ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมความรู้ทั่วไป  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

กิน เล่น เต้น วาด สุดยอดวิชาพัฒนาเด็ก


ความรู้ทั่วไป เปิดอ่าน : 16,338 ครั้ง
Advertisement

กิน เล่น เต้น วาด สุดยอดวิชาพัฒนาเด็ก

Advertisement

ผลวิจัยชี้เด็กไทยไอคิวลดจาก 90 เหลือ 88 เท่านั้น ยังไม่พอพัฒนาการเด็กไทยอายุ 0-5 ขวบ มีแนวโน้มลดลงจาก 71.9% เหลือ 71.69 % นี่คือเหตุผลของสถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในการจัดประชุมวิชาการ “การพัฒนาสติปัญญาเด็กไทย ครั้งที่ 2″ เพื่อระดมสมองและทำเวิร์คช็อปเรื่อง “กิน เล่น เต้น วาด ฉลาดจริงหรือ”

“ยืนยันว่าเด็กไทยไม่ได้โง่ และมีความฉลาดอยู่ในตัวเพียงแต่ผู้ปกครองมัวแต่ทำงาน จนอาจจะละเลย ไม่ได้ใส่ใจดูแลลูกให้พัฒนาการอย่างเหมาะสมตามวัย ซึ่งปัญหานี้แก้ไขได้ โดยการให้ความรู้แก่พ่อแม่ ครูอาจารย์ในการพัฒนาเด็กให้เหมาะสมตามวัย” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว

ฉะนั้น ตัวแปรสำคัญที่จะทำให้เด็กไทยมีระดับไอคิวที่ดีขึ้น รวมทั้งมีพฤติกรรมอันพึงประสงค์ของสังคม พ่อแม่และครูจะต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง โดยอาศัยกิจกรรมพื้นฐานที่เด็กทุกคนนิยมชมชอบ นั่นคือ กิน เล่น เต้น วาด

น.ส.จิราภรณ์ ประดิษฐ์ด้วง นักโภชนาการ สถาบันราชานุกูล กล่าวว่า มีงานวิจัยชี้ชัดเจนว่า สารอาหารที่ได้รับตั้งแต่อยู่ในครรภ์ตลอดถึงช่วงวัยเด็ก มีผลอย่างยิ่งต่อการเติบโตและพัฒนาการด้านเชาวน์ปัญญาของเด็ก ฉะนั้น หากพ่อแม่ต้องการให้ลูกมีพัฒนาการทางสมองที่ดี ต้องรู้จักเลือกอาหารหลัก 5 หมู่ให้ลูกรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม ดังนี้

หมู่ 1 โปรตีน เน้นถั่ว เนื้อปลาทะเลจะทำให้ได้สังกะสีและไอโอดีน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมอง เสริมด้วยนม จะช่วยให้กระปรี้กระเปร่าไม่ง่วง หมู่ 2 แป้ง ไม่ควรเน้นมากนักเพราะจะทำให้เฉื่อยชา ไม่ตื่นตัว หมู่ 3 ผัก หมู่ 4 ผลไม้ ควรเพิ่มปริมาณการกินในแต่ละวันให้มากขึ้น และมีความหลากหลาย และหมู่ 5 ไขมัน เป็นอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหากไม่อยากให้ลูกสมองตื้อนานๆ

ในส่วนของการเล่น นางพนิดา รัตนไพโรจน์ เจ้าหน้าที่สถาบันราชานุกูล แนะนำว่า การเล่นมีความสำคัญต่อพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สติปัญญา และทำให้เด็กควบคุมตัวเองได้

โดยในเด็กแรกเกิดถึง 1 ขวบ ควรเลือกของเล่นที่เขย่าเกิดเสียง หนังสือภาพ ตุ๊กตาผ้ารูปสัตว์ วัย 1-3 ขวบ เหมาะกับการเล่นม้าโยก ลูกบอล ของเล่นที่มีเชือกลากจูง ภาพตัวต่อ หนังสือนิทาน

