The Chorus หรือ Les Choristes เป็นหนังฝรั่งเศสในปี ๒๐๐๔ เป็นผลงานของผู้กำกับที่ทำหนังโฆษณามาก่อน ชื่อ Christophe Barratier หนังจึงถ่ายทำสวย แต่ว่าภาพตัวอย่างที่ผมนำมาลง จะเป็นภาพภายในโรงเรียนเสียเป็นส่วนใหญ่ หนังสีสวย เรียกว่าใครชอบบรรยากาศแบบชนบทฝรั่งเศส ใบไม้ใบหญ้าเขียวขจีแล้วละก็ ควรหามาดู
แรกเริ่มเดิมทีนั้น ผมเห็นหนังแผ่นนี้วางขายอยู่ตามร้าน แบบเลหลังถูก ๆ แล้วผมก็ไม่ได้ให้ความสนใจแม้แต่นิดเดียว แต่เรียกว่ายังมีบุญอยู่ มีเพื่อนเอามาให้ดู ผมก็รับมาโดยไม่ได้หวังอะไรมาก เพราะตัวผมเองไม่ชอบหนังเรื่องครูกับศิษย์ หรือหนังเกี่ยวกับโรงเรียนเอาเสียเลย เป็นความรู้สึกส่วนตัวนะครับ คือพอรู้ว่าเป็นหนังแนวนี้ ก็เดาพล็อตเรื่องไว้ล่วงหน้าก่อนได้เลยว่า ครูจะต้องเจอกับเด็กเฮี้ยว แต่ในที่สุดความดีและความเอาใจใส่ของครู ก็จะต้องกำราบเด็กได้อยู่หมัด และคงต้องเรียกน้ำตาคนดูกันหลายแหมะ
แต่พอดูเข้าจริง ๆ ก็เป็นอย่างที่ผมเดาไว้นั่นแหละครับ แต่ไม่ใช่อย่างที่คิดทั้งหมดเสียทีเดียว หนังเรื่องนี้เลยเป็นหนึ่งในดวงใจของผมตลอดไป (ทั้งที่ไม่ชอบหนังแนวนี้ !) เหตุก็เพราะว่า คาแรกเตอร์ของครูและศิษย์นั้น มีมิติ มีความลุ่มลึกครับ ไม่ใช่ว่าครูดีก็ดีเสียจนใจหาย ทุ่มเทจนหมดทั้งชีวิต หรือนักเรียนที่เอาแต่มีพฤติกรรมเกเรที่เกินจริง ต้องรบกับครูตลอดเวลา
(ครูน้อยกับครูใหญ่จอมเฮี้ยบ)
ครูมาติเยอ (Mathieu) นั้น เดินทางมาที่โรงเรียนแห่งนี้เพื่อสอนดนตรี ดูครูเป็นคนแสนจะธรรมดา ออกจะซื่อเสียด้วยซ้ำ จึงไม่เข้าใจว่าทำไมครูใหญ่จึงเข้มงวดกับนักเรียนนัก ครูใหญ่ให้คำตอบว่า "ไม่เช่นนั้นจะเอาไม่อยู่" แต่ว่า แม้แต่มาติเยอเองก็ยังถูกครูใหญ่เข้มงวดเอาต่าง ๆ นา ๆ ชีวิตของมาติเยอดูเงียบเหงากับโรงเรียนเล็ก ๆ แห่งนี้ มาติเยอเองเคยใฝ่ฝันจะเป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียง แต่หนังแสดงให้เเห็นภาพของมาติเยอ ที่ดูราวกับจะทำใจได้ตั้งนานแล้ว ว่าเขาก็เป็นได้แค่ครูต๊อกต๋อยคนหนึ่ง และก็ไม่มีคู่ครอง
(มอร์ฮ็อง นักเรียนดื้อเงียบ)
เด็กในโรงเรียนนี้ต้องเฮี้ยวเป็นธรรมดา เพราะเป็นโรงเรียนประจำที่เด็กค่อนข้างจะเหลือขอ มีทั้งเด็กที่กระทำความผิดมาแล้วถูกส่งมาดัดสันดานที่นี่ด้วย รวมถึงมอร์ฮ็อง (Morhange) เด็กหน้าตาดี ที่ครูทั้งหลายกระซิบให้มาติเยอ ระวังเด็กคนนี้เอาไว้ด้วย เพราะว่าหน้าตาดี แต่ร้ายลึก
มาติเยอนั้น กว่าจะเอาเด็กให้อยู่หมัดก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แถมยังถูกเด็กล้อว่า "ไอ้หัวเหม่ง" เป็นประจำ ซึ่งมาติเยอก็ไม่ได้แสดงความโกรธเกลียดเด็กพวกนี้ กลับจะออกรับแทนเมื่อเด็กถูกลงโทษอย่างรุนแรง เขาใช้เครื่องมือเฉพาะตัวของเขา ในการทำให้เด็กเห็นคุณค่าของตนเอง นั่นก็คือวงคอรัส เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างทางนิสัย และนั่นก็รวมถึงโทนเสียงที่แตกต่างกันด้วย มาติเยอก็ได้ให้มอร์ฮ็องเข้าร่วมกับวงคอรัสด้วย เพราะได้ยินเสียงของมอร์ฮ็องที่แอบมาหัดร้องเพลง
