บริการใหม่ ที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านอุปกรณ์ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตนี้ จะรวบรวมความสามารถต่างๆเกี่ยวกับระบบค้นหา และเปิดให้ผู้ใช้เก็บรูปภาพ บันทึก และเอกสารต่างๆบนโลกอินเทอร์เน็ตได้
ในเบื้องต้น ผู้ใช้กูเกิล ไดร์ฟ จะได้พื้นที่เก็บข้อมูลฟรี 5 กิกะไบต์ และต้องเสียค่าบริการเพิ่ม หากต้องการพื้นที่เก็บที่เพิ่มขึ้น โดยซื้อความจุเพิ่มได้มากถึง 100 กิกะไบต์ผ่านระบบจ่ายเป็นรายเดือน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเพิ่มความร้อนแรงในการแข่งขันกับผู้ให้บริการอิน เทอร์เน็ตน้องใหม่ อย่าง ดร็อปบ็อกซ์ เอฟเวอร์โน้ต รวมถึงบริการสกายไดร์ฟของไมโครซอฟท์ อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า กูเกิลเข้าร่วมในตลาดการแข่งขันช้าเกินไป ทั้งนี้ พื้นที่ 16 เทราไบท์ สามารถใช้เก็บภาพยนตร์ความยาว 2 ชั่วโมง ได้มากกว่า 4,000 เรื่อง โดยมีความชัดเจนของภาพที่ 720p
ขณะที่บางบริการของคู่แข่ง อาทิ ดร็อปบ็อกซ์ และสกายไดรฟ์ ของไมโครซอฟท์ เน้นบริการเก็บข้อมูลสำหรับกลุ่มองค์กรธุรกิจ แต่กูเกิล ให้ความสำคัญกับบริการเก็บข้อมูลที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้เก็บไฟล์ข้อมูลส่วน ตัว ตั้งแต่เพลง วิดีโอ และรูปถ่าย ไว้บนเซิร์ฟเวอร์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และเข้าถึงข้อมูลผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งสมาร์ทโฟน แทบเล็ตพีซี และคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะได้ทุกเวลา นอกจากนั้น กูเกิล ไดร์ฟ ยังใช้เทคโนโลยีค้นหารูปถ่ายที่ซับซ้อนเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาเอกสารได้ หลายประเภท อาทิ กูเกิล ด็อคส์, ไฟล์อะโดบี, พีดีเอฟ และเอกสารประเภทอื่น
นอกจากนั้น ผู้ใช้ยังสามารถค้นหาคีย์เวิร์ดและตัวกรอง โดยใช้ประเภทของไฟล์, กิจกรรม หรือผู้ใช้ กูเกิลไดรฟ์ยังสามารถจดจำข้อความในเอกสารที่ถูกสแกน โดยใช้เทคโนโลยีการรู้จำตัวอักษร หรือ โอซีอาร์ ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถอัพโหลดภาพและเนื้อหาของข่าวจากหนังสือพิมพ์ที่ผ่านการสแกน โดยใช้คีย์เวิร์ดจากเนื้อหาในข่าวได้
นอกจากนั้น มันยังสามารถติดตั้งได้ทั้งในคอมพิวเตอร์ของแม็ค หรือพีซีประเภทอื่น หรือในรูปแบบของแอพพลิเคชันในโทรศัพท์แอนดรอยด์และแทบเล็ต ส่วนในโทรศัพท์ไอโฟนของแอปเปิลนั้น จะพร้อมให้บริการในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้
นายซันดาร์ พิชัย รองประธานอาวุโสของ Chrome and Apps กล่าวในบล็อกโพสต์ของกูเกิลว่า บริษัทได้เปิดตัวกูเกิล ไดรฟ์แล้ววันนี้ ซึ่งเป็นตัวกลางในการสร้างสรรค์ แบ่งปัน สร้างความร่วมมือ และเก็บข้อมูล สำหรับผู้ใช้ในการทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตทั้งเรื่องการงานและส่วนตัว
เมื่อปีที่แล้ว กูเกิล ซึ่งมีรายได้ 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วนรายได้จากโฆษณา เช่น โฆษณาช่องเล็กๆที่ปรากฏอยู่ในผลการค้นหา มากถึง 96%
(ที่มา มติชนออนไลน์)