Advertisement
❝ เวลาของ "ไอน์สไตน์" จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับความเร็วของวัตถุนั้นๆ ที่เคลื่อนที่สัมพัทธ์กับวัตถุอื่นๆ ❞
เอเอฟพี - สำหรับคนทั่วไปเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็ว ขณะที่เวลาของความทุกข์ดูเหมือนจะเคลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ แต่สำหรับเวลาของ "ไอน์สไตน์" จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับความเร็วของวัตถุนั้นๆ ที่เคลื่อนที่สัมพัทธ์กับวัตถุอื่นๆ ซึ่งแนวคิดนี้แม้ว่าจะผ่านไปนานนับศตวรรตแล้ว นักวิทยาศาสตร์ก็พบว่าทฤษฎีดังกล่าวยังถูกต้อง
เมื่อปี 2448 อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน ได้เขียนตำราเกี่ยวกับสัมพัทธภาพของเวลา ซึ่งเสนอทฤษฎีที่โด่งดังว่าเวลาจะผ่านไปเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับว่าวัตถุนั้นๆ เคลื่อนที่เร็วหรือช้าสัมพัทธ์กับวัตถุอื่นๆ
ยกตัวอย่างฝาแฝดที่คนหนึ่งออกไปนอกโลกด้วยความเร็วใกล้แสง เทียบกับแฝดที่อยู่บนโลก เวลาของแฝดที่ออกไปนอกโลกจะช้ากว่าแฝดที่อยู่บนโลก ซึ่งไอน์สไตน์เรียกปรากฏการณ์ดังกล่าวว่า "การยืดของเวลา" (time dilation)
ล่าสุด เจอรัลด์ กวินเนอร์ (Gerald Gwinner) จากมหาวิทยาลัยมานิโทบา (University of Manitoba) ในวินนิเปก แคนาดาพิสูจน์ทฤษฎีของไอน์สไตน์และเผยแพร่รายงานการศึกษาผ่านวารสารเนเจอร์ฟิสิกส์ (Nature Physics) ซึ่งการทดลองที่ละเอียดละออของเขา เป็นไปตามปรากฏการณ์การยืดของเวลา
กวินเนอร์ร่วมมือกับนักวิจัยนานาชาติใช้เครื่องเร่งอนุภาค เพื่อยิงลำอนุภาค 2 ลำไปรอบๆ เส้นทางที่มีรูปร่างเป็นรูปโดนัทเพื่อแทนวัตถุที่เคลื่อนเร็วกว่า จากนั้นก็จับเวลาด้วยเครื่องสเปกโตรสโคปีเลเซอร์ (laser spectroscopy) ที่มีความแม่นยำสูง และพบว่าเมื่อเปรียบเทียบเวลาของนักเดินทางระดับอะตอมกับโลกปกติภายนอกแล้ว เวลาของลำอนุภาคเดินช้ากว่า
"เราสามารถวัดผลได้แม่นยำกว่าที่เคย เราพบผลที่สอดคล้องกันโดยสมบูรณ์" กวินเนอร์ซึ่งเป็นหัวหน้าในการวิจัยครั้งนี้กล่าว และแจงว่าการทดลองครั้งนี้ได้รับรองเทคโนโลยีดาวเทียมจีพีเอส (GPS) ซึ่งเป็นดาวเทียมทางการทหารของสหรัฐฯ ที่ส่งสัญญาณให้กับระบบจีพีเอส ใช้นำร่องเส้นทางรอบโลก ซึ่งดาวเทียมจีพีเอสนี้ได้ติดตั้งนาฬิกาอะตอมที่แม่นยำ เพื่อส่งสัญญาณเป็นจังหวะๆ จากนั้นใช้หลักทางตรีโกณมิติเพื่อระบุตำแหน่งๆ หนึ่ง
"ระบบจีพีเอสใช้ดาวเทียมเพื่อวัดตำแหน่งของวัตถุบนพื้นโลก แต่ก็จำเป็นต้องพิจารณาความจริงที่ว่า ดาวเทียมเองนั้นเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงเท่าที่ได้โคจรรอบโลก และการทดลองของเราได้ให้เหตุผลกับทฤษฎีในการใช้อุปกรณ์สำหรับชดเชยค่าการเคลื่อนที่ของดาวเทียม" กวินเนอร์กล่าว
การทดลองเพื่อพิสูจน์ทฤษฎีของไอน์สไตน์นี้ เกิดขึ้นที่สถาบันมักซ์ พลังก์เพื่อการวิจัยฟิสิกส์นิวเคลียร์ (Max Planck Institute for Nuclear Physics) ในไฮเดลเบิร์ก เยอรมนี และได้ร่วมเอานักวิจัยจากด้านควอนตัมแสงที่อยู่ในองค์กรเดียวกับสถาบันดังกล่าวและมหาวิทยาลัยไมนซ์ (Mainz University) ในเยอรมนีมาร่วมศึกษา
สำหรับการวัดการยืดของเวลาตามทฤษฎีไอน์สไตน์นี้เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2481 โดยนักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ ได้ใช้ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ (Doppler effect) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงของความถี่เสียงและการได้ยินของผู้คน เมื่อมีการเคลื่อนที่เข้าหาหรือออกห่างจากกัน เป็นเครื่องมือในการพิสูจน์ทฤษฎีของไอน์สไตน์
ทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ได้กลายมาเป็นพื้นฐานของนิยายวิทยาศาสตร์นับไม่ถ้วน เพื่อเปิดสู่เรื่องราวการเดินทางข้ามเวลา โดยตัวอย่างของเรื่องฝาแฝดที่ขัดแย้ง (twin paradox) ก็เป็นกรณีคลาสสิคที่ได้รับการหยิบยกพูดถึง
ขอบคุณที่มาจาก ผู้จัดการออนไลน์ 16 พฤศจิกายน 2550
คุณครูใช้พลังเสียงแต่ละวันมากไหม? ลองดู (ไมค์wireless,รองรับFM) Rolton K400FM ไมค์ลอย ไมค์ไร้สาย ไมค์ช่วยสอน ลำโพงพกพา ลำโพง ไมค์ลอย K400 FM ในราคา ฿494 - ฿592 ที่ Shopeehttps://s.shopee.co.th/50IAUAsJw0?share_channel_code=6
Advertisement
เปิดอ่าน 22,248 ครั้ง เปิดอ่าน 23,235 ครั้ง เปิดอ่าน 25,166 ครั้ง เปิดอ่าน 39,580 ครั้ง เปิดอ่าน 31,403 ครั้ง เปิดอ่าน 2,570 ครั้ง เปิดอ่าน 25,255 ครั้ง เปิดอ่าน 13,262 ครั้ง เปิดอ่าน 20,035 ครั้ง เปิดอ่าน 1,615 ครั้ง เปิดอ่าน 16,828 ครั้ง เปิดอ่าน 15,314 ครั้ง เปิดอ่าน 13,404 ครั้ง เปิดอ่าน 10,510 ครั้ง เปิดอ่าน 18,829 ครั้ง เปิดอ่าน 9,506 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 31,808 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 15,935 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 68,379 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 13,824 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 32,047 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 31,130 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 31,808 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 20,004 ครั้ง |
เปิดอ่าน 14,221 ครั้ง |
เปิดอ่าน 21,951 ครั้ง |
เปิดอ่าน 8,926 ครั้ง |
เปิดอ่าน 34,179 ครั้ง |
|
|