ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

เลี้ยงลูกให้ดี....มีวัคซีนใจ


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,146 ครั้ง
Advertisement

เลี้ยงลูกให้ดี....มีวัคซีนใจ

Advertisement

 

อิ่มอุ่น ศุ บุญเลี้ยง

การเลี้ยงลูกให้ดี.......มีวัคซีนใจ

       ปัจจุบันพ่อ-แม่จำนวนมากเลี้ยงลูกด้วยความรัก แต่ไม่ได้ฝึกฝนให้เด็กมีภูมิต้านทาน

ต่อความทุกข์  เพราะไม่เคยเปิดโอกาสให้ลูกเผชิญต่อปัญหาในระดับที่เหมาะสมต่อวัยวุฒิ

ของเขา เมื่อโตขึ้นจึงขาดทักษะในการจัดการกับปัญหาชีวิต

      วัคซีนใจ  3 ประการที่ต้องสร้างให้เกิดขึ้น ในการเลี้ยงดูของพ่อแม่และการศึกษาจาก

ครูบาอาจารย์ เป็นไปเพื่อให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความพร้อมในการดำเนินชีวิต ได้แก่ 

1.วุฒิภาวะ

2.ความนับถือตนเอง

3.การแสวงหาความสุขในชีวิต

(1) วุฒิภาวะ ( Maturity ) คือความสามารถในการยับยั้งชั่งใจหรือควบคุมอารมณ์

ความต้องการของตนเอง  ถ้าพูดเป็นภาษาวัยรุ่น....วุฒิภาวะ แปลว่าความสามารถที่สมองส่วนคิด ทำงานมากกว่าสมองส่วนอยาก ....เพราะฉะนั้นต้องฝึกสอนที่สมองส่วนอยากทำงาน

1.1 เมื่อลูกอยากได้อะไร ต้องพูดคุยกันว่าจำเป็นหรือไม่...ถ้าสิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตก็ต้องยอมรับว่าไม่ควรได้ ไม่ควรมี....เป็นการรู้จักคิดแยกแยะระหว่าง

  สิ่งที่จำเป็น  ( need )  กับ  สิ่งที่อยากได้  ( want )

1.2 หากจำเป็นแต่มีข้อจำกัด  ก็หาทางออกอย่างอื่นเพื่อตอบสนองเท่าที่ทำได้..ถ้าไม่มีเงินก็ไม่จำเป็นต้องซื้อหามาเป็นเจ้าของเสมอไป เราสามารถเช่าหรือใช้บริการจากแหล่งบริการมากมายที่มีในสาธารณะ

1.3 ถ้าจำเป็นต้องมีต้องได้....ก็อย่าเพิ่งรีบซื้อให้ทันที...

ต้องฝึกให้เด็กรู้จักรอ ( delay  immediate  gratification) หรือตั้งเงื่อนไข ให้เป็นรางวัล....ถือเป็นการฝึกวินัยในตนเอง (self discipline )

        ถ้าหากลูกอยากได้อะไรแล้วพ่อ- แม่ตอบสนองหามาให้ทันที เด็กจะไม่เรียนรู้ในการที่จะรอ  เขาจะเคยชินต่อการตอบสนองความต้องการของตนเอง หากในวัยเด็กเขาไม่ได้รับการฝึกให้ควบคุมความต้องการของตนเอง เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นเขาก็ไม่เรียนรู้ที่จะยับยั้งชั่งใจในเรื่องทางเพศเป็นผลตามมา

         พ่อ-แม่หลายคนปรนเปรอลูกด้วยวัตถุหรือการเสพ...สาเหตุ 3ประการที่พบบ่อยได้แก่

               *  ไม่ต้องการให้ลูกเผชิญกับความผิดหวัง ซึ่งเคยเกิดกับพ่อ-แม่ในวัยเด็ก.....

              *  ชดเชยความรู้สึกผิดที่เรามีเวลาใกล้ชิดเขาน้อยเกินไป....จึงตอบแทนเด็กด้วยของเล่นหรือเงินทอง

              *  กลัวลูกโกรธหรือไม่รัก แล้วไม่เอาใจใส่ พ่อแม่ในยามชรา

           ผู้ใหญ่จำเป็นต้องเป็นตัวอย่างของการดำเนินชีวิตอย่างมีสติ ไม่ถูกครอบงำด้วยกระแสบริโภคนิยมเสียก่อน ไม่ถูกชักจูงง่ายจากสื่อโฆษณา ....เด็กจึงจะเลียนและรู้

