียกบรรจุครั้งแรก ๗๒๔ อัตรา (บัญชีรวม สพฐ.) เรียกบรรจุครั้งต่อไปในเดือนตุลาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๕๗๖ อัตรา และตุลาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๓๕๘ อัตรา (ต้องสรรหาเพิ่ม ๘๓๗ อัตรา)
ทั้งนี้ สพฐ.ได้กำหนดวันเรียกบรรจุและแต่งตั้งครั้งแรก เฉพาะผู้ผ่านการขึ้นบัญชีรวมรอบแรกของ สพฐ.ในวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๕ จำนวน ๗๒๔ อัตรา ซึ่งการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาหลักเกณฑ์ดังกล่าว กรณี ๗๒๔ คนที่จะมาเลือกโรงเรียนตามที่ได้แสดงเจตจำนงไว้ในใบสมัครจำนวน ๕ แห่งนั้น หากมีผู้อื่นในลำดับที่ดีกว่าได้เลือกไปหมดแล้ว และหากผู้นั้นยังไม่ประสงค์จะเลือกโรงเรียนอื่นๆ ในครั้งแรกนี้ ก็สามารถรักษาสิทธิ์ไปเลือกโรงเรียนที่แสดงเจตจำนง ๕ แห่งครั้งต่อไปได้ในเดือนตุลาคม ๒๕๕๕ แต่หากไม่เลือกโรงเรียนในเขตพื้นที่การศึกษาที่ตนระบุไว้ในใบสมัครที่ว่างอยู่ ถือว่าสละสิทธิ์
ทั้งนี้ หากมีตำแหน่งว่างที่เหลือจากการเลือกสถานศึกษาครั้งแรกที่เกิดจากการสละสิทธิ์ ให้นำตำแหน่งว่างไปใช้ในการบรรจุและแต่งตั้งในบัญชีเขตพื้นที่การศึกษาครั้งต่อไป หลังจากที่พิจารณาย้ายประจำปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามหากมีกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการนี้ได้ ให้เสนอ ก.ค.ศ.พิจารณา
ที่มา http://www.moe.go.th/websm/2012/jun/157.html