Advertisement
❝ เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า แล้วคุณมาทำร้ายฉันทำไม ❞
“บุหรี่ตัวการร้ายทำลายสุภาพทั้งตัวเองและคนใกล้ชิด” ประโยคนี้ถือเป็นความจริงทีหลายคนรู้และยากที่จะปฏิเสธได้ว่ามันไม่จริง! แต่หาก!! หันกลับไปมองดูตัวเลขของผู้สูบบุหรี่ปัจจุบันแล้ว กลับพบว่า อัตราการสูบบุหรี่ของคนทั้งโลกดูจะไม่ได้เกรงกลัวต่อพิษภัยของมันเลยแม้แต่น้อย...
เพราะล่าสุดจากสถิติตัวเลขของผู้สูบบุหรี่ทั่วโลก มีจำนวนมากถึง 1,300 ล้านคน และในจำนวนนี้พบมีผู้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ไปแล้ว 500 ล้านคน ในส่วนของประเทศไทย
ถึงแม้จะมีผลสำรวจออกมาว่าปัจจุบันคนไทยเกิดความตื่นตัวถึงภัยบุหรี่มากถึง 90% อีกทั้งที่มีมาตรการควบคุมยาสูบที่ค่อนข้างครบวงจร ตั้งแต่ การห้ามโฆษณา การพิมพ์คำเตือนเป็นรูป การขยายเขตคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ในที่สาธารณะ และการขึ้นภาษีเป็นระยะก็ตาม...แต่นั่นก็ไม่ช่วยให้คนไทยสูบบุหรี่น้อยลง เมื่อผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติบ่งบอกว่า ประเทศไทยยังติดอันดับที่ 5 ใน 10 ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีผู้สูบบุหรี่มากที่สุด สูงถึง 10.8 ล้านคน โดยแบ่งเป็นเพศชาย 10.3 ล้านคน คิดเป็น 41.70% เพศหญิง 0.51 ล้านคน คิดเป็น 1.94 %
เมื่อมีผู้สูบก็ต้องมีผู้เสียชีวิต...จากการสำรวจของมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่พบว่าบุหรี่คร่าชีวิตคนไทยไปแล้วกว่าปีละ 42,000 คนคิดเป็น 115 คนต่อวัน เฉลี่ยชั่วโมงละ 4.7 คน โดยโรคยอดฮิตที่ทำให้คนเราตายเพราะบุหรี่ อันดับที่ 1 เป็นโรคถุงลมโป่งพอง รองลงมา โรคมะเร็งปอด โรคหัวใจและโรคหลอดเลือด และโรคมะเร็ง ตามลำดับ
เป็นที่แน่นอนว่ากลุ่มที่น่าเป็นห่วงคงจะเป็น “เด็กและเยาชนไทย” ที่ง่ายต่อการตกเป็นเหยื่อ เพราะมีจำนวนสูงถึง 1,605,211 คนที่สูบบุหรี่ ที่สำคัญอายุของผู้ที่เริ่มสูบก็ยิ่งลดลงจนน่าใจหาย เพราะมีอายุน้อยที่สุดเพียง 13 ปีเท่านั้น
ปัจจุบันไม่เพียงเยาวชนเท่านั้นที่น่าเป็นห่วงเท่านั้น “ผู้หญิง” ก็กลับกลายมาเป็นเป้าหมายสำคัญทางการตลาดของบริษัทบุหรี่ เนื่องจากในกลุ่มของผู้หญิงนั้นยังสามารถทำการตลาดให้ขยายไปได้อีกอย่างกว้างขวางในอนาคต ที่สำคัญได้มีการทำสำเร็จมาแล้วในประเทศใหญ่ๆ สังเกตได้จากวัยรุ่นหญิงในยุโรปและอเมริกาที่สามารถสูบบุหรี่ได้อย่างเสรีจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาของสังคมไปแล้ว จนปัจจุบันทำให้มีอัตราการสูบบุหรี่ที่สูงกว่าวัยรุ่นชาย อีกทั้งอัตราการสูบบุหรี่ของชายต่อหญิง เท่ากับ 1 : 1 ซึ่งถือเป็นเรื่องที่กังวลเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายในสังคมไทยจึงต้องร่วมมือกัน เพื่อไม่ให้หญิงไทยสูบบุหรี่มากขึ้นดังที่เกิดขึ้นกับประเทศอื่น ๆ
สำหรับในประเทศไทยเอง พบว่า ในแต่ละปี มีผู้หญิงเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ถึง 5,793 คน ซึ่งปัจจัยหลักที่เอื้อให้ผู้หญิงไทยหันมาทำร้ายริลองสูบบุหรี่นั้น มักมาจากอิทธิพลจากคนใกล้ชิด ซึ่งมาจากการที่มีเพื่อนสนิทสูบบุหรี่ ซึ่งส่งผลให้มีโอกาสสูบบุหรี่ถึง 18 เท่า อีกทั้งหากมีทัศนคติเชิงบวกต่อการสูบบุหรี่ที่เห็นว่าดูดี โก้เก๋ ก็จะมีโอกาสสูบบุหรี่ 7 เท่า และที่สำคัญถ้าแม่สูบบุหรี่ก็จะทำให้ลูกมีโอกาสสูบบุหรี่ถึง 4 เท่าอีกด้วย!!!
