ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมความรู้ทั่วไป  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

สุขภาพปากและฟันกับโรคหัวใจ


ความรู้ทั่วไป เปิดอ่าน : 16,038 ครั้ง
Advertisement

สุขภาพปากและฟันกับโรคหัวใจ

Advertisement

หลาย ๆ ท่านคงเข้าใจถึงความรุนแรงของโรคหัวใจเป็นอย่างดี โรคชนิดนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุเท่านั้น เด็กก็เป็นโรคนี้ได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา บางรายอาจต้องเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก โดยสามารถตรวจพบได้ตั้งแต่แรกเกิด หรือตรวจพบได้เมื่อออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว สำหรับเด็กบางรายอาจเป็นโรคหัวใจในภายหลังเมื่อมีอายุหลายปีแล้ว ซึ่งเด็กเหล่านี้จะมีอาการเหนื่อยง่าย ไม่สามารถวิ่งเล่นได้เหมือนเด็กปกติ และต้องพบแพทย์อยู่เป็นระยะ ๆ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับชนิดของโรคหัวใจนั้น ๆ ด้วย

โรคหัวใจในเด็กมีชนิดไหนบ้าง?

จากการศึกษาทางระบาดวิทยาในประเทศไทยโรคหัวใจพิการตั้งแต่กำเนิดพบบ่อยที่สุดในวัยเด็กซึ่งมีมากถึง 70–80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนโรคหัวใจที่เกิดภายหลังพบประมาณ 20–30 เปอร์เซ็นต์ของโรคหัวใจในวัยเด็กทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจชนิดพิการแต่กำเนิดหรือชนิดที่เกิดภายหลัง ผู้ปกครองส่วนใหญ่มักจะให้ความสนใจในการรักษาโรคหัวใจ และอาการเจ็บป่วยด้านอื่นแต่ละเลยการดูแลสุขภาพปากและฟันของเด็กโดยหารู้ไม่ว่าโรคฟันเป็นโรคที่มีผลต่อการติดเชื้อที่หัวใจได้

สุขภาพปากและฟันเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจอย่างไร?

ภายในช่องปากนอกจากประกอบด้วย ฟัน ลิ้น น้ำลาย ช่วยในการบดเคี้ยวอาหารแล้ว ยังมีเชื้อโรคหลายชนิดซุกซ่อนอยู่โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า สแตรปโตคอคคัส เชื้อแบคทีเรียกลุ่มนี้จะยิ่งพบมากขึ้นในช่องปากที่มีฟันผุ เหงือกบวมอักเสบ ในคนไข้โรคหัวใจถ้ามีบาดแผลในช่องปากเชื้อโรคเหล่านี้จะแทรกซึมเข้าทางบาดแผลไปตามกระแสเลือด ฝังตัวที่ผนังหัวใจเกิดภาวะผนังหัวใจอักเสบได้

ภาวะเยื่อบุหัวใจอักเสบจากการติดเชื้อนี้จะมีอาการแสดงคือ มีไข้เรื้อรัง อ่อนเพลีย น้ำหนักลด ปวดข้อ ข้ออักเสบ มีการติดเชื้อกระจายไปตามอวัยวะต่าง ๆ ปัสสาวะปนเลือด ซีด มีจุดเลือดออกตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เกิดภาวะหัวใจวาย อาการเหล่านี้ส่วนหนึ่งเกิดจากเด็กไม่ได้รับการดูแลสุขภาพปากและฟันที่ดี ทำให้อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

แล้วจะดูแลสุขภาพปากและฟันอย่างไร?


การดูแลสุขภาพปากและฟันให้ดีอยู่เสมอในเด็กโรคหัวใจเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ปกครองและคนไข้ต้องใส่ใจดูแลควบคู่ไปกับการรักษาโรคหัวใจด้วย เริ่มตั้งแต่

1. การเลือกรับประทานอาหารที่ดีและรับประทานอย่างถูกวิธี

2. การทำความสะอาดในช่องปากให้ถูกวิธี

เลือกรับประทานอาหารอย่างไรไม่ทำให้ฟันผุ?

