คลังประกาศขึ้นเงินเดือน 15,000 บาท เริ่มต้นวันที่ 1 ม.ค. 55 พร้อมปรับขึ้นเงินเดือนผู้ที่มีรายได้มากกว่า 15,000 บาท เพื่อรักษาระยะห่างรายได้แต่ละระดับชั้น ส่วน ขรก.ระดับต่ำกว่าปริญญาตรี เงินเดือนไม่ถึง 9 พันบาท จะได้รับเพิ่มเป็น 9 พันบาท...
เมื่อวันที่ 9 ก.ย. นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะปรับวิธีการจ่ายเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว (พ.ช.ค.) เพื่อให้สอดคล้องกับโครงสร้างเงินเดือนของข้าราชการ ที่บริหารโดยสำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) โดยข้าราชการระดับปริญญาตรี เงินเดือนต่ำว่า 15,000 บาท จะได้รับ 15,000 บาท โดยไม่นับรวมรายได้พิเศษ เช่น เงินเบี้ยเลี้ยง และเงินค่าวิชาชีพ เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ข้าราชการกลุ่มนี้ มีรายได้เต็มเหมือนเดิม โดยจะให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 55 เป็นต้นไป
ส่วนเรื่องการปรับรายได้ให้สอดคล้องกับโครงสร้างเงินเดือน ข้าราชการของ ก.พ.นั้น ทาง ก.พ.คาดว่า จะใช้ระยะเวลา 4 ปีในการปรับโครงเงินเดือนในแต่ละครั้ง โดยข้าราชการที่มีเงินเดือนต่ำกว่า 15,000 บาท จะได้รับขึ้นจาก 9,600 บาท เป็น 10,300 บาท ปีที่ 2 ก็จะปรับขึ้นเป็น 12,000 บาท ปีที่ 3 เป็น 13,500 บาท และในปีที่ 4 เป็น 15,000 บาท หลังจากนั้น ก็จะปรับขึ้นตามโครงสร้างเงินเดือนของ ก.พ. ที่จะออกตามมาในภายหลัง ซึ่งในแต่ละปี ของตลอดช่วง 4 ปี กระทรวงการคลังก็ลดเงิน พ.ช.ค.ตามสัดส่วนของเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นเพื่อรักษาระดับรายได้ของ ข้าราชการไม่เกิน 15,000 บาท
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังและ ก.พ.ยังเห็นชอบให้มีการปรับขึ้นเงินเดือนของข้าราชการที่มีรายได้มากกว่า 15,000 บาท เพื่อรักษาระยะห่างของรายได้ข้าราชการในแต่ละระดับชั้น โดยจะปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่เงินเดือน 15,000 บาท จนถึงขึ้นสูงสุดคือ ปลัดกระทรวง หรือเทียบเท่าซี 11 แต่การปรับขึ้นขั้นเงินเดือนหรือเปอร์เซ็นต์ จะไม่ก้าวกระโดดเหมือนกับข้าราชการที่มีเงินเดือนต่ำกว่า 15,000 บาท โดยจะให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 55 เป็นต้นไป
ส่วนข้าราชการระดับต่ำกว่าปริญญาตรี เงินเดือนไม่ถึง 9,000 บาทก็จะได้รับเพิ่มขึ้น 9,000 บาทหรือค่าแรงวันละ 300 บาท ตามนโยบายของรัฐบาล ทำให้บุคลากรทั้ง 5 กลุ่มคือ ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ พนักงานราชการ ลูกจ้างชั่วคราวที่จ้างจากเงินงบประมาณรายจ่ายและทหารกองประจำการ มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยคาดว่า ตลอดปีงบประมาณ 55 (ต.ค.54–ก.ย.55) จะมีภาระงบประมาณจากส่วนนี้เพิ่มขึ้น 24,000 ล้านบาท แต่หากพิจารณาจากผลบังคับใช้ที่แตกต่างกัน คือ วันที่ 1 ม.ค.และวันที่ 1 เม.ย.55 จนถึงเดือนก.ย.55 จะมีภาระเพิ่มขึ้น 18,396 ล้านบาท โดยคาดว่า จะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาในสัปดาห์หน้า
ที่มา ไทยรัฐ วันที่ 9 กันยายน 2554