ครูมาติเยอนั้น หลงรักแม่ของมอร์ฮ็องซึ่งเป็นแม่ม่าย นานๆ ที แม่จะมาเยี่ยมมอร์ฮ็อง และก็เป็นโอกาสที่ครูมาติเยอ จะทำความรู้จัก นางมอร์ฮ็องนั้นไม่รู้เลยสักนิดว่ามาติเยอชอบพอตน แต่เด็กชายมอร์ฮ็องนั้น หวงแม่ของตนมากเสียจนแกล้งครูมาติเยอด้วยการทำให้ครูอับอาย นางบอกกับมาติเยอถึงอนาคตของหล่อน (กับผู้ชายที่ไม่ใช่มาติเยอ) หนังก็แสดงให้เห็นเพียงว่า มาติเยอมีสีหน้าที่ซ่อนความผิดหวัง และก็เป็นอารมณ์แต่เพียงแวบเดียว เพราะดูเหมือนมาติเยอจะทำใจได้กับทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องของหัวใจที่อ้างว้างมานาน
หนังไม่ได้เป็นแบบฮอลลีวู้ดที่บทสรุปของครู จะต้องเป็นผู้แก้ปัญหาเด็กได้หมดทุกคน เพราะเด็กเหลือขอจริง ๆ มาติเยอก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ หรือแม้แต่จะปกป้องให้รอดพ้นจากข้อกล่าวหาว่าขโมยเงินของโรงเรียน เมื่อครูใหญ่ไม่อยู่ เจ้าเด็กโข่งตัวแสบที่ถูกตะเพิดออกไปจากโรงเรียนแล้ว ก็กลับมาจุดไฟเผาโรงเรียนจนเสียหายไปพอสมควร มาติเยอไม่พ้นไปจากความรับผิดชอบนี้ได้ เขาจึงต้องออกไปจากโรงเรียนนี้ พร้อมทั้งเด็กตัวน้อยคนหนึ่ง ที่ไม่มีใครเคยมาเยี่ยมเขาที่โรงเรียนเลย ดูจะมีแต่มาติเยอเท่านั้น ที่สนใจเด็กน้อยจอมซนอย่างเขา
หนังเต็มไปด้วยความสวยงามของจิตใจผู้เป็นครู เป็นบทที่เป็นธรรมชาติ เป็นบทของครูผู้ต่ำต้อย และก็ต้องผิดหวังอยู่ตลอดเวลา แต่ครูผู้นี้ก็ไม่เคยลืมที่จะสร้างคน เมื่อมอร์ฮ็องทำสิ่งที่ร้ายกาจกับมาติเยอ มาติเยอลงโทษมอร์ฮ็องด้วยการให้ออกจากวงคอรัส แต่ว่าเมื่อวงคอรัสออกแสดงต่อหน้าผู้อุปถัมภ์โรงเรียน มอร์ฮ็องยืนหลบอยู่ข้างเวที มองดูวงกำลังขับร้อง ครูมาติเยอ หันมามองมอร์ฮ็อง แล้วผายมือ เชื้อเชิญให้มอร์ฮ็องร้องเดี่ยวในตอนที่ได้ซักซ้อมเอาไว้แล้ว มอร์ฮ็องไม่คาดคิดว่าครูได้ให้อภัยการทำชั่วของเขา ด้วยการมองเขาอย่างเมตตา และให้โอกาสเขาเสมอ สายตาของครูและมอร์ฮ็องที่สบตากันนั้น เห็นได้ว่า ครูไม่เคยเกลียดมอร์ฮ็อง ส่วนมอร์ฮ็องนั้นเล่า ก็ได้รู้รสถึงการทำชั่วของตัว และการที่ได้รับ "การให้อภัย" หนังไม่ต้องใช้บทสนทนา ใช้เพียงภาษาภาพ เราก็เห็นได้แล้วว่า มาติเยอสอนให้มอร์ฮ็องมีสำนึกที่ดี รู้คุณค่าของการอภัยและการให้อภัย
ดูมาถึงตรงนี้ ผมรับประกันได้ว่า ถ้าใครชอบหนังที่สวยๆ ซึ้ง ๆ ต้องน้ำตาเป็นเผาเต่า หนังจบลงด้วยการที่มอร์ฮ็องเติบโตขึ้น เขาได้พบกับเพื่อนนักเรียนตัวน้อยอีกคน ที่ตอนนี้ก็ล่วงเข้าสู่วัย "หนุ่มใหญ่" ด้วยกันหมดแล้ว ทั้งสองสนทนากันถึงความหลัง ความหลังของครูมาติเยอ ที่ไม่มีใครรู้เลยว่า หลังจากวันเวลาที่ปวดร้าวในโรงเรียนนั้นแล้ว ครูมาติเยอจะเป็นอย่างไร
THANKS .......