สำหรับเวิร์กกิ้งมัม ช่วงเวลาปิดเทอม หรือระหว่างที่ผู้ช่วยดูแลเจ้าตัวเล็ก ไม่ว่าจะพี่เลี้ยง หรือปู่ย่าตายายเกิดมีธุระปะปังขึ้นมา ทางออกที่ดีที่สุดก็คือ กระเตงเจ้าตัวเล็กไปทำงานด้วยกันซะเลย ซึ่งน่าดีใจที่ที่ทำงานส่วนใหญ่มักจะเข้าใจในความจำเป็นนี้ แถมบางครั้งการมีเด็ก ๆ มาอยู่ในที่ทำงานยังสร้างรอยยิ้ม และความสุขให้พี่ป้าน้าอาบรรดาเพื่อนร่วมงานของคุณแม่ได้อีกด้วย
นอกจากนี้การพาลูกมาที่ทำงานยังมีประโยชน์ต่อเจ้าตัวเล็กอีกถึง 6 ข้อด้วยกัน นั่นก็คือ...
1. เสริมประสบการณ์นอกบ้านให้
การพาลูกมาที่ทำงานจะช่วยให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ นอกบ้านได้รู้ว่าระหว่างที่คุณแม่ไม่อยู่กับเค้านั้น แม่ใช้เวลาแต่ละวันทำอะไรบ้าง
หากลูกสงสัยควรเล่าให้ฟังอย่างคร่าว ๆ ว่างานที่คุณทำนั้นเกี่ยวกับอะไรและเขาควรจะทำตัวอย่างไร เช่น คุณแม่เป็นคุณครู ระหว่างที่คุณแม้ไปสอนหนังสือพี่ ๆ ลูกจะต้องนั่งเล่นอยู่เงียบ ๆ ไม่รบกวนคนอื่น หรือแม่อาจจะฝากลูกไว้กับเพื่อนร่วมงาน ห้ามดื้อห้ามซนเด็ดขาด เพราะลูกโตแล้วแม่จึงไว้ใจพาลูกมาที่ทำงานได้
การบอกเช่นนี้ จะสร้างความรู้สึกดี ๆ ให้ลูก เพราะเมื่อเขาได้รู้เขาจะรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง และได้เรียนรู้ว่าแต่ละคนก็มีหน้าที่ของตัว
2. รู้จักมารยาทการเข้าสังคมการอยู่ร่วมกับผู้ใหญ่
เชื่อว่าสิ่งแรกที่คุณจะทำเมื่อไปถึงที่ทำงานก็คือ พาเจ้าตัวเล็กไปทักทายสวัสดีพี่ป้าน้าอาเพื่อนร่วมงานของคุณ นี่อาจจะเป็นเรื่องธรรมดา ๆ ที่ทำไปโดยอัตโนมัติ แต่ลูกกำลังเรียนรู้เรื่องมารยาทการเข้าสังคมค่ะ
เด็กเล็ก ๆ มักจะเคยชินกับผู้ใหญ่ใกล้ชิดในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย หรือพี่เลี้ยงที่ล้วนแต่รักใคร่ เข้าใจ และเอ็นดูเขา จนเขาเอาแต่ใจได้เต็มที่ แต่สำหรับนอกบ้านแล้วไม่ควรเป็นเช่นนั้น บางครั้งคุณแม่อาจจะได้พบความประหลาดใจว่า เขาสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง และทำตัวเรียบร้อยน่ารักกว่าตอนอยู่บ้านซะอีก
3. รู้จักช่วยเหลืองานเล็ก ๆ น้อย
ในช่วงที่งานไม่ยุ่งนัก อาจให้เขาช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ เขาจะทั้งสนุก และภูมิใจกับการที่ได้เป็นผู้ช่วยตัวจิ๋วของคุณแม่ และเรื่องสำคัญที่ลืมไม่ได้ก็คือ การให้รางวัลเมื่อเขาเป็นเด็กดี เพราะนั่นจะทำให้เขาอยากเป็นเด็กดีในทุก ๆ ครั้งที่ต้องมาทำงานกับคุณ
อ้อ...แต่ถ้าการพยายามช่วยของเขาเป็นการช่วยป่วนละก็ ทำใจให้เย็น ๆ ไว้ก่อน แล้วค่อย ๆ อธิบายให้เจ้าตัวดีรู้ว่า ที่กำลังทำอยู่น่ะ ช่วยให้ยุ่งนะพ่อตัวร้าย
4. เรียนรู้ที่จะอยู่ตามลำพังบ้าง
แน่นอนว่านี่คือที่ทำงาน สิ่งที่คุณแม่ต้องทำก็คือทำงาน คุณจึงต้องเตรียมของเล่นชิ้นโปรดของลูกมาด้วย อาจจะเป็นตุ๊กตาตัวโปรด หนังสือนิทานภาพสีสวย สมุดระบายสี ตุ๊กตา รถ หุ่นยนต์ เตรียมมาหลาย ๆ อย่าง เผื่อลูกเบื่อจะได้เปลี่ยนไปเล่นอย่างอื่นได้ แต่ก็ไม่ควรเตรียมมาเยอะจนห้องทำงานของคุณแม่กลายเป็นร้านของเล่นไป และควรเตือนลูกว่าผู้ใหญ่ต้องทำงาน ดังนั้นเขาต้องนั่งเล่นคนเดียวเงียบ ๆ
หากลูกง่วง ควรให้เขาได้นอนกลางวัน คุณแม่ควรเตรียมที่นอนเล็ก ๆ ที่พับเก็บได้ ให้เขานอนใกล้ ๆ โต๊ะทำงานของคุณแม่ หรือในบริเวณที่ไม่มีคนเดินพลุกพล่าน
5 . ฝึกวินัย สร้างความมีระเบียบ
อย่างที่บอกไว้ เด็กส่วนมากมักทำตัวเรียบร้อยน่ารักกับผู้ใหญ่นอกบ้าน นี่จึงเป็นโอกาสดีที่คุณจะฝึกวินัย สร้างนิสัยความมีระเบียบให้ลูก โดยทำข้อตกลงว่า เขาสามารถทำอะไรได้บ้าง และสิ่งไหนที่ "ห้าม" อย่างเด็ดขาด เช่น ห้ามวิ่งเล่น ห้ามส่งเสียงดังรบกวนคนอื่น ต้องนั่งเล่นเงียบ ๆ ถ้าต้องการอะไรให้ถามแม่ก่อน ของเล่นชิ้นไหนที่เบื่อแล้วต้องเก็บให้เรียบร้อยก่อนที่จะหยิบเอาของชิ้นใหม่ เมื่อกินนมเสร็จแล้วต้องนำกล่องไปทิ้งที่ถังขยะ ฯลฯ
6. รู้จักเรื่องเวลาและการอดทนรอคอย
นอกเหนือจากการฝึกวินัย สร้างความมีระเบียบแล้ว การพาลูกมาที่ทำงานยังช่วยให้ลูกได้เรียนรู้เรื่องเวลาและการอดทนรอคอย ด้วยกฎเหล็ก ห้ามร้องขอกลับบ้านก่อนเวลาเลิกงาน ห้ามเข้ามายุ่งกับงานที่คุณทำ
ถึงจะตั้งกฎไว้แต่เด็กก็คือเด็กเรื่องงอแงรบเร้าต้องมีแน่ แต่คุณแม่ต้องใจแข็งค่ะไม่ว่าเขาจะรบเร้าแค่ไหน อย่าเพิ่งให้เขามายุ่งกับงานที่คุณทำ หรือยอมโดดงานพาเขากลับบ้านเชียว ไม่อย่างนั้นเขาจะได้เรียนรู้สิ่งที่ตรงข้ามกัน คือ การดื้อทำให้เขาได้สิ่งที่ต้องการ
ข้อคิดเตือนใจจากผู้ใหญ่ใจดี
แม้ว่าการพาลูกไปทำงานจะมีข้อดี ช่วยให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย แต่ก็ยังมีเรื่องที่ต้องระวังอยู่มาก เรื่องนี้นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกระทรวงมหาดไทย เตือนว่า มีจุดเสี่ยงในที่ทำงาน (ออฟฟิศ) ที่อาจเกิดอันตรายกับเด็ก เช่น
ประตู โดยเฉพาะประตูเปิด-ปิดอัตโนมัติ ซึ่งเด็กส่วนใหญ่มักวิ่งเข้าออกด้วยความรวดเร็วหากระบบการทำงานตรวจจับสัญญาณของประตูขัดข้อง เด็กอาจวิ่งชนประตูได้รับบาดเจ็บ
แฟ้มเอกสาร ซึ่งมักจัดเก็บไว้บนหลังตู้หรือชั้นวางของหากเด็กปีนป่ายหรือวิ่งชน อาจทำให้ได้รับอันตรายจากสิ่งของหล่นใส่
โต๊ะทำงาน ควรนำฟองน้ำหรือกระดาษมาหุ้มปิดมุมขอบโต๊ะเพื่อป้องกันเด็กวิ่งชน และไม่จัดวางสิ่งของไว้ชิดริมโต๊ะมากไป
พื้นกระเบื้องปูพื้น ที่ทำงานหลายแห่งมักขัดพื้นจนมันวาว กระเบื้องปูพื้นหลุดล่อนบางส่วนรอยต่อของพรมปูพื้นไม่เรียบ หากเด็กเดินอย่างไม่ระมัดระวังอาจสะดุดล้ม
ลิฟต์ ควรสอนให้เด็กรู้ว่าลิฟต์เป็นสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ใช่เครื่องเล่น ไม่ควรให้เด็กใช้ลิฟต์ตามลำพัง รวมถึงไม่ควรให้เด็กยืนพิงประตูลิฟต์
บันได ไม่ควรปล่อยให้เด็กวิ่งขึ้นลงหรือเล่นบริเวณบันได
อุปกรณ์สำนักงาน ชิ้นเล็ก ๆ เช่น เข็มหมุดติดบอร์ดตัวหนีบ คลิปหนีกระดาษ ลวดเย็บกระดาษ กรรไกร คัตเตอร์ ควรเก็บให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันเด็กนำมาเล่น, กลิ่นเหม็นจากหมึกพิมพ์ และแสงจากเครื่องถ่ายเอกสารเป็นสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย, เก้าอี้ล้อเลื่อน ไม่ควรให้เด็กขึ้นไปปืนเล่นบนเก้าอี้ เพราะอาจลื่นไถลและพลิกคว่ำได้ง่าย, ควรดูมิให้เด็กดึงสายไฟ หรือเอานิ้วแหย่ปลั๊กไฟเล่น เพราะอาจถูกไฟฟ้าดูดเสียชีวิตได้
เช็กสักนิดก่อนออกจากบ้าน เพื่อให้วันทำงานที่มีลูกอยู่ด้วยไม่เป็นวันชุลมุน ก่อนออกจากบ้าน ตรวจเช็กกันสักนิดว่า มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมแล้ว
- อุปกรณ์การกินนม สำหรับเด็กเล็ก หรือนมกล่องสำหรับเด็กโต
- ผ้าอ้อมสำเร็จรูป สำหรับเด็กเล็ก
- เสื้อ กางเกง 2-3 ชุด
- ผ้าขนหนู
- ที่นอนเล็ก ๆ ที่พับเก็บได้พร้อมผ้าห่ม หมอนคู่กาย
- ยาหม่อง ยาทาแก้คัน ยาใส่แผล เผื่อฉุกเฉิน
- กระดาษเช็ดทำความสะอาดสำหรับเด็ก (Baby Wipes)
- ของเล่นชิ้นโปรด ขนมอร่อย ๆ
ขอบคุณความรู้จาก :: M&C แม่และเด็ก