นม เป็นอาหารหลักสำหรับทารกแรกเกิด และเป็นอาหารเสริมที่มีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับวัยต่อ ๆ มา แต่ถ้าผู้ปกครองเลี้ยงเด็กด้วยขวดนมอย่างไม่เหมาะสมก็จะทำให้เด็กเกิดฟันผุได้วิธีการป้องกันฟันผุจากการเลี้ยงลูกด้วยขวดนม

1. ควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่หรือนมจืด ไม่ควรให้ลูกกินนมที่มีรสหวาน และนมเปรี้ยว นอกจากนี้ ผู้ปกครองยังไม่ควรเติมน้ำตาล น้ำหวาน หรือน้ำผึ้งไปผสมในนม

2. ให้เด็กดูดน้ำเปล่าตามทุกครั้งหลังจากดูดนม

3. ผู้ปกครองควรทำความสะอาดช่องปากและฟันให้เด็กหลังดูดนมทุกครั้ง

4. ไม่ควรให้ลูกดูดนมก่อนนอน ถ้าจะให้ลูกดูดขวดก่อนนอนก็ควรให้ดูดน้ำเปล่า ไม่ควรใช้นม น้ำผลไม้ หรือน้ำหวาน

5. การใช้หัวนมหลอกไม่ควรทาด้วยของหวาน เช่น น้ำตาล น้ำเชื่อม น้ำหวาน น้ำผึ้ง

6. เมื่อเด็กหัดนั่งได้ควรให้เด็กหัดดื่มจากแก้วแทนขวดนมอาหารว่างที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและไม่ทำอันตรายต่อสุขภาพฟันที่ทันตแพทย์แนะนำ มีลักษณะดังนี้

1. ควรเป็นอาหารที่ส่งเสริมให้มีการบดเคี้ยวเพื่อกระตุ้นให้มีการหลั่งของน้ำลาย เช่น ปลาหมึกปลาสวรรค์ ถั่วลิสงทอด ถั่วลิสงต้ม ข้าวโพดต้ม

2. เมื่อรับประทานแล้ว อาหารนั้นเหลือติดฟันน้อยมากและมีเส้นใยช่วยขัดผิวฟัน เช่น ฝรั่ง สับปะรด ชมพู่ มันแกว แอปเปิ้ล

3. มีคุณค่าทางสารอาหารแต่มีแป้งและน้ำตาลต่ำ เช่น ผักสด ผลไม้สด เมล็ดธัญพืช นมจืด

วิธีการทำความสะอาดในช่องปากไม่ได้มีแต่การแปรงฟันเท่านั้นยังมีเครื่องมือช่วยทำความสะอาดอีกหลายอย่าง เช่น ผ้าก๊อซ หรือ ผ้าอ้อม ไหมขัดฟัน เป็นต้น

การทำความสะอาดช่องปากในเด็กควรเริ่มตั้งแต่แรกเกิดดังนี้

1. ในเด็กที่ฟันยังไม่ขึ้น ควรใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเช็ดบริเวณเหงือก ลิ้น กระพุ้งแก้ม เช้าและก่อนนอนทุกวัน

2. สำหรับเด็กที่ฟันขึ้นแล้วในระยะแรก ผู้ปกครองควรแปรงฟันให้จนถึงให้เด็กแปรงเองบ้างและดูจนกระทั่งเด็กสามารถแปรงได้สะอาดเองในที่สุด

3. ควรเลือกใช้แปรงที่มีขนาดพอเหมาะ ขนแปรงอ่อนนุ่ม

4. เริ่มใช้ยาสีฟันสำหรับเด็ก เมื่อเด็กบ้วนน้ำได้แล้วเพื่อป้องกันการกลืนยาสีฟัน

5. ทำความสะอาดช่องปากทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร

ควรพาลูกมาพบหมอฟันเมื่อไร?

เมื่อฟันน้ำนมซี่แรกขึ้น (อายุประมาณ 6 เดือน) หรืออย่างช้าไม่เกิน 1 ปี ผู้ปกครองควรพาเด็กมาพบทันตแพทย์ แต่สำหรับเด็กโรคหัวใจควรพบทันตแพทย์ครั้งแรกตั้งแต่ฟันน้ำนมซี่แรกขึ้น เพื่อทันตแพทย์จะได้ตรวจ และดูแลด้านทันตกรรมป้องกัน เช่น การให้ฟลูออไรด์เสริมชนิดรับประทานหรือการเคลือบฟลูออไรด์โดยทันตแพทย์ และวางแผนการดูแลตามช่วงอายุอย่างเหมาะสม

ในการพบทันตแพทย์ทุกครั้ง ผู้ปกครองควรแจ้งให้ทันตแพทย์ทราบถึงชนิดของโรคหัวใจที่เด็กเป็น เพื่อทันตแพทย์จะได้พิจารณาให้ยาปฏิชีวนะอย่างเหมาะสมก่อนการรักษาทางทันตกรรมที่ต้องมีเลือดออก เพื่อป้องกันการติดเชื้อไปที่ผนังหัวใจ
คำแนะนำในการดูแลสุขภาพช่องปากในเด็กแรกเกิดถึง 6 ปี

