เพิ่มรายได้ข้าราชการ ป.ตรีเดือนละ 1.5 หมื่นบาท ได้ข้อสรุป รัฐบาลรับแนวทางกรมบัญชีกลางเพิ่มค่าครองชีพแทน
วันนี้(29 ส.ค.) นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้ รัฐบาลเห็นด้วยกับแนวทางของกรมบัญชีกลาง ในการปรับเพิ่มค่าครองชีพให้ข้าราชการระดับปริญญาตรี ที่ยังมีรายได้ไม่ถึงเดือนละ 15,000 บาท โดยจะเป็นการปรับเพิ่มค่าครองชีพ ไม่ใช่ปรับฐานเงินเดือนข้าราชการ ซึ่งหลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายแล้ว คาดว่าเร็วนี้ น่าจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมครม. เพราะถือเป็นหนึ่งในมาตรการเร่งด่วน ที่รัฐบาลหาเสียงไว้ก่อนหน้านี้ จึงน่าจะทำได้เร็ว สอดรับกับการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาทของภาคเอกชนด้วย
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบจำนวนข้าราชการ พนักงานของรัฐทั้งลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวที่จบปริญญาตรีที่เข้าข่ายได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพเพื่อให้มีรายได้รวมถึงเดือนละ 15,000 บาท ประจำปีงบประมาณ 55 น่าจะมีกว่า 500,000 ราย ซึ่งรวมถึงข้าราชการรับเข้ามาใหม่ที่ทดแทนข้าราชการที่เกษียณอายุในปีงบประมาณ 54 นี้ด้วย เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินกว่า 22,000 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขที่นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.คลัง ได้วิเคราะห์ข้อมูลก่อนหน้านี้ ว่าจะใช้งบในการปรับเพิ่มเงินเดือนค่าคราองชีพข้าราชการถึง 45,000 ล้านบาท จำนวนข้าราชการกว่า 800,000 ราย
“คาดว่าการปรับเพิ่มค่าครองชีพข้าราชการและลูกจ้างตามนโยบายรัฐบาลในครั้งนี้ น่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนม.ค. 55 ซึ่งน่าจะสอดคล้องกับการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำของภาคเอกชน โดยสอดคล้องกับการจัดงบประมาณรายจ่ายประจำปี 55 ที่น่าจะล่าช้าไป 2-3 เดือน หรือมีผลบังคับในเดือนม.ค. 55 เช่นเดียวกัน เนื่องจากรัฐบาลต้องพิจารณากรอบวงเงินและรายละเอียดใหม่ก่อนจะนำเข้าครม. และสภาต่อไป” นายรังสรรค์ กล่าว
ส่วนการปรับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบนั้น เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา และเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ ซึ่งน่าจะดำเนินการได้ในปีงบประมาณหน้า หรือเดือนต.ค. 55 ซึ่งส่วนนี้ถือเป็นการปรับเพิ่มทั้งระบบ น่าจะใช้เงินงบประมาณอีกจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่งบประมาณปี 55 ยังไม่มีผลบังคับใช้ ซึ่งล่าช้ากว่าปกติที่งบปี 55 ต้องเริ่มใช้ในเดือนต.ค. นี้นั้น ในส่วนของการเบิกจ่ายงบประมานได้กำชับเจ้าหน้าที่ไปแล้ว ว่าให้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณปี 54 ใช้แทนไปก่อน ซึ่งเป็นไปตามระเบียบการเบิกจ่ายที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.อยู่แล้ว โดยเฉพาะส่วนของงบประจำ ที่เกี่ยวกับเงินเดือนและบำเหน็จบำนาญของข้าราชการนั้น ยืนยันว่า จะจ่ายได้ตรงตามกำหนดแน่นอน นอกจากนั้นกรมบัญชีกลางในฐานะผู้ดูแลเงินคงคลังซึ่งปัจจุบันมีกว่า 300,000 ล้านบาท แม้ว่าเงินส่วนหนึ่งจะเป็นเงินที่หน่วยงานต่าง ๆ หรือกองทุนต่าง ๆ ฝากไว้ แต่หากจำเป็นก็สามารถดึงออกมาใช้ก่อนได้ หากมีรายได้จากภาษีนำส่งเข้ามา สามารถนำกลับไปชดใช้คืนได้ถือเป็นการบริหารเงินสดหมุนเวียนได้ตามที่กฎหมายเปิดช่องไว้
ส่วนการเบิกจ่ายค่าเงินค่าเบี้ยยังชีพคนชราและเบี้ยอสม.นั้น ในช่วง 3 เดือนของปีนี้ หรือเป็นงบที่ตั้งในปี 55 อาจจะล่าช้า หรือตกเบิกไปบ้าง ขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่กำกับดูแลจะเร่งอนุมัติไปยังท้องถิ่นหรือไม่ ซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจของกรมบัญชีกลาง ส่วนของการปรับเพิ่มเบี้ยยังชีพตามนโยบายรัฐบาล น่าจะเริ่มได้เดือนม.ค. 55 เช่นเดียวกัน.
ที่มา เดลินิวส์ วันจันทร์ ที่ 29 สิงหาคม 2554