วัย 3-5 ขวบ ควรเล่นจักรยาน เครื่องเล่นสำหรับปีนป่าย กระดานรูปทรงเรขาคณิต ภาพปริศนา และของจำลอง
เช่น เครื่องครัว เสื้อผ้าวัย 6-9 ขวบ เหมาะกับเครื่องเล่นสนาม ปาลูกบอลใส่เป้า ภาพต่อ สมุดภาพระบายสี รูปภาพลำดับเหตุการณ์ ดนตรี
เกมอิเล็กทรอนิกส์ วัย 10-12 ปี ควรเล่นกิจกรรมเข้าจังหวะ วาดรูประบายสี งานฝีมือ คอมพิวเตอร์และวัย 13-15 ปี เหมาะกับภาพตัดต่อมากกว่า 50 ชิ้น อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ สัตว์เลี้ยง และของสะสมต่างๆ นอกจากนี้ การเลือกนิทานที่เหมาะกับวัยของเด็ก จะช่วยเพิ่มระดับการเสริมสร้างสมองของลูกมากขึ้น ซึ่งควรเริ่มตั้งแต่ แม่ตั้งครรภ์ ด้วยการร้องเพลงหรืออ่านคำกลอนให้ลูกฟัง แรกเกิด- 1 ขวบ เน้นนิทานที่มีภาพเดี่ยวเสมือนจริง สีสันสวยงาม วัย 2-3 ขวบ เลือกนิทานที่เน้นเรื่องราวและภาพเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน เช่น สัตว์ โดยใช้ภาษาง่ายๆ

วัย 4-5 ขวบ เหมาะกับนิทานที่ใช้ภาษาแปลกๆ มีภาพน้อย วัย 6-7 ขวบ เน้นเรื่องสั้น ตลกขบขัน ใช้ภาษาง่ายๆ มีการสอดแทรกจริยธรรมวัย 8-11 ขวบ เหมาะกับนิทานประวัติบุคคล การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ เรื่องสั้นสำหรับเยาวชน และ วัย 12-15 ปี เลือกนิทานที่เนื้อหามีความซับซ้อน ท้าทายให้อยากรู้ต่อไปไม่เพียงเท่านี้ การเต้นเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่จะช่วยพัฒนาสมองของลูกน้อย นายฉัตรชัย วงศ์ศรี นักวิชาการการศึกษาพิเศษ สถาบันราชานุกูล บอกว่า การเต้น หรือการเคลื่อนไหวของเด็ก มีประโยชน์อย่างมาก เพราะเด็กวัยนี้ชอบอิสระ จึงเป็นโอกาสที่จะให้เด็กได้เรียนรู้การช่วยตนเอง กล้าแสดงออก ส่งเสริมสุขภาพกายและจิตใจให้สมบูรณ์

โดยเฉพาะหากเด็กได้เคลื่อนไหวประกอบดนตรีที่มีจังหวะช้า เร็ว นุ่มนวล ขึงขัง ร่าเริง และเศร้าโศกปนเปกันไป จะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาสมองของเด็ก โดยงานวิจัยของต่างประเทศระบุว่า เสียงดนตรีช่วยสร้างเส้นใยสมอง รวมทั้งเพิ่มความคิดอย่างมีเหตุผล ซึ่งเป็นพื้นฐานทางด้านคณิตศาสตร์

นางสมจิตร ไกรศรี เจ้าหน้าที่อาชีวบำบัด สถาบันราชานุกูล กล่าวว่า ศิลปะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทางสมองทั้ง 2 ด้าน ประสานกันมากขึ้น สอนให้เด็กรู้จักปรับ-ควบคุมอารมณ์มีสมาธิ อีกทั้งการทำงานศิลปะบ่อยๆ ทำให้สมองกล้ามเนื้อ และความจำทุกระบบตอบสนองการเรียนรู้ได้รวดเร็ว

“การพัฒนาสมองเด็กต้องเริ่มตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ เช่น ฟังนิทาน ดนตรี แต่ต้องไม่กระตุ้นมากเกินไป เมื่อเด็กเกิดมาต้องได้รับอาหารถ้วยแรกเป็นน้ำนมแม่ เพราะมีสารอาหารสำคัญ เช่น ไขมัน เหล็ก โปรตีน ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาสมอง และป้องกันการติดเชื้อในเด็ก ส่วนการเล่นช่วยพัฒนาเด็กหลายอย่าง เพราะการเคลื่อนไหวกระตุ้นการทำงานของร่างกาย และระหว่างเล่นก่อให้เกิดการเรียนรู้กติกา จริยธรรม รู้จักแก้ปัญหา สร้างจินตนาการ รวมทั้งหากพ่อแม่เล่นกับลูก ถ้าสังเกตลูกหยิบอะไรหล่นตก ลายมือไม่ดี แปลว่ากล้ามเนื้อมัดเล็กเขาไม่ดี จึงต้องมีกิจกรรมให้เล่นเพื่อช่วยพัฒนาเด็กในส่วนนี้ เช่น ปั้นดินน้ำมัน หรือแป้ง” พ.ญ.พรรณพิมล หล่อตระกูล ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล กล่าวทิ้งท้าย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก  คมชัดลึก


กิน เล่น เต้น วาด สุดยอดวิชาพัฒนาเด็กกินเล่นเต้นวาดสุดยอดวิชาพัฒนาเด็ก

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

8 สถานที่ยอดฮิตฉลองปีใหม่

8 สถานที่ยอดฮิตฉลองปีใหม่


เปิดอ่าน 11,517 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

คิดสักนิด...เพื่อจิตบริสุทธิ์

คิดสักนิด...เพื่อจิตบริสุทธิ์

เปิดอ่าน 13,017 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
ENNXO ชวนอ่านหนังสือพัฒนาตนเอง ปี 2024 ที่ต้องอ่านสักครั้งในชีวิต
ENNXO ชวนอ่านหนังสือพัฒนาตนเอง ปี 2024 ที่ต้องอ่านสักครั้งในชีวิต
เปิดอ่าน 2,091 ☕ คลิกอ่านเลย

5 อภิมหาม้าเหล็ก ทุบสถิติ วิ่งเร็วที่สุดในโลก
5 อภิมหาม้าเหล็ก ทุบสถิติ วิ่งเร็วที่สุดในโลก
เปิดอ่าน 11,338 ☕ คลิกอ่านเลย

ตารางชีวิตของผู้ประสบความสำเร็จ
ตารางชีวิตของผู้ประสบความสำเร็จ
เปิดอ่าน 14,308 ☕ คลิกอ่านเลย

คุณประโยชน์ต่างๆของผักโดยเฉพาะ
คุณประโยชน์ต่างๆของผักโดยเฉพาะ
เปิดอ่าน 13,369 ☕ คลิกอ่านเลย

สัญญาณบอกอาการ 15 โรคฮิต เช็กดูสักนิด ก่อนจิตตก
สัญญาณบอกอาการ 15 โรคฮิต เช็กดูสักนิด ก่อนจิตตก
เปิดอ่าน 14,048 ☕ คลิกอ่านเลย

29 ก.ค. วันภาษาไทยแห่งชาติ
29 ก.ค. วันภาษาไทยแห่งชาติ
เปิดอ่าน 15,389 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

สพฐ.เผยแพร่หน่วยการเรียนรู้ Active Learning ที่ได้รับรางวัลเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับครูในการออกแบบหน่วยการเรียนรู้
สพฐ.เผยแพร่หน่วยการเรียนรู้ Active Learning ที่ได้รับรางวัลเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับครูในการออกแบบหน่วยการเรียนรู้
เปิดอ่าน 32,050 ครั้ง

ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบของตัวแปรปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อคุณภาพชีวิตการทำงานของครูในจังหวัดนค
ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบของตัวแปรปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อคุณภาพชีวิตการทำงานของครูในจังหวัดนค
เปิดอ่าน 21,697 ครั้ง

ไขมันที่มองไม่เห็น อันตรายที่ไม่รู้ตัว คนผอมต้องระวัง!!!
ไขมันที่มองไม่เห็น อันตรายที่ไม่รู้ตัว คนผอมต้องระวัง!!!
เปิดอ่าน 15,875 ครั้ง

จิตรกรรมไทยแบบประเพณี
จิตรกรรมไทยแบบประเพณี
เปิดอ่าน 26,653 ครั้ง

ความเข้าใจเรื่องแผ่นดินไหว: ประเทศไทยกับ 3 รอยเลื่อนมีพลัง และพื้นที่เสี่ยงภัย 5 ระดับ
ความเข้าใจเรื่องแผ่นดินไหว: ประเทศไทยกับ 3 รอยเลื่อนมีพลัง และพื้นที่เสี่ยงภัย 5 ระดับ
เปิดอ่าน 24,222 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