คำว่า พ่อ ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้ความหมาย ว่าหมายถึง ชายผู้ให้กำเนิดลูก หรือคำที่ลูกเรียกชายผู้ให้กำเนิดตน ส่วนทางพุทธศาสนา ได้ให้ความหมายของคำว่า พ่อ หมายถึง ชายผู้ให้กำเนิดแก่ลูก มีใช้หลายคำ เช่น บิดา (พ่อ), ชนก (ผู้ให้กำเนิด) ซึ่งจริงๆ แล้วพ่อเป็นได้มากกว่าในพจนานุกรม ด้วยจากความรัก และความห่วงใย ที่พ่อมีให้แก่ลูก คนที่ได้ชื่อว่า พ่อ นั้นเป็นได้ทุกอย่างสำหรับลูก อาทิ
- เพื่อน คือ ทำให้เราไม่รู้สึกเหงา ในวันที่ครอบครัวย้ายบ้านใหม่ ทำให้เราไม่รู้จักใครเลยสักคน พ่อจะเปลี่ยนสถานะจากสามีแม่ มาเป็นเพื่อนของเรา ทำให้เรารู้สึกไม่เหงา พ่อพาเราไปเดินเล่นรอบหมู่บ้าน พาเราไปเตะบอลที่สนามหลังหมู่บ้าน ทำให้เรารู้สึกว่าไม่เหงาอีกต่อไป ทำให้เรารู้สึกไม่ต้องการใครอีก ขอเพียงเพื่อนคนนี้ที่เราเรียกเขาว่า “พ่อ” ก็พอ
- พี่คือ เวลาที่เราทะเลาะกับเพื่อน เราจะรู้สึกว่าวันนั้นเป็นวันที่แย่ที่สุด แต่ทั้งที่ไม่แสดงออก ซึ่งจะมีคนหนึ่งที่รู้นั้น ก็คือพี่ (หมายถึงพ่อเรานั่นเอง) จะเข้ามาถามว่า ทำไมวันนี้กลับบ้านมาเร็วจัง มีอะไรหรือเปล่า! พอเราบอกว่าทะเลาะกับเพื่อน พี่(พ่อ) ของเราก็จะปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็ดีกันเชื่อพ่อเถอะ” หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้น เพื่อนเราก็กลับมาเล่นกันเหมือนเดิม แม้วันนั้นจะโกรธกัน แต่เพราะพ่อของเรา ที่เข้ามาไกล่เกลี่ยทำให้เรากลับมาคบกันเหมือนเดิม
- พันธบัตร คือ ตอนเราเป็นเด็ก เราทุกคนยังไม่มีรายได้ ที่จะซื้อสิ่งของต่างๆ ที่อยากได้ พ่อก็จะเป็นเหมือนพันธบัตร ที่คอยซื้อสิ่งของที่เราอยากได้ให้กับลูก ถึงแม้จะมีราคาแพงเท่าไร พ่อก็จะขวนขวายหามาให้เรา เพื่อความสุขของลูก ถ้าเรารักพ่อ ก็ควรจะช่วยพ่อประหยัด เพื่อพ่อจะได้ไม่ต้องเหนื่อยก็พอ
- พาหนะ คือ ไม่ว่าเราอยากไปที่ไหนนั้น พ่อก็จะเป็นคนพาเราไปเหมือนดั่ง พาหนะ ที่จะพาเราไปทุกที่ทีอยากไป หรือเป็นรถโรงเรียน ในวันที่เราไปไม่ทัน เพราะพ่อหวังอย่างเดียวว่า ขอให้ลูกมีความสุข และเป็นคนดีของสังคม เพียงเท่านี้ต่อให้ใกล้หรือไกล พ่อก็จะเป็นพาหนะให้เราไปทุกที่