ไม่หมดเพียงเท่านี้ เมื่อเรื่องที่น่าตกใจ!!! คือแต่ละปีมีคนที่ไม่สูบบุหรี่หลายแสนคน ต้องเสียชีวิตด้วยโรคที่เกิดจากการได้รับควันบุหรี่มือสอง เพราะผู้ที่ได้รับควันอย่างต่อเนื่อง มีโอกาสที่จะเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบสูงถึง 25 – 30 % ซึ่งควันมือสอง สามารถเกิดได้จาก 2 แหล่งด้วยกัน คือ ควันบุหรี่ที่ผู้สูบบุหรี่พ่นออกมา และควันที่ลอยจากตอนปลายมวนบุหรี่ ทันทีที่บุหรี่ถูกจุดขึ้น ทำให้เกิดสารเคมีถึงกว่า 4,000 ชนิด เป็นสารพิษมากกว่า 250 ชนิดและกว่า 50 ชนิดเป็นสารพิษที่วงการแพทย์ระบุว่าเป็นสารก่อมะเร็ง นับเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก
“ขอโทษค่ะเราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าค่ะ” “แล้วคุณมาทำร้ายฉันทำไม” ประโยคนี้คงเป็นประโยคที่ผู้ได้รับควันบุหรี่มือสองพยายามเรียกร้องสิทธิ์ของตนเองกลับคืนมา
แต่ทว่าหากยังคงปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป คงต้องมีคนตกเป็นทาสและเสียชีวิตจากบุหรี่อีกหลายล้านคนเป็นแน่...
แม้ผู้สูบบุหรี่หลายรายที่สูบจนถึงขั้น “ติด” คิดอยากที่จะเลิก แต่ยัง “เลิกไม่ได้” “นิโคติน” ผสมอยู่ ซึ่งในวงการแพทย์นานาชาติถือว่าสารชนิดนี้เป็นสารเสพติดที่มีฤทธิ์สั่งการให้สมองเกิดอาการอยากสูบ หากได้รับนิโคตินเพิ่มขึ้นๆ ก็เท่ากับเป็นการรับสิ่งตอกย้ำเข้าสู่ร่างกายอย่างร้ายแรงเพิ่มขึ้น เพราะด้วยความสามารถเฉพาะตัวที่หาสารชนิดอื่นเทียบได้ยากของ “เจ้าสารนิโคติน” ที่สามารถเข้าสู่สมองได้อย่างรวดเร็วภายใน 7 วินาทีที่สูด-อัดเข้าไปในร่างกาย ซึ่งเร็วกว่าการฉีดเฮโรอีนเข้าเส้นเลือดเสียอีก และเมื่อไหร่ที่ได้รับสารนิโคตินเข้าสู่ร่างกายถึง 60 มิลลิกรัมในครั้งเดียว จะทำให้เสียชีวิตได้ในทันที ...แต่หากรับเข้าสู่ร่างกายเรื่อยๆ แบบสะสมมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งสูงตามมา
เมื่อเป็นเช่นนี้ หมากฝรั่งเลิกบุหรี่จึงกลายมาเป็นทางเลือกของผู้ที่ต้องการเลิกอย่างจริงจัง ซึ่ง “หมากฝรั่งเลิกบุหรี่” หรือ นิโคมายด์ 2 ถือเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ที่หิวกระหายสารนิโคตินจากควันบุหรี่ โดยปริมาณนิโคตินที่ผสมอยู่ 2 มิลลิกรัม ถือว่าไม่มากและไม่น้อยเกินไปสำหรับนักอมควันทั่วไป เพราะสารนิโคตินที่แฝงอยู่ในเนื้อหมากฝรั่งจะค่อยๆ ปลดปล่อยออกมาอย่างช้าๆ โดยใช้เวลาอยู่ในปากเราได้ถึง 40 นาที แต่ให้ใช้ได้ประมาณ 8-10 เม็ดต่อวัน เมื่อความต้องการบุหรี่ลดลง ควรลดจำนวนนิโคมายด์ ในแต่ละวันลงตามลำดับ เพราะจากผลวิจัยพบว่า ใช้เวลา เพียง 21 วันเท่านั้นก็โบกมืออำลาบุหรี่ได้เลย