Advertisement
“แว่นวิเศษ” หรือ Project Glass ที่ กูเกิลเปิดตัวนี้ แม้จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์นัก แต่สามารถทำให้สิ่งที่มนุษย์ฝันอยากมี เป็นจริง ยิ่งกว่าภาพยนตร์ เจมส์บอนด์เสียอีก
“แว่นวิเศษ” ที่กูเกิลเปิดตัวไปบ้างซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบให้เป็นแว่นวิเศษและสั่งงานได้ตามการสั่งด้วยคำพูด และมีหน้าจอแบบคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กเท่าขนาดของตาเล็กน้อยติดไว้กับกรอบแว่นที่สวมใส่ดูเก๋ เท่ ที่ด้านขวาของตา
แว่นที่แสดงเป็นตัวอย่างนี้ มีทั้งการพูดคุยผ่านทางวิดีโอได้ โดยเห็นหน้ากับผู้พูดคุยด้วยชัดเจน การมีเครื่องหมายบอกชี้ทิศทางในการเดินทางไปยังจุดเป้าหมายเหมือน เนวิเกเตอร์ การถ่ายรูปและการบันทึกเทปและการบันทึกข้อความเพื่อสั่งงานหรือเพื่อทบทวนความจำ และทั้งหมดนี้สามารถสั่งงานด้วย “คำพูด” อย่างง่าย ๆ เลย
ในตัวอย่างที่กูเกิลแสดงให้เห็นมีไอคอน ให้บริการ 14 ประเภท ที่สามารถอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานเมื่อสวมใส่แว่นนี้ มีข้อมูลข่าวสารการพยากรณ์อากาศ สถานที่นัดหมายและเรื่องการนัดพบประจำวันที่เราตั้งใจจะทำให้ธุรกิจให้เสร็จ ภาพยนตร์ตัวอย่างที่กูเกิลนำมาแสดงนั้น แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้ที่สวมแว่นวิเศษนี้ กำลังจะเดินทางไปทำธุรกิจตามนัดในช่วงเย็น
แต่เมื่อผู้ใช้รายนั้นมองไปยังผนังห้องที่ว่างเปล่า แว่นวิเศษนี้ก็เตือนว่าขณะนี้มีโอกาสที่จะมีฝนตกประมาณ 10% และเมื่อเขามอง ออกไปยังนอกหน้าต่างปรากฏฟ้าเริ่มจะครึ้ม
และหลังจากนั้นเขาก็ได้รับข้อความจากเพื่อนที่ได้นัดหมายดังกล่าวว่าจะเลื่อนนัดไปก่อนไหม และผู้สวมแว่นก็สามารถตอบกลับว่าจะเลื่อนนัดหรือไม่ ได้เลย
นอกจากนี้ แว่นวิเศษนี้ยังแสดงให้เห็นแผนที่กูเกิล หรือ “Google Maps” ที่ติดตั้งด้วยระบบจีพีเอส พร้อมลูกศรแสดงทิศทางการเดินทาง ซึ่งสามารถทำให้ผู้ใช้แว่นวิเศษนี้เดินทางไปยังจุดหมายปลายทางได้ถูกต้อง และนอกจากนี้ในขณะเดียวกันก็สามารถที่จะถ่ายรูปในระหว่างทางที่เดินทางไปได้ด้วยว่าสถานที่ วิว ทิวทัศน์ ระหว่างเส้นทางการเดินทางมีสภาพเป็นเช่นไร และยังสามารถแบ่งปันรูปถ่ายให้เพื่อน ๆ ได้แลกกันดูสถานที่ในการเดินทางได้ และก็ยังจะสลับไปคุยกับเพื่อนในวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ได้ด้วย
นอกจากนี้แว่นก็ยังจะสามารถฟังเสียงดนตรีหรือวิทยุได้ด้วยโดยไม่ต้องใช้เครื่องหูฟัง
ที่เขียนนี้เป็นน้ำจิ้มหรือหนังตัวอย่างเล็ก ๆ ที่จะได้จากแว่นวิเศษที่กูเกิลกำลังออกแบบและสร้างขึ้น
ทางหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ได้ให้ความเห็นว่า เทคโนโลยีแว่นวิเศษนี้ น่าจะขายเชิงพาณิชย์ได้ก่อนสิ้นปีนี้ในราคาประมาณตั้งแต่ 7,500 บาท จนถึง 18,000 บาท แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านบอกว่าน่าจะยังต้องใช้เวลามากกว่านี้จึงจะเปิดตัวขายได้
อันที่จริงทางบริษัทแอปเปิลก็ได้จดลิขสิทธิ์เรื่องทำนองนี้เหมือนแว่นวิเศษ แต่เรียกว่า “ระบบการแสดงบนหน้าจอด้วยเครื่องสวมศีรษะด้วยระบบเลเซอร์” ในปี ค.ศ. 2008 รวมทั้งบริษัทโซนี่และไมโครซอฟท์ ก็ได้จดลิขสิทธิ์เรื่องการแสดงผลบนหน้าจอผ่านผู้ใช้ทางสายตาด้วยเช่นเดียวกัน
ผมว่าเทคโนโลยีนี้มาแน่นอนในอนาคตอันใกล้นี้แหละ สักประมาณไม่เกิน 2 ปี และจะเห็นคนเริ่มถือมือถือหรือโน้ตบุ๊กน้อยลง 16 ปีที่ผมเขียนบทความในเดลินิวส์นี้ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีมากกว่าที่เคยฝันไว้เยอะมาก ก็ติดตามกันไปนะครับ.
รองศาสตราจารย์ ดร.บุญมาก ศิริเนาวกุล
อธิการบดีมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด
boonmark@stamford.edu
Advertisement
เปิดอ่าน 23,210 ครั้ง เปิดอ่าน 11,881 ครั้ง เปิดอ่าน 11,147 ครั้ง เปิดอ่าน 6,965 ครั้ง เปิดอ่าน 9,475 ครั้ง เปิดอ่าน 14,315 ครั้ง เปิดอ่าน 9,173 ครั้ง เปิดอ่าน 10,006 ครั้ง เปิดอ่าน 17,859 ครั้ง เปิดอ่าน 22,508 ครั้ง เปิดอ่าน 45,865 ครั้ง เปิดอ่าน 34,699 ครั้ง เปิดอ่าน 27,092 ครั้ง เปิดอ่าน 50,618 ครั้ง เปิดอ่าน 10,976 ครั้ง เปิดอ่าน 10,764 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 34,699 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 11,705 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 45,865 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 8,901 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 9,505 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 22,508 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 14,315 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 22,156 ครั้ง |
เปิดอ่าน 22,858 ครั้ง |
เปิดอ่าน 30,589 ครั้ง |
เปิดอ่าน 31,605 ครั้ง |
เปิดอ่าน 39,811 ครั้ง |
|
|