- พยาบาล คือ ในยามที่เราป่วยไข้ ไม่สบาย ก็มีพ่อนี่แหล่ะ ที่เป็นพยาบาลคอยดูแลรักษาเรา ด้วยความรักและห่วงใยตลอด ถึงจะดึกแค่ไหน พ่อก็ดูแลเราไม่ให้คลาดสายตา ถึงแม้ว่าพ่อจะเหนื่อย หรืออดหลับอดนอนเพื่อดูแลเรา เพียงขอให้ลูกหายป่วย เท่านั้นพ่อก็มีความสุขแล้ว กับการได้เป็นพยาบาล
- พระ คือ พ่อเราเปรียบเสมือนพระในบ้าน ซึ่งคนเฒ่าคนแก่ บอกว่าอะไรก็ไม่ดี เท่ากับพระที่บ้านที่มีอยู่ 2 องค์ คือพ่อกับแม่ของเรา เราจึงควรรักและเคารพท่าน เพราะท่านนั้นอยากให้เราได้ดี เพราะไม่มีพ่อคนไหน ที่อยากให้ลูกเป็นคนเลวประพฤติตนไม่ดี เช่น บางทีเราจะไปเที่ยวพ่อก็จะเตือนว่า “อย่ากลับดึกนะลูก” เมื่อเราได้ยินประโยคนี้จะตอบไปว่า “พ่อผมโตแล้ว” คำพูดของพ่อนั้น มาจากความห่วงใยอย่างแท้จริง
ถ้าคนเป็นพ่ออยากจะพูดเป็นล้านคำ แต่เมื่อลูกโตแล้ว จึงคิดว่าถ้าโตแล้ว จะบังคับก็คงไม่ได้ จึงพูดในเชิงความห่วงใย ซึ่งทุกคนก็คงคิดว่า แค่คำแบบนี้เอง แต่สำหรับคนที่เป็นพ่อนั้น คำพูดแบบนี้ ก็เป็นคำที่มีความหมายที่ลึกซึ้ง ถ้าเป็นไปได้ พ่อคงจะรั้งเรา แต่เพราะพ่อเคารพในตัวเรา และการตัดสินใจของเรา แต่เราทุกคนจงอย่าลืมนะว่า ตอนเรากลับบ้าน คนที่ตื่นมาเปิดไฟ หรือเปิดประตูให้เรา จะเป็นใครนอกจากคนที่เราเรียกว่า “พ่อ” นั่นเอง ที่กล่าวมานั้น พ่อเป็นได้ทุกอย่าง เพื่อลูกทั้งนั้นโดย เป็นทั้ง พ่อ, เพื่อน, พี่, พันธบัตรหรือเป็นพาหนะ
ที่กล่าวมานั้น ถือเป็นผู้ที่หวังดีที่สุด และเรารักมากที่สุด และเนื่องในวันที่ 5 ธันวาคม ที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็น “วันพ่อแห่งชาติ” เราก็ควรที่จะตอบแทนพระคุณของท่าน โดยการมอบสิ่งดีๆ ให้กับท่าน ด้วยการพาคุณพ่อไปทำบุญที่วัด พาคุณพ่อไปทานข้าว หรือส่ง SMS บอกรักพ่อ ซึ่งการแสดงความรักต่อพ่อนั้น ไม่จำเป็นว่าเราจะทำแค่วันพ่อเพียงแค่วันเดียว แต่เราทุกๆ คน ควรที่จะรักพ่อทุกๆ วัน ให้สมกับที่ท่านรักเรา ทะนุถนอม และเลี้ยงเราจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันนี้ หากใครยังเขินที่จะบอกรักพ่อ กอดพ่อ ก็ให้เอาวันพ่อเป็นวันเริ่มต้น และกระทำให้เป็นนิสัย เชื่อเถอะ ลูกผู้ชายอย่างพ่อ...ก็มีน้ำตาซึมได้
ข้อมูลข่าว : ณัฐธร ศรีธนิโยปกรณ์ กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