ส่วนในรายที่ติดมากๆ อาจใช้เวลาถึง 3 เดือน แต่ถ้าหลังจาก 3 เดือนแล้วยังมีความต้องการนิโคตินอยู่ ยังสามารถใช้นิโคมายด์ 2 ต่อได้เพื่อป้องกันการกลับไปใช้บุหรี่ แต่ควร ใช้จำนวน 1 เม็ดต่อวันถือว่าเหมาะสมที่สุด และเพื่อการใช้นิโคมายด์ 2 ให้เกิดผล ผู้สูบควรหยุดการสูบบุหรี่ รวมทั้งงดดื่มเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เป็นกรด อย่างกาแฟ น้ำผลไม้ น้ำอัดลม 15 นาทีก่อนเคี้ยวหมากฝรั่ง
และล่าสุดมีการค้นพบ “สมุนไพรหญ้าหมอน้อย” หรือ “สมุนไพรหญ้าดอกขาว” ที่สามารถช่วยให้ผู้อยากเลิกบุหรี่เลิกได้ผลเกินคาด ไม่มีอาการข้างเคียง แถมลดเครียด ลดก๊าซในลมหายใจได้ ด้วย 2 วิธี คือ
1.ยาเคี่ยว ที่ใช้หม้อดิน โดยใช้สมุนไพรหญ้าหมอน้อยที่มีดอกลักษณะดอกตูม 1 ส่วนต่อน้ำ 3 ส่วน และเคี่ยวให้เหลือ 1 ส่วน ก่อนดื่มเมื่อมีอาการอยากบุหรี่
2.ชา ชงกับน้ำร้อน ดื่มหลังอาหาร 3 มื้อ ซึ่งวิธีเหล่านี้จึงเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ด้วยการใช้ยาสมุนไพร และสามารถลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ในประเทศได้
นี่คงจะมีส่วนช่วยให้ “อัตราการสูบบุหรี่” ลดลงได้บ้าง แต่ทั้งนี้หัวใจหลักที่จะทำให้ “บุหรี่” ลดลงอย่างถาวรได้นั้นคงต้องพึ่ง “จิตใจที่เข้มแข็ง” ของผู้สูบบุหรี่ด้วย เพราะหากวันนี้ “ผู้สูบ” ยังคงสูบเป็นปกติอยู่ นอกจากตัวเองแล้วคนที่อยู่รอบข้างยังได้รับควันบุหรี่มือสองคงต้องจบชีวิตลงเพราะโรคร้ายอย่าง “มะเร็ง” เป็นแน่... |
|
|
Advertisement
เปิดอ่าน 21,706 ครั้ง เปิดอ่าน 15,875 ครั้ง เปิดอ่าน 10,386 ครั้ง เปิดอ่าน 11,259 ครั้ง เปิดอ่าน 15,827 ครั้ง เปิดอ่าน 10,199 ครั้ง เปิดอ่าน 10,544 ครั้ง เปิดอ่าน 21,722 ครั้ง เปิดอ่าน 34,336 ครั้ง เปิดอ่าน 8,290 ครั้ง เปิดอ่าน 10,453 ครั้ง เปิดอ่าน 11,788 ครั้ง เปิดอ่าน 11,583 ครั้ง เปิดอ่าน 13,880 ครั้ง เปิดอ่าน 4,629 ครั้ง เปิดอ่าน 13,409 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 8,770 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 46,723 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 1,821 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 12,267 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 9,837 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 12,581 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 12,399 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 11,653 ครั้ง |
เปิดอ่าน 85,263 ครั้ง |
เปิดอ่าน 16,520 ครั้ง |
เปิดอ่าน 15,880 ครั้ง |
เปิดอ่าน 15,380 ครั้ง |
|
|