ในเด็กแรกเกิด : ควรพบทันตแพทย์ครั้งแรกเพื่อรับคำแนะนำการดูแลสุขภาพช่องปากที่ถูกต้อง

เด็ก 6 เดือน : ฟันน้ำนมซี่แรกขึ้นให้เริ่มฝึกดื่มนมจากถ้วย (เมื่อเด็กหัดนั่ง) เลิกนมมื้อดึก

อายุ1-3 ปี : พบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน การนัดพบทันตแพทย์ขึ้นอยู่กับการพิจารณาเป็นกรณีไป

อายุมากกว่า 3 ปี : ฟันน้ำนมขึ้นครบ 20 ซี่ ก็จะเริ่มเคลือบฟลูออไรด์โดยทันตแพทย์

อายุ 6 ปี : ฟันกรามแท้ซี่แรกขึ้น นัดทันตแพทย์เพื่อปิดหลุมร่องฟันกรามที่ขึ้นใหม่.



ทันตแพทย์หญิงนันทนา ศรีอุดมพร/ทันตแพทย์หญิงศันสนีย์ ดีระลัภนานนท์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

ขอบคุณที่มาจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์


สุขภาพปากและฟันกับโรคหัวใจ

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

 ฮวงจุ้ยในห้องนอน

ฮวงจุ้ยในห้องนอน


เปิดอ่าน 21,702 ครั้ง
ยาสีฟันทำมาจากอะไร?

ยาสีฟันทำมาจากอะไร?


เปิดอ่าน 34,337 ครั้ง
สำรวจบ้าน-พิชิตโรค

สำรวจบ้าน-พิชิตโรค


เปิดอ่าน 9,153 ครั้ง
กระเทียม....เปี่ยมคุณค่า

กระเทียม....เปี่ยมคุณค่า


เปิดอ่าน 16,903 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

วิธีเช็คไฟฟ้าแบบง่าย ๆ

วิธีเช็คไฟฟ้าแบบง่าย ๆ

เปิดอ่าน 16,938 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
ลดความอ้วนด้วยตะเกียบ ช่วยถ่วงให้กินได้ช้าลงและคำเล็กลง
ลดความอ้วนด้วยตะเกียบ ช่วยถ่วงให้กินได้ช้าลงและคำเล็กลง
เปิดอ่าน 9,534 ☕ คลิกอ่านเลย

อยากรู้หรือไม่...คุณแก่เร็วไป หรือ อ่อนกว่าวัย ?
อยากรู้หรือไม่...คุณแก่เร็วไป หรือ อ่อนกว่าวัย ?
เปิดอ่าน 13,542 ☕ คลิกอ่านเลย

"ส้นเท้าแตก" เกิดจากอะไร และมีวิธีรักษาอย่างไร
"ส้นเท้าแตก" เกิดจากอะไร และมีวิธีรักษาอย่างไร
เปิดอ่าน 3,108 ☕ คลิกอ่านเลย

เผยโฉมสาวงามทั่วโลกชิง มิสยูนิเวิร์ส 2009
เผยโฉมสาวงามทั่วโลกชิง มิสยูนิเวิร์ส 2009
เปิดอ่าน 14,898 ☕ คลิกอ่านเลย

ประโยชน์ของ เมล็ดดอกทานตะวัน
ประโยชน์ของ เมล็ดดอกทานตะวัน
เปิดอ่าน 21,676 ☕ คลิกอ่านเลย

พบกล้องโทรทรรศน์
พบกล้องโทรทรรศน์'ไอสไตน์'ที่หายสาบสูญไปนาน
เปิดอ่าน 9,242 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

อาหารและโภชนาการที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ
อาหารและโภชนาการที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ
เปิดอ่าน 6,505 ครั้ง

ปฏิรูปการศึกษาไทย พายเรือในอ่าง (จบ)
ปฏิรูปการศึกษาไทย พายเรือในอ่าง (จบ)
เปิดอ่าน 9,958 ครั้ง

แนวทางในการพัฒนาระบบ
แนวทางในการพัฒนาระบบ
เปิดอ่าน 22,580 ครั้ง

การระบายสีจุดของกราฟ
การระบายสีจุดของกราฟ
เปิดอ่าน 20,644 ครั้ง

โลกต้องให้ความสำคัญกับครู (จบ)
โลกต้องให้ความสำคัญกับครู (จบ)
เปิดอ่าน 9,941 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