รูปแบบของการใช้ชีวิตที่ไม่เน้นการแสวงหาวัตถุเพื่อสร้างความสุขให้แก่จิตใจ

        (2)  ความนับถือตนเอง   ( self – esteem )  คือการตระหนักรู้ในคุณค่าที่มีในตนเอง  นำไปสู่ความภาคภูมิใจ...พูดภาษาชาวบ้านง่ายๆ ก็คือ ความรักในตนเอง

....รักตัวเองให้เป็น ก็ต้องเห็นตัวเองให้ชัด

               วิธีการเลี้ยงลูกให้พัฒนาความนับถือตนเองมี 3 ขั้นตอนง่ายๆดังนี้

1.รู้ศักยภาพของตนเอง  ว่าเรามีความสามารถอะไรเป็นพิเศษ เรียนวิชาไหนแล้วชอบหรือมีความสุข......ซึ่งเด็กแต่ละคนจะมีลักษณะนิสัยหรือศักยภาพไม่เหมือนกัน  การเลี้ยงดูหรือการศึกษาจึงต้องพัฒนาความสามารถให้ตรงกับตัวเด็กมากที่สุด  โดยไม่จำเป็นต้องเรียนหนังสือหรือเลือกคณะวิชาไปตามกระแสค่านิยมของสังคม  ซึ่งอาจไม่ตรงกับใจตัวเอง

2. กำหนดจุดมุ่งหมายของชีวิต ซึ่งคุณสมบัติของจุดมุ่งหมายนั้นต้องมีคุณสมบัติ 2 อย่างคือ

              1.  มีความทัดเทียมกับศักยภาพของตนเอง ไม่สูงหรือต่ำเกินไป....ถ้าสูงเกินไปก็เป็นฝันกลางวัน  ถ้าต่ำเกินไปก็เป็นการดูถูกตัวเอง

             2.   ต้องสามารถกำหนดเป็นมโนภาพ (visualization)

ในใจว่าในอนาคตโตขึ้นเราอยากเป็นอะไร....บังเกิดเป็นแรงดลบันดาลใจ มีพลัง

 3. ขยัน  มุมานะพากเพียรพยายาม ( effort ) เพื่อเป็นพลังหรือแรงขับดันให้ชีวิตมุ่งมั่นสู่จุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้....ตรงข้ามกับความขี้เกียจหรือรักสนุก-ชอบสบาย ( comfort )

 การพัฒนาทั้ง 3ขั้นตอน  จะนำไปสู่ความสำเร็จเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงความภาคภูมิใจในตนเอง  นำไปสู่สภาวะจิตที่สูงส่ง และไม่ดึงชีวิตตัวเองไปสู่ทางเลื่อม เช่น  ดูหนัง  เที่ยวกลางคืน  เล่นการพนัน ติดยาเสพติด  มีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน ฯลฯ

            อุปสรรคอย่างหนึ่งของการพัฒนาความนับถือตนเอง คือระบบการศึกษาที่เน้นคนเรียนเก่ง เช่น  สอบได้ที่ 1 ถึงที่ 3 หรืออย่างน้อยก็ต้องให้ได้เลข ตัวเดียว  จึงจะเป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่หรือครูบาอาจารย์ ในขณะที่นักเรียนอีก 30 -40 คน คนที่เหลือในห้องก็ไม่สามารถเกิดความปิติสุขจากการเรียนรู้.....ผลที่สุดคือ การรวมกลุ่มของเด็กที่ไม่ประสบความสำเร็จในการศึกษา  จึงไปแสวงหาความสุขที่อื่นเช่น  เล่นเกม     ขับรถซิ่งแข่งกัน   มีเซ็กซ์เก็บแต้มอวดกัน  คุยโม้โอ้อวดการใช้สินค้าแบรนด์เนม    หาแฟนรวย   ทั้งหมดนี้เพื่อสร้างความรู้สึกว่าตนยังมีคุณค่าอยู่.....อย่างน้อยก็ได้รับการยกย่องจากสมาชิกในสังคมเล็กๆ  ของตนเอง

            เพราะฉะนั้นถ้าลูกเรียนหนังสือไม่เก่ง  แทนที่จะถูกซ้ำเติมจากพ่อแม่ด้วยคำพูดทางลบ  ผู้ปกครองควรให้กำลังใจ และความคิดในเชิงบวก 

(3) การแสวงหาความสุขในชีวิต ความสุขมีรูปแบบที่หลากหลาย แบ่งเป็น 4 ระดับ เรียกว่า 4ระดับความสุข  จากสนุกสู่สงบ

              1.  มีกิจกรรมสนุกสนานจากกิจกรรมบันเทิง  ได้รับความเอร็ดอร่อยจากการเสพทางตา หู จมูก  ลิ้น และผิวหนัง มักจำเป็นต้องซื้อหาด้วยเงิน  หากไม่รู้จักควบคุมการเสพ  ก็นำไปสู่ความทุกข์ร้อนเรื่องหนี้สิน

             2.   การเสพสุขสุนทรียภาพของงานศิลปะ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อหามาเป็นเจ้าของ  แต่ชื่นชมจนนำไปสู่ความปิติ  อิ่มเอิบ  เบิกบานและเกิดแรงดลบันดาลในชีวิต

             3.  ความสงบสบายจากการใกล้ชิดธรรมชาติ....ท่ามกลางธรรมชาติ ย่อมโน้มนำใจให้ผ่อนคลายสดชื่นและเย็นใจ.....พร้อมความรู้สึกสำนึกในบุญคุณ อันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ....จนมิอาจคิดถึงเรื่องการทำลายหรือความโลภ

          4.   การดำเนินชีวิตอย่างพิจารณา.....มีสติในกิจวัตรประจำวันและการทำงาน ในที่สุดเราก็จะเข้าใจในสัจธรรมของชีวิต จนในที่สุดจิตของเราที่พัฒนาจนผ่อนคลายจาการยึดติดในสิ่งต่างๆ นำไปสู่การดำเนินชีวิตที่ไม่เป็นทุกข์

            ข้อมูลจาก นายแพทย์สุกมล  วิภาวีพลกุล

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 1712 วันที่ 2 พ.ย. 2551


เลี้ยงลูกให้ดี....มีวัคซีนใจ

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

เงากิเลส....กลอนสอนใจคนเลว

เงากิเลส....กลอนสอนใจคนเลว


เปิดอ่าน 7,146 ครั้ง
ฮามาก...ถึงมากที่สุดเลย...

ฮามาก...ถึงมากที่สุดเลย...


เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง
การคิดเชิงสังเคราะห์

การคิดเชิงสังเคราะห์


เปิดอ่าน 7,232 ครั้ง
สีเสื้อผ้า...เสริมดวงได้นะ

สีเสื้อผ้า...เสริมดวงได้นะ


เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง
  **เส้นผมสำหรับส่งออก**

**เส้นผมสำหรับส่งออก**


เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง
ชมฝนดาวตก

ชมฝนดาวตก


เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง
27 เรื่องเล็กๆ แต่น่ารู้ ....

27 เรื่องเล็กๆ แต่น่ารู้ ....


เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง
วันนี้วันอะไร?

วันนี้วันอะไร?


เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง
ขออนุญาตเผยแพร่ผลงาน

ขออนุญาตเผยแพร่ผลงาน


เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง
ขอความคิดเห็นด้วยครับ

ขอความคิดเห็นด้วยครับ


เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง
บทเรียน...บทจำ

บทเรียน...บทจำ


เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

ผลบุญ...ผลกรรม...

ผลบุญ...ผลกรรม...

เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
ขมิ้น...รักษาโรค
ขมิ้น...รักษาโรค
เปิดอ่าน 7,147 ☕ คลิกอ่านเลย

เพชรทั้งคัน
เพชรทั้งคัน
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย

ความจริงเกี่ยวกับ ความรัก ความโกรธ และ ความเมตตา
ความจริงเกี่ยวกับ ความรัก ความโกรธ และ ความเมตตา
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย

เครื่องไม่รู้จัก handy
เครื่องไม่รู้จัก handy
เปิดอ่าน 7,148 ☕ คลิกอ่านเลย

เผยแพร่งานวิจัย
เผยแพร่งานวิจัย
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย

 คลับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กเล็ก  D
คลับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กเล็ก D'Eng Club
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เกษตรกรมือใหม่ต้องรู้ ระบบน้ำเลี้ยงมีความสำคัญมากยังไง
เกษตรกรมือใหม่ต้องรู้ ระบบน้ำเลี้ยงมีความสำคัญมากยังไง
เปิดอ่าน 26,659 ครั้ง

อบเชย
อบเชย
เปิดอ่าน 15,407 ครั้ง

เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ในแต่ละปี
เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ในแต่ละปี
เปิดอ่าน 14,176 ครั้ง

อากาศร้อนจัด นักวิชาการมหิดล เตือน ฮีทสโตรค อันตราย
อากาศร้อนจัด นักวิชาการมหิดล เตือน ฮีทสโตรค อันตราย
เปิดอ่าน 30,372 ครั้ง

วิจัย พบ ชายศีรษะล้านมีโอกาสก้าวหน้าในการงานและธุรกิจมากกว่า
วิจัย พบ ชายศีรษะล้านมีโอกาสก้าวหน้าในการงานและธุรกิจมากกว่า
เปิดอ่าน 10,983 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