คอลัมน์: สถานีก.ค.ศ.: แนวทางพิจารณาโทษทางวินัย กรณีเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
ศิริพร กิจเกื้อกูล เลขาธิการ ก.ค.ศ.
ในครั้งก่อนได้เล่าให้ทราบถึงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2544 ว่า พฤติกรรมใดที่แสดงว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดไปแล้ว
ครั้งนี้จะกล่าวถึงบทบาทหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ของรัฐในทุกระดับจะต้องร่วมกันสอดส่อง ป้องกันมิให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หากมีการกล่าวหาร้องเรียนก็ต้องดำเนินการสืบสวนหรือพิจารณาในเบื้องต้น และหากมีมูลเป็นความผิดวินัยก็ให้ดำเนินการทางวินัยและทางอาญาต่อไป หากการสอบสวนไม่ได้ความแน่ชัดพอที่จะสั่งลงโทษทางวินัยได้ ผู้บังคับบัญชาก็อาจใช้มาตรการทางการบริหารดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ผู้นั้นได้ เช่น มีคำสั่งย้ายออกนอกเขตพื้นที่ หรือนำพฤติการณ์นั้นมาประกอบการพิจารณาแต่งตั้ง เลื่อนยศระดับ หรืออัตราเงินเดือน เป็นต้น ในส่วนของการดำเนินการทางวินัยแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้น ก.ค.ศ.วางแนวทางพิจารณาลงโทษทางวินัย ไว้ดังนี้
1.กรณีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อเสพโทษทางวินัย คือ ปลดออกจากราชการ
2.กรณีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือให้การสนับสนุนช่วยเหลือ โทษทางวินัย คือ ไล่ออกจากราชการ
3.กรณีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามียาเสพติดไว้ครอบครองเพื่อเสพหรือจำหน่ายถูกจับกุมดำเนินคดีอาญา และศาลมีคำพิพากษาลงโทษถึงที่สุดให้จำคุก ต้องพิจารณาข้อเท็จจริงตามพฤติการณ์เป็นรายๆ ไป อาจถูกลงโทษไล่ออกหรือปลดออกก็ได้
4.กรณีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาประกันตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยซึ่งไม่ใช่สามีภริยา บุพการี หรือผู้สืบสันดานของผู้นั้น หรือกระทำการปลอมลายเซ็นของผู้บังคับบัญชารับรองสถานะความเป็นข้าราชการ โทษทางวินัย คือ ปลดออกจากราชการ
สำหรับผู้บังคับบัญชามีข้อพึงระมัดระวังอย่างยิ่งในกรณีที่ผู้ใต้บังคับบัญชาขอให้ออกหนังสือรับรองเพื่อใช้ประกันบุคคลซึ่งมีคดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ถ้าผู้ที่ท่านรับรองไปมิใช่สามีภริยา บุพการีหรือผู้สืบสันดานของผู้ต้องหาในคดีนั้น ผู้บังคับบัญชาที่รับรองอาจถูกดำเนินการทางวินัยเสียเอง ในกรณีความผิดตามมาตรา 85 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 ซึ่งกำหนดให้ข้าราชการครูต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล โดยอาจถูกลงโทษภาคทัณฑ์ได้
นอกจากมาตรการในการลงโทษผู้กระทำผิดแล้ว ก.ค.ศ. ยังมีมาตรการเสริมแรงจูงใจให้แก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ยกเว้นบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2) ที่ประสบผลสำเร็จในการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ มาใช้เป็นองค์ประกอบในการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานในการเลื่อนเงินเดือนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ได้อีกด้วย
ดังนั้น จึงขอให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตระหนัก ระมัดระวังในการประพฤติตน ไม่เข้า ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และร่วมผนึกกำลังในการป้องกัน แก้ไขปัญหา ยาเสพติดกันอย่างจริงจัง เพื่อความเจริญงอกงามของเยาวชนและประเทศชาติ ในอนาคต แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน