3 กรกฏาคม 2551
เรียน ท่านที่เคยอ่านบทความของอาจารย์มงคล กริชติทายาวุธ และต้องการ อ่านต่อ
หลังเกษียณอายุงานในปี 2550 แล้ว เดิมผมคิดว่าจะมีเวลาส่วนตัวมากกว่าช่วงทำงานเป็นผู้บริหารระดับ Senior Vice President ของธนาคารกรุงไทย แต่กลับปรากฏว่า กลับมีงานการเป็นวิทยากรทางกฎหมาย และที่ปรึกษากฎหมายแรงงานมากกว่าที่คาดหมายเดิมมาก จึงจำเป็นต้องงดเขียนบทความเป็นการชั่วคราว คาดว่าในเดือนตุลาคม 2551 จะเป็นเดือนแรกที่กลับมาเขียนบทความให้อ่านฟรีอีกครั้ง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆเหมือนเช่นเคย รวมทั้งจะนำไปเผยแพร่ต่อหรือไม่ ไม่มีโทษใดๆ และไม่สงวนลิขสิทธิ์ใดๆ หากเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนมนุษย์ร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย ได้บ้าง ก็ช่วยส่งข่าวสาร หรือ forword ต่อไป ตามที่ท่านจะพิจารณาเห็นสมตวร
สำหรับปีนี้ขอให้ท่านมีสติรอบคอบมากเป็นพิเศษ ในวันที่ 11 เดือน 11 ปี 51 บวกลบไม่เกิน 3 วัน น่าจะเกิดเหตุเภทภัยใหญ่ มีผู้คนล้มตายจำนวนมาก ในขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะเกิดอะไรขึ้น และเกิดขึ้นในพื้นที่ใด เพียงแต่ทราบว่า หากครูบาอาจารย์ ไม่สามารถร่วมกันแผ่พลังเมตตาจิต แผ่อภิจิตให้สถานการณ์คลี่คลาย ประชาชนทั้งหลายยังคงคิดแต่จะหาเรื่องที่จะเกลียดชังกัน จ้องคิดจะทำลายล้างกัน ด้วยเล่ห์กลเพทุบายต่างๆ อยู่ต่อไป ก็คงต้องยอมรับชะตากรรม ซึ่งเป็นบ่วงกรรมที่ประชาชนคนในชาติของเรา เป็นผู้สร้างกระแสเลวร้ายให้เกิดขึ้นเอง ก็อาจยากที่จะผ่อนหนักเป็นเบาได้ หายนะนี้คงเกิดขึ้นให้เห็นค่อนข้างแน่ หากท่านใดได้มีโอกาสอ่านข้อความนี้ และมีครูบาอาจารย์ที่มีพลังฌานแก่กล้า ขอย้ำว่า เฉพาะครูบาอาจารย์ที่มีพลังฌานแก่กล้า หรือมีญาณทัศนะ ญาณวิถีสูงเท่านั้น ที่ควรหาจังหวะเข้าไปกราบเรียนถามท่าน ( มิใช่ไปสอบถามจากครูบาอาจารย์ที่เป็นนักเทศน์ หรือที่เป็นนักปราชญ์ ผู้ที่ไม่มีพลังฌานแก่กล้า หรือไม่มีญาณทัศนะ ซึ่งท่านไม่มีทางทราบเหตุการณ์ในอนาคตแน่นอน โปรดอย่าได้สอบถามจากผู้ไม่รู้ในเรื่องดังกล่าว )
สำหรับท่านที่โชคดีมีครูบาอาจารย์ที่มีพลังฌานแก่กล้า หรือมีญาณทัศนะ ญาณวิถีสูง ขอให้ท่านกรุณากราบเรียนถามท่านเพิ่มเติม ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น สถานที่เกิด วันเวลาที่จะเกิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปฎิบัติตน ก่อนและหลังเหตุร้ายแรงที่จะเกิดขึ้น และกรุณาส่งข่าวต่อให้ผม (นายมงคล กริชติทายาวุธ) ได้ทราบด้วย จักขอบพระคุณยิ่ง แต่ขอให้ท่าน ญาติพี่น้องของท่าน เพื่อนสนิทมิตรสหายที่ท่านมีความปรารถนาดีด้วย โปรดใช้ความมีสติมีสัมปชัญญะให้มากเป็นพิเศษ ในช่วงเวลาดังกล่าวไว้ก่อน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ใดๆ เดินทางไปที่ไหน หรือแม้แต่อยู่ในที่พักอาศัยของท่านเอง โดยขอให้สังเกตเส้นทางหนีทีไล่ ขอให้ท่านจินตนาการว่า หากเกิดเหตุร้ายแรงใดๆเกิดขึ้น ไม่ว่าวาตภัย(พายุใหญ่) อุทกภัย(น้ำท่วมใหญ่) อัคคีภัย(ไฟใหม้) ธรณีพิบัติภัย(แผ่นดินไหว) โคลนถล่ม / น้ำป่า ( ซึ่งมาเร็ว – ไปเร็ว แต่ทำความเสียหายได้มาก ) หรืออุบัติภัยใดๆ หากเกิดขึ้นในบริเวณที่ท่านพักอยู่ ท่าน และคนที่ท่านปรารถนาดีที่มีโอกาสทราบเรื่องนี้ล่วงหน้า จะได้คิดวางแผนหลบหลีกภยันตรายดังกล่าวได้ทันท่วงที และอยู่รอดปลอดภัย จะได้มีโอกาสเห็นหิมะตกในดินแดนประเทศไทยในอีก 4 – 5 ปีข้างหน้า
อย่างน้อยที่สุด หากคิดอะไรยังไม่ออก ให้เริ่มคิดว่า นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เราต้องรักษาศีล 5 ให้เป็นปกติมากขึ้น แบ่งเวลาทำจิตให้สงบเย็นมากขึ้น แสดงความกตัญญูกตเวที ( รู้บุญคุณ และตอบแทนบุญคุณ ) ต่อคุณพ่อคุณแม่ ปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอา ครูบาอาจารย์ หรือผู้ที่เคยมีพระคุณแก่ท่าน และ/หรือ ผู้ที่เคยมีพระคุณต่อครอบครัวของท่าน ในโอกาสแรกๆที่สามารถกระทำได้ โดยไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง หากต่อไปนี้ให้การช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นได้ โดยไม่เป็นที่เดือดร้อนแก่ตนเองและครอบครัว ก็ขอให้ใช้เวลาที่เรามีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน แสดงความปรารถนาดีที่ต้องการช่วยเหลือให้ผู้อื่นมีความสุข ให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์ ไม่เบียดเบียนทำตวามเดือดร้อนให้แก่ผู้ใด ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นได้ดี หากเกินความสามารถในการให้ความช่วยเหลือ ก็ต้องวางใจเป็นกลาง ให้เห็นสัจจธรรมของชีวิตว่า มันก็เป็นของมันเช่นนั้นเอง เป็นไปตามเหตุ ตามปัจจัย ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้แน่นอน มีเกิดขึ้นแล้วคงอยู่สักระยะหนึ่ง ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ในที่สุดก็แตกสลาย ตัวเราเองจะต้องรู้จักการให้อภัยในทุกสิ่งที่เราไม่พอใจ ข้องคับใจ โกรธ โมโห ผูกอาฆาต พยาบาท ให้มากยิ่งขึ้น ให้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยยกระดับและเสริสร้างจิตใจของตัวเราเองให้มีความสงบเย็นเร็วขึ้นมากขึ้น มิใช่เป็นการช่วยสังคมเท่านั้น แต่เป็นการช่วยตัวเรา และครอบครัวของเราเอง
ประการสุดท้ายในวันนี้ ขอฝากท่านอีกสักนิด ก่อนที่จะหลับนอนทุกครั้ง หากพอจะเรียกสติสัมปชัญญะได้ก่อนหลับ ให้คิดถึงคุณงามความดีของตัวเราเอง ให้คิดถึงสิ่งดีๆที่เรามีส่วนร่วมในการกระทำ หากคิดถึงบุญใหญ่ที่เราเคยทำได้ ก็ยิ่งดีมากๆ บุญใหญ่นี้หมายความรวมถึงการตอบแทนบุญคุณต่อคุณพ่อคุณแม่ของเรา ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับทำบุญกับพระอรหันต์ทีเดียว (เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า) ความดีทั้งหลายเหล่านี้ ให้คิดจากปัจจุบันย้อนไปสู่อดีต นั่นคือ วันนี้เราทำความดีในเรื่องใด มีอะไรบ้าง เมื่อวานนี้เราทำความดีในเรื่องใด มีอะไรบ้าง เมื่อวานซืนเราทำความดีในเรื่องใด มีอะไรบ้าง สัปดาห์ก่อนเราทำความดีในเรื่องใด มีอะไรบ้าง เดือนที่แล้วเราทำความดีในเรื่องใด มีอะไรบ้าง ปีที่แล้วเราทำความดีในเรื่องใด มีอะไรบ้าง ห้าปีก่อน สิบปีก่อน ยี่สิบปีก่อนเราทำความดีในเรื่องใด มีอะไรบ้าง อย่างน้อยที่สุด ขอให้คิดได้สัก 1 เรื่อง ถ้าคิดไม่ออก เราต้องตั้งใจว่าพรุ่งนี้หลังจากตื่นนอนแล้ว เราต้องทำความดีในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ให้ได้อย่างน้อยที่สุด 1 เรื่อง ( แม้มีเหตุร้ายแรงใดๆเกิดขึ้น จนทำให้เราต้องตายขณะที่เรานอนหลับ โดยไม่มีโอกาสได้ทำความดีในเช้าวันรุ่งขึ้นก็ตาม แต่ อสันนกรรม (จิตที่มีสติก่อนหลับ/ก่อนตาย) จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้จิตวิญญาณของเราได้ไปเกิดในสุคติภูมิ ที่ไม่ต่ำกว่าการเป็นมนุษย์ที่มีความสมบูรณ์ในมนุษยสมบัติ หรือไปอุบัติบังเกิดเป็นเทพ / เป็นพรหม ได้ค่อนข้างแน่นอน ( มีคำสอนอยู่ในพระสูตร ในพระไตรปิฏก จึงเป็นเรื่องที่เชื่อถือได้ )
แต่ อย่างน้อยที่สุดในวันนี้ คิดอะไรยังไม่ออก ก่อนจะหลับ ขอให้ท่านตั้งสติ เรื่มด้วยการสวดมนต์ และแผ่เมตตาให้ถึงท่านเจ้ากรรมนายเวรของคุณพ่อคุณแม่ ปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอา ครูบาอาจารย์ หรือผู้ที่เคยมีพระคุณแก่ท่าน และ/หรือ ผู้ที่เคยมีพระคุณต่อครอบครัวของท่าน แผ่เมตตาให้ไปถึง เจ้ากรรมนายเวรของคัวท่านเอง คู่สมรส บุตรหลาน บริวาร ของท่าน เช่น หากมีความทุกข์ใดๆ ขอให้พ้นจากความทุกข์ทั้งปวง หากมีความสุข ขอให้มีความสุขยิ่งๆขึ้น โดยอุทิศกุศลผลบุญจากคุณงามความดีที่เราได้เคยกระทำทั้งในอดีต จนถึงปัจจุบัน รวมทั้งที่เพิ่งสวดมนต์จบ เป็นต้น กระทำในทันทีที่มีสติรู้ต้วก่อนที่จะหลับนอน ซึ่งจะเป็นอสันนกรรมได้เช่นกัน หากมีเหตุมาตัดรอนชีวิตปัจจุบันให้ดับลง ท่านก็จะได้ไปเกิดในสุคติภูมิ ที่ไม่ต่ำกว่าการเป็นมนุษย์ที่มีความสมบูรณ์ในมนุษยสมบัติ หรือไปอุบัติบังเกิดเป็นเทพ / เป็นพรหม ได้ เป็นทางลัดในการมีชีวิตที่ดีในภพหน้าครับ
ด้วยความปรารถนาดี
จาก
นายมงคล กริชติทายาวุธ
